- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 December 2015 18:07
- Hits: 3708
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'จับตาผลประชุมเฟด & ประมูล 4G'
Stock Picks-Dec 2015 : Fundamental : CPN, INTUCH, KBANK, MTLS, TCAP และ Dark Horse เป็น ANAN, TASCO
Fundamental Pick -Today: BBL (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหน้า 2)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, DTAC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : AMATA 28%, TRUE 20%, BBL, 14%, BANPU 13%, PS 12%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ เน้นซื้ออ่อนตัว
Support Resistance Stop Loss
SET 1260-1250 1290-1300 ค่าลบ
SET50 810-800 830,840 ค่าลบ
Technical Picks- Today : KBANK, SCB, SCC, PTT, BDMS, AOT, BEC, BCH
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อในตลาดหุ้นไทย (วันศุกร์ Net sell อีก 1.6 พันล้านบาท) ส่วนแรงซื้อของสถาบันในประเทศก็ไม่แข็งแกร่งนัก แม้ว่าจะเป็นเดือนสุดท้ายที่ซื้อ LTF แล้วก็ตาม ส่วนการขายสะสมของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยช่วง YTD (1 ม.ค.-11 ธ.ค.2015) อยู่ที่ 1.26 แสนล้านบาท บ่งชี้ว่ามีการ Underweight หุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากค่าเงินบาทที่อยู่ในแนวโน้มอ่อนเมื่อเทียบกับ US$ ด้วย ส่วนกลุ่มที่นำซื้อสุทธิในช่วงปีนี้ คือ สถาบันในประเทศและรายย่อย ด้านพอร์ตบล.ขายสุทธิราว 4 พันล้านบาท
ปัจจัยจับตาสัปดาห์นี้ คือ ผลการประชุมเฟดวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ ว่าจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ (ซึ่งตลาดประเมินว่ามีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นเพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวแกร่ง อัตราเงินเฟ้อทั้งทางด้านต้นทุนและการบริโภคเริ่มขยับขึ้น & จะเร่งตัวขึ้นในปี 2016 อัตราการว่างงานลดลงเป็น 5.0% ใกล้เป้าหมายระยะยาวที่ 4.9% แล้ว) และการประมูลใบอนุญาต 4G ย่านความถี่ 900 MHz วันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งตลาดเชื่อว่า ADVANC จะชนะประมูลอีก 1 ใบอนุญาต ส่วนอีก 1 ใบยังไม่แน่ชัดว่าผู้ประกอบการรายใดที่สนใจแน่ๆ โดยถ้าราคาใบอนุญาตไม่ต่างจาก 4G ย่าน 1800 MHz ที่ประมาณใบละ 4 หมื่นล้านบาทมาก ก็มีลุ้นว่าราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารที่จ่ายปันผลสูง เช่น ADVANC, INTUCH, DTAC จะดีขึ้นกลับได้ เพราะมีจุดเด่นเรื่องปันผลสูง (Yield 6-7% ต่อปี) อยู่แล้ว
ส่วนภาพรวมตลาด ในระยะสั้นมากยังต้องระวังการอ่อนตัวลงต่อของตลาด โดยในสัปดาห์นี้อาจมีการรีบาด์จากภาวะ Oversold ทางเทคนิคหลังร่วงแรง แต่หากการเด้งมีระยะทางจำกัดและไม่สามารถกลับไปยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน (SMA10) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1335 จุดได้ก็ควรขายออกไปก่อน (หมายเหตุ : SMA10 เป็น Dynamic จะเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ จึงต้องติดตามใกล้ชิด) ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนไปยังหุ้น Defensive & Value ที่ธุรกิจมั่นคงมาก และจ่ายปันผลดี สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะยาวเป็น BBL
วิเคราะห์ทางเทคนิค : จากการ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น VIBHA, BMCL และหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SF, BCH, GL, COL ส่วนหุ้น Market Cap ที่อยู่ในภาวะ Oversold และมีโอกาสรีบาวด์ตามมาได้ คือ BBL, KBANK, SCB, SCC, PTT เป็นต้น
