- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 16 December 2015 15:48
- Hits: 917
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังลุ้นขึ้นต่อ แม้อาจผันผวนบ้าง จึงเน้นลงเลือกซื้อ-ขึ้นถือ!
กลยุทธ์ : SET เริ่มมีจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นได้แรงตามคาด หลังที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลงลึกกว่าปัจจัยพื้นฐานมากแล้ว โดย FSS ยังคาดว่ามีลุ้นโอกาสแกว่งตัวด้านบวกต่อเนื่องได้อีก ดังนั้นจึงยังแนะนำให้เน้นถือไว้ก่อน เพื่อรอหาจังหวะขายช่วงบวกต่อไป แต่ต้องระวังการแกว่งผันผวนและอ่อนตัวเป็นระยะ จึงไม่แนะนำให้ซื้อไล่ราคาช่วงบวก
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TRC, TVT, SAWAD(short)
แนวโน้ม : SET รีบาวด์กลับขึ้นได้แรง หลังจากช่วงกว่า 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลงมาประมาณ 150 จุด และไหลลงแล้วเกือบ 200 จุดในช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ SET ช่วงนี้มีระดับ Forward PE ปี 2016 เพียง 12 เท่าเศษ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นภูมิภาคพอควร และเป็นระดับ PE ที่ใกล้เคียงกับช่วงเกิดวิกฤติ Subprime แล้วด้วย ในขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของ บจ. ต่างๆ ในช่วงนี้ไม่ได้เลวร้ายเท่ากับในช่วงวิกฤติดังกล่าว จึงถือว่าตลาดหุ้นไทยตอบรับข่าวลบมากเกินไป ทำให้ FSS มองว่าที่ระดับดัชนีปัจจุบันหรือต่ำกว่าน่าสนใจในการเลือกหุ้นกลับเข้าทยอยซื้อสะสมได้อีกครั้ง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร กลุ่มรับเหมา วัสดุก่อสร้าง หรือแม้กระทั่งหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ที่อาจได้รับผลกระทบเชิงลบบ้างจากการแข่งขันรุนแรงในการประมูลคลื่น 900MHz ช่วงนี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนของราคาประมูลของหุ้นกลุ่ม ICT และนักลงทุนบางส่วนอาจจะยังต้องการรอลุ้นผลประชุมเฟดในคืนวันนี้อีกครั้ง ทำให้ SET ยังมีสิทธิแกว่งผันผวนและอ่อนตัวลงได้ เราจึงไม่แนะนำให้ซื้อในลักษณะไล่ราคา
แนวรับ 1297-1290 , 1283-1280 จุด
แนวต้าน 1306-1310 , 1314-1316 , 1320-1324 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$509 ล้าน เงินทุนส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$259.2 ล้าน ตามด้วยไต้หวัน US$148.7 ล้าน ขณะที่ไทยยังเป็นประเทศที่กระแสเงินทุนไหลออกมากสุดในกลุ่ม TIP อีก US$90 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนในวันนี้มีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคแต่น่าจะชะลอตัวลง เนื่องจาก Valuation ของหลายตลาดเริ่มถูกและแม้ว่าการประชุม FOMC ยังไม่เสร็จสิ้นแต่ตลาดคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสต่ำกว่า 0.25% ขณะที่ราคาน้ำมันที่เริ่มดีดตัวขึ้น
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) การประมูล 4G ยังเดินต่อ ล่าสุดก่อนหยุดพักช่วง 6.00น. ราคาอยู่ที่ใบอนุญาตละ 31,862 ล้านบาท สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงของคลื่นเกือบเท่าตัว และตามข่าวระบุว่ามีผู้ใช้สิทธิ waive แล้ว 2 ครั้ง หากการประมูลลากยาวถึงเที่ยงวันนี้ ราคาประมูลจะไปถึง 3.5 หมื่นล้านบาทต่อใบอนุญาตซึ่งเป็นราคาที่ตลาดคาดไว้ และถ้าการแข่งขันยังไม่มีทีท่าชะลอความร้อนแรง หุ้นกลุ่มนี้อาจกลับมาสร้างความกังวลให้ตลาดและมีโอกาสเห็นแรงขายหลังราคาหุ้นปรับขึ้นราว 10% วานนี้ อย่างไรก็ตาม เรายังชอบ ADVANC (ราคาเป้าหมาย 270 บาท) มากที่สุดไม่เปลี่ยนแปลง
(0) คาดกนง.คงดอกเบี้ยที่ 1.5% ในวันนี้ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของปี และจะมีรอบการปรับประมาณการเศรษฐกิจวันที่ 25 ธ.ค. แต่เชื่อว่าธปท.ไม่ปรับแล้วเพราะล่าสุดคาด GDP +2.7% ปีนี้และ +3.7% ปีหน้า ซึ่งเราคาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะจบได้ที่ +2.8% และหมดยุคดอกเบี้ยขาลงเพราะเศรษฐกิจไทยเริ่มแสดงพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น
(0) ตลาดตอบรับการขึ้นดอกเบี้ย Fed 0.25% แล้ว แต่ถ้าน้อยกว่านี้ หุ้นจะบวกแรง จุดสนใจอยู่ที่แถลงการณ์และการคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐหลังการประชุมมากกว่า ถ้า Fed ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2016 อย่างค่อยเป็นค่อยไป (ตลาดคาด Fed ขึ้นดอกเบี้ยไม่เกิน 2 ครั้งในปีหน้า) เชื่อว่าความผันผวนในตลาดเงินจะไม่มากนักและ SET ยังมีโมเมนตัมขึ้นต่อเพราะ Forward PE ยังต่ำเพียง 12.6 เท่า
