- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 December 2015 17:40
- Hits: 1497
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -117.12, NASDAQ -40.46, S&P -14.62, FTSE -14.77, CAC +41.62 และ DAX +133.99 จากการขายหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังราคาน้ำมันดิบและราคาโลหะในตลาดโลกลดลงรุนแรง จากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมันใหม่สำหรับช่วง 6 เดือนข้างหน้า เนื่องจากโอเปกไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าอิหร่านจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเท่าใดในปีหน้า หลังชาติตะวันตกได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านเมื่อ 6 เดือนก่อน
.....รวมถึงปัจจัยกดดันจากประธานเฟด สาขาแอตแลนต้า ออกมาส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร – พ.ย. เพิ่มขึ้น 211,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าคาด ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.0% และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง
.....สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรป ที่มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรข้างต้น และยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรไปจนถึงมี.ค.’ 60 จากเดิมที่กำหนดสิ้นสุดก.ย.’59 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับ 2% ตามเป้าหมายของ ECB และอาจจะพิจารณาขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรออกไปอีก หากมีความจำเป็น
....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. -US$2.32 อยู่ที่ US$37.65 ต่อบาร์เรล จากการประชุมโอเปกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมันใหม่สำหรับช่วง 6 เดือนข้างหน้า เนื่องจากโอเปกไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าอิหร่านจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเท่าใดในปีหน้า หลังชาติตะวันตกได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านเมื่อ 6 เดือนก่อน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้ประเทศสมาชิกยังคงเดินหน้าผลิตน้ำมันในระดับปัจจุบันต่อไปซึ่งเกินเพดานถึงวันละกว่า 1 ล้านบาร์เรล จากเพดานปัจจุบันที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน
....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$8.9 อยู่ที่ US$1,075.2 ต่อออนซ์ ภายใต้ปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น จากคาดการณ์ว่าเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -559 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -123,169 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : ผันผวน? คาดมีโอกาสปรับลดลง ภายใต้ปัจจัยกดดันทั้งจากต่างประเทศ โดยเฉพาะความเป็นไปได้ที่เฟดจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ (15 – 16/12/58) หลังการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีทิศทางที่ดี และเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายในระยะกลางที่ 2.0% รวมถึงตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
.....เช่นเดียวกับปัจจัยในประเทศ โดยเฉพาะจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง คาดส่งผลกระทบต่อกลุ่มพลังงาน รวมถึงภาพรวม Fund Flow ที่ยังผันผวน แรงซื้อขายสุทธิต่างชาติ สลับกันไป แต่มูลค่าไม่สูงมากนัก ขณะที่ YTD ยอดขายสุทธิสะสมเพิ่มต่อเนื่อง อยู่ในระดับที่สูงกว่า 123,000 ล้านบาท และเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในช่วงปลายปี คาดมูลค่าซื้อขายอาจเบาบางลง โดยเฉพาะจากต่างชาติ อย่างไรก็ตามแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ที่คาดภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า ตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด คาดมีผลต่อทิศทางของ Fund Flow โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets นอกจากนี้คาดยังถูกกดดันจากประเด็นความไม่แน่นอนต่อทิศทางเศรษฐกิจไทย ซึ่ง ธปท. มีโอกาสปรับลดคาดการณ์ตัวเลข GDP ในปี’58 และ 59 ลง แต่คาดอาจถูกชดเชยได้บ้างจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลที่คาดออกมาต่อเนื่อง
.....อย่างไรก็ตามแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดยเฉพาะ ITD, CK, STEC และ UNIQ จากโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทาง ถ.จิระ – ขอนแก่น วงเงินประมาณ 26,000 ล้านบาท หลังผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น (PQ) ทั้ง 4 ราย และ รฟท. กำหนดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ในวันนี้ รวมถึงการโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดนำเข้าครม. ในวันนี้ เช่นกัน และ (2) กลุ่มการบิน ที่คาดภาพรวมยังได้รับผลกระทบจากการที่ FAA (Federal Aviation Administration) ซึ่งเป็นสำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐฯ ปรับลดอันดับไทยจาก Category 1 (CAT1) เป็น Category 2 (CAT2) หลัง FAA ระบุมาตรฐานปัจจุบันของไทยยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ขณะที่แนะติดตามผลการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) ที่จะประกาศผลในวันที่ 10/12/58
....รวมถึง (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท เช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ 35.86 – 35.88 ทรงตัวจากวันก่อนหน้า และคาดระยะกลางมีโอกาสอ่อนค่าอีกครั้ง ส่วนหนึ่งตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TASCO เป็นต้น (5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) สายการบิน (เช่น AAV) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.05 อยู่ที่ 2.22% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +1.03 อยู่ที่ 15.84
หุ้นแนะนำ : CK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (8 - 11 ธ.ค.’58)
8/12/58 : - ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ –
9/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) สต็อกสินค้าและยอดค้าส่ง - ต.ค. (2) สต็อกน้ำมัน
10/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ราคานำเข้าและส่งออก - พ.ย. (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (3) งบประมาณของรัฐบาลกลาง -
พ.ย.
11/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - พ.ย. (2) ยอดค้าปลีก - พ.ย. (3) สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ - ต.ค.
(4) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้น - ธ.ค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788