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) +0.3%MoM ในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน +0.3%MoM ซึ่งเพิ่มมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี PPI จะทรงตัว และดัชนี PPI พื้นฐานจะ +0.1%...ปัจจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งที่หนุนความเชื่อว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC กลางเดือนธ.ค.นี้
สหรัฐ : ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. +0.2%MoM มากที่สุดนับตั้งแต่ก.ค.2015 แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย โดยผู้บริโภคสหรัฐใช้จ่ายมากขึ้นในช่วงปลายปี หลังจากที่ยอดค้าปลีกแทบไม่เพิ่มในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งต่อ ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 1.76% (-309.54 จุดในวันศุกร์ที่ผ่านมา) กดดันโดยกลุ่มพลังงานที่ร่วงลงเพราะราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำต่อเนื่อง
- ราคาน้ำมันดิบลดลงอีก โดยวันศุกร์สัญญา WTI และ BRENT อ่อนลง -1.14 และ -1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 35.62 และ 37.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบถูกกดันจากอุปทานที่สูงมาก และกลุ่มโอเปกยังไม่มีแผนที่จะลดปริมาณการผลิต ขณะเดียวกันในช่วงต.ค.2015 มีการผลิตจริงเกินแผนที่ 31 ล้านบาร์เรล/วัน (แผนผลิตอยู่ที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน) เมื่อมองไปข้างหน้า ตลาดน้ำมันยังมีความท้าทายมาก เพราะอิหร่านก็จะผลิตเพิ่มอีก 1 ล้านบาร์เรล/วันหลังการยกเลิกคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้ในเดือนมี.ค.2016
ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 0.35% ปิดที่ 1075.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นผลจากเงิน US$ อ่อนค่าลงเพราะมี Sell on fact หลังมีการเข้าซื้อกันมากก่อนหน้าการประชุมเฟด
/- ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Cash Index) เช้านี้อยู่ที่ 97.697 จากระดับปิดเมื่อวันก่อนที่ 97.565 ซึ่งอ่อนลงหลังแตะ 100.5 ช่วงมีประชุม ECB เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2015
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
กลุ่มสื่อสาร : จับตาการประมูลใบอนุญาต 4G ย่านความถี่ 900 MHz ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งทางกสทช.ออกมาประกาศชัดเจนว่า ผู้ชนะประมูลคลื่น 900 MHz รอบนี้ไม่สามารถนำคลื่นความถี่ไปให้ผู้อื่นประกอบกิจการแทนได้ (คือ ไม่ให้ผู้ประกอบการรายอื่นเช่าช่วงต่อ)
ในตลาดประเมินว่า ADVANC มีความจำเป็นต้องชนะประมูลคลื่น 900 MHz อีกหนึ่งใบอนุญาตเพื่อรองรับฐานลูกค้าที่มีอยู่ หลังจากชนะไป 1 ใบอนุญาตในย่านความถี่ 1800 MHz ไปแล้ว ส่วนอีกใบอนุญาต กระแสคาดการณ์ยังไม่แน่ชัด โดยบางฝ่ายมองว่าน่าจะเป็น DTAC แต่บางกลุ่มเห็นว่า JAS ก็มีโอกาสเช่นกัน อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า JAS จะมีความท้าทายในการทำธุรกิจมาก เพราะไม่ได้มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่มาก่อน
โดยรวมเห็นว่า ถ้าราคาใบอนุญาตย่าน 900 MHz ไม่ต่างจาก 4G ย่าน 1800 MHz ที่ประมาณใบละ 4 หมื่นล้านบาทมาก ก็มีลุ้นว่าราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารที่จ่ายปันผลสูง เช่น ADVANC, INTUCH, DTAC จะดีขึ้นกลับได้ เพราะมีจุดเด่นเรื่องปันผลสูง (Yield 6-7% ต่อปี) อยู่แล้ว สำหรับหุ้น Top Pick ในกลุ่มนี้เป็น INTUCH ซึ่งราคาหุ้นมี Discount จาก NAV มาก และราคาปัจจุบันให้ Dividend Yield ราว 7.3% แล้ว
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : คาดปี 2016 จะฟื้นตัวดีขึ้นจากปีนี้ โดยมองว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐที่มีความคืบหน้าจะช่วยกระตุ้นให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจคึกคักขึ้น ทั้งการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน เช่น โครงการลงทุนใน 4G, โครงการด้านคมนาคมทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า ถนน เป็นต้น) อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้เวลาส่งผ่านราว 1-2 ไตรมาส จึงคาดว่จะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจชัดเจนมากขึ้นใน 2H16
สำหรับผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทย คาดว่าปี 2015 จะหดตัว 8% เพราะการตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูง การเติบโตของสินเชื่อจำกัด รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยขยายตัวไม่สูงมาก ส่วนปี 2016 ประมาณการว่ากำไรสุทธิจะเติบโตราว 7% เนื่องจากการตั้งสำรองค่าเผื่อฯต่อสินเชื่อรวมชะลอลง หลังทำไปมากในปี 2014-2015 (ให้สมมติฐาน Credit Cost ปี 2016 ไว้ที่ 110bps จาก 141bps ในปี 2015) และการด้อยค่าของสินทรัพย์เริ่มอยู่ตัวและมีเสถียรภาพมากขึ้น
ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV ให้ TCAP และ KBANK เป็นหุ้น Top Picks โดยประเมินว่า TCAP จะได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวได้ตั้งแต่กลางปี 2016 หลังจากซบเซามาราว 4 ปี และธนาคารมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เกิดจากการควบรวมกิจการกับ SCIB ทำให้อัตราภาษีจ่ายจะต่ำในปี 2016-2017 ด้าน KBANK มีงบดุลที่แข็งแรง และคุณภาพสินทรัพย์ดี แม้ว่าจะมีสัดส่วนลูกค้า SME สูงถึง 37% แต่ความเสี่ยงเรื่องการด้อยคุณภาพค่อนข้างจำกัด อันเนื่องจากเป็น SME ขนาดใหญ่ และส่วนที่มีความเสี่ยงว่าจะอาจมีปัญหาด้านสภาพคล่องทางธนาคารก็รีบเข้าไปช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด
ธนาคารที่มีเครือข่ายสาขาใน CLMV คือ BBL และ KBANK โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ไม่มาก แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว
BBL (ราคาปิด 150.50 บาท) : งบดุลแข็งแกร่ง & Valuation จูงใจ...หนี่งใน Value Play ที่น่าสนใจลงทุนระยะยาว ทั้งนี้ราคาหุ้นปี 2015 ลดลงต่อเนื่องมาแล้ว 22%YTD มากกว่าการอ่อนตัวของผลประกอบการปีนี้ที่ -6% อย่างมาก ยังผลให้ Valuation ต่ำลง ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 2015 ที่ 8.4 เท่า (ลงมาระดับ Mean-2SD) และ P/BV ที่ 0.8 เท่า (ต่ำกว่า Mean-2SD ไปเล็กน้อยแล้ว) ขณะที่ธุรกิจมีความมั่นคง และคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐที่มีความคืบหน้ามากขึ้น (มีสัดส่วนสินเชื่อ Corporate สูงที่ 40% และ SME 30%)
ในเชิงกลยุทธ์เห็นว่า BBL เป็นหุ้น Value Play หนึ่งที่มีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว แม้ว่าการเติบโตระยะสั้นจะไม่หวือหวา (คาดกำไรปี 2016 จะขยายตัวเพียง 2% แต่ธนาคารมีความมั่นคง มีงบดุลที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นก.ย.2015 มี NPL Ratio 2.8% และมี Coverage Ratio สูงถึง 172.5% ซึ่งอยู่ในระดับ Top ของอุตสาหกรรม ด้าน CAR อยู่ที่ 18.2% เป็น Tier-1 ที่ 16.1% และ BBL เป็นธนาคารที่มีเครือข่ายการลงทุนในต่างประเทศมากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์มากในระยะยาว
แนะนำทยอยซื้อสะสม โดยเฉพาะจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว โดยฝ่ายวิจัยฯ DBSV ให้ราคาตามปัจจัยพื้นฐานปี 2016 ไว้ที่ 202 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ปี 2016 ที่ 1.0 เท่า คาดการณ์เงินปันผลปี 2015-2016 ไว้ที่ 6.50 และ 7.0 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 4.3% และ 4.6% 9 ตามลำดับ
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]