WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

UOB copyบล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : ปรับลง
      ตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มจะปรับตัวลงต่อจากการขาดปัจจัยบวกใหม่ๆสนับสนุน โดยผลการประชุม OPEC ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมันใหม่สำหรับช่วง 6 เดือนข้างหน้าได้เนื่องจากสมาชิกต่างก็ไม่ต้องการปรับลดโควต้าการผลิตน้ำมันของตน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง กดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ด้านตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่ประกาศออกมาเมื่อวันศุกร์ พบว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 211,000 ตำแหน่ง ขณะที่การว่างงานทรงตัวที่ 5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง เพิ่มแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค. 2558 กดดันภาวะตลาดหุ้นโดยรวมต่อเนื่อง คงคำแนะนำ ขายทำกำไร และถือเงินสดมากขึ้นในพอร์ต
  แนวรับ/แนวต้าน : 1320/1346 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%
  กลยุทธ์ : เน้นเล่นสั้น เล็งหุ้นเป็นรายตัว ลงแรงซื้อ เด้งขึ้นขาย เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง และได้ประโยชน์จากโครงการรัฐ บวกกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า

  นักลงทุนระยะสั้น : ASEFA (6.5), BDMS (25.50)
  ASEFA (6.5) ได้ประโยชน์จากการเติบโตของกำไรและรายได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาส3 และไตรมาส4 ปีนี้ และได้ประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศและนโยบายการลงทุนของรัฐบาล ส่วนกำไรปีหน้ามีแนวโน้มโต ไม่ต่ำกว่า 20% yoy โดยจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องและมีแรงหนุนจากงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงประมาณ 200 ล้านบาท และงาน government data center ในระยะยาวอีกด้วย
  BDMS (25.50) เป็นตีมค่าเงินบาทอ่อนค่าที่ช่วยให้ผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารักษาตัวมากขึ้น โดยขณะนี้ BDMS มีราคาถูกที่สุดและ upside ที่สูงที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล ด้วย Target price ที่เราให้ไว้อยู่ที่ 25.50 ซึ่งให้ upside สูงถึง 20% ปัจจัยบวก มีอยู่หลายประการนะครับ เช่น 1.)BDMS จะสร้างตึกเพิ่มอีก 6 ตึก แต่ละตึกมี 60 เตียง ลงทุน 6 พันล้านบาท และ 2 พันล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ โดยจะสร้างไว้รองรับผู้ป่วยต่างชาติจากการเปิด AEC โดยเราคาดว่าจะช่วยเพิ่ม capacity ได้ถึง 74% ภายในปี 2018 2.)BDMS มีแผนเปิดโรงพยาบาลเพิ่ม คือสมิทติเวช ชลบุรีในปีนี้ และเปาโลรังสิต และจอมเทียน Hospital ในปีหน้า และตั้งใจจะซื้อโรงพยาบาลเพิ่มอีก 6 โรงพยาบาลให้มีครบทั้งหมด 50 แห่ง 3.)อัตราส่วนของผู้ป่วยต่างชาติมีมากขึ้นเรื่อยๆ (30% เทียบกับ 25% เมื่อ 5 ปีก่อน) 4.)มีแผนขยายธุรกิจขายยาและเวชภัณฑ์ที่มี Margin สูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาลทั่วไป สรุปคือ BDMS มี upside สูงถึง 20% และมีแผนขยายธุรกิจอย่างชัดเจน จัดเป็นหุ้น defensive ที่ต้านตลาดและเศรษฐกิจขาลงได้ดี

นักลงทุนระยะยาว : SYNTEC (3.80), CK (32)
  SYNTEC (3.80) สำหรับหุ้นรับเหมาขนาดเล็กตอนนี้มีเพียงตัวเดียวที่ราคายังถูกอยู่และเป็นหุ้นพื้นฐานดี ปันผลมั่นคงคือ SYNTEC มี margin สูงและมีการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ทำให้งบไตรมาส 4 จะดีต่อเนื่องจากงบไตรมาส 2และ3 ที่ดีอยู่แล้วโดยทั้งปี 58 การรับงานทั้งปีจะสูงใกล้เคียง 1 หมื่นล้านบาทถือว่าเติบโตชัดเจนจากปีก่อน นอกจากนี้ยังมีแผนประมูลงานเพิ่มอีกในช่วงระยะสั้นนี้ได้แก่งาน CPN, NOBLE, SUPALAI บวกกับแผนการขยายส่วนต่อรถไฟฟ้าของรัฐบาลระยะยาวก็ช่วยให้มีการสร้างคอนโดเพิ่มและประมูลงานก่อสร้างเพิ่ม ทำให้มีรายได้มาเพิ่มระยะสั้นถึงยาวให้ SYNTEC
  CK (32) (1)Mega projects เช่นรางคู่และการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มจะช่วย earnings ให้เติบโตสูง 15% ในปีหน้า (2)การควบรวมกิจการของบริษัทลูก BMCL & BECL น่าจะอนุมัติเร็วๆนี้ (3)นอกจาก projects ของรัฐบาลยังมีโครงการลูก บริษัทลูก เช่น CKP มีโครงการน้ำบาก (Hydroelectric dam) ในประเทศลาว 1หมื่น7พันล้านบาท กำลังเจรจาน่าจะเซ็นสัญญา Q1 ปีหน้า (4)Q3 & Q4 sale & earnings ไม่ค่อยดี โครงการ mega projects ประมูลชนะปีนี้เริ่มทำปีหน้า ช่วงนี้เป็นโอกาสดีในการเริ่มเก็บสะสม CK (5)ราคาปัจจุบันให้ upside สูงกว่าคู่แข่งทั้ง ITD และ STEC

นักวิเคราะห์ : ยศพณ แสงนิล, CFA Email : [email protected] Tel: 02 659 8154

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!