(+) หุ้นแบงก์ถูกเกินไป แม้กำไร 4Q15 จะทรงตัว Q-Q เพราะน่าจะตั้งสำรองตุนไว้สำหรับปีหน้า และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ส่วน NPL ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นใน 1H16 แต่เราเชื่อว่าจะไม่แย่เท่าช่วง Subprime ที่อยู่ที่ 6% ในส่วนของสินเชื่อที่เราคาดว่าจะเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นใน 2H16 แต่การเติบโตจะไม่สูงเกิน 10% เหมือนในช่วง 2010-13 ซึ่งไม่กระทบรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมากนัก เพราะชดเชยได้จากต้นทุนเงินฝากที่ต่ำลงและรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น ปัจจุบันหุ้นกลุ่มแบงก์ซื้อขายที่ 2016 Forward PE เพียง 8 เท่าและ PBV 0.97 เท่า ขณะที่คาด ROE เฉลี่ย 13% หุ้นที่น่าสนใจในแง่ Relative PBV/ROE ได้แก่ KBANK, SCB, KTB, TISCO และ TCAP
(+) AMATAV เป็น Holding company ที่ถือหุ้น 89.99% ในอมตะเวียดนามซึ่งทำนิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจเกี่ยวเนื่องในเวียดนาม มีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในจังหวัดดองไนซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการปัจจุบัน มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาที่ดินในเวียดนามมานานกว่า 20 ปี รายได้หลักของบริษัทมาจากการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม พื้นที่เชิงพาณิชย์ ให้เช่าโรงงานสำเร็จรูป และค่าบริการสาธารณูปโภคแก่ผู้ซื้อที่ดินและผู้เช่าโรงงานสำเร็จรูป บริษัทมีแผนขยายอีก 2 โครงการคือ High Tech Industrial Park และ Service Township ซึ่งคาดรายได้เข้าในปี 2017-18 สำหรับกำไรสุทธิในปี 2015-16 เราคาดเติบโต 217% และ 20% ตามลำดับ ประเมินมูลค่าเหมาะสมปีหน้า 10.40 บาท (DCF) (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ AMATAV)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้ราว 1% จากราคาน้ำมันที่เริ่มมีการฟื้นตัว ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุม FED คืนนี้โดยคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 9 ปี
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้แรงราว 3% จากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัว รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีที่ดีขึ้น
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้เช่นกัน หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นก่อนทราบผลการประชุม FED
(+) ค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะแข็งค่าขึ้น ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.88-36.03 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดที่ 37.35 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังลงไปแตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 11 ปี แต่อย่างไรก็ตามยังถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่จะแข็งขึ้นในอนาคตหาก FED ขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงภาวะ Oversupply
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,061.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 1.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนจับตาดูผลการประชุม FED ในคืนวันนี้ซึ่งคาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15-16 ธ.ค. - ประชุม FOMC ครั้งสุดท้ายของปีนี้
16-ธ.ค. - ไทย: กนง.ประชุมครั้งสุดท้ายของปี, AMATAV เทรด (ราคา IPO 7.50 บาท)
18 ธ.ค. - ไทย: K เริ่มเทรด (ราคา IPO 5.80 บาท)
21 ธ.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ย.)
22-ธ.ค. - ไทย: กกพ.จับฉลากผู้ได้ใบอนุญาตรับซื้อไฟฟ้า (PPA) ในโครงการโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ 600MW
- สหรัฐ: 3Q15 GDP (ตัวเลขสุดท้าย) , ยอดขายบ้านเก่า (พ.ย.)
23 ธ.ค. - ญี่ปุ่น: ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวัน Emperor’s Birthday
- สหรัฐ: รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล, คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ย.)
24-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการ: อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ฮ่องกง
- ไทย: ดุลการค้า (พ.ย.)
25-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการเนื่องในวัน Christmas: อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สหรัฐ
- ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม, อัตราการใช้กำลังการผลิต (พ.ย.)
- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อและตัวเลขการก่อสร้างบ้านใหม่ (พ.ย.)
29-ธ.ค. - สหรัฐ: ดัชนีราคาบ้าน S&P/Case-Shiller Index (ต.ค.)
30-ธ.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch