- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 December 2015 17:09
- Hits: 1750
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -252.01, NASDAQ -85.69, S&P -29.89, FTSE -145.93, CAC -175.55 และ DAX -400.78 แม้การประชุมของ ECB วานนี้ มีมติ (1) ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ -0.2% และ (2) ขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปจนถึงมี.ค.’ 60 จากเดิมสิ้นสุดก.ย.’59 แต่ตลาดฯ ส่วนใหญ่มองว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งได้ ซึ่งก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่า ECB จะเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตร และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่านี้
.....ขณะเดียวกันยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากประธานเฟด ที่ได้ออกมาส่งสัญญาณชัดเจนอีกครั้งวานนี้ จากถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ว่าเฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคบริการ – พ.ย. อยู่ที่ 56.1 ลดลงจากตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 56.5 และ (2) ดัชนีภาคบริการของ ISM – พ.ย. อยู่ที่ 55.9 ลดลงจาก 59.1 เมื่อต.ค.
....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. +US$1.14 อยู่ที่ US$41.08 ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังผิดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศวานนี้ อย่างไรก็ตามคาดยังกังวลภาวะอุปทานส่วนเกิน และอยู่ระหว่างรอผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันนี้ ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งคาดว่าโอเปกจะคงโควต้าการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิมที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน
....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$7.4 อยู่ที่ US$1,061.2 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังผิดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศวานนี้ ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินสหรัฐฯ มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -441 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -122,610 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
(+) ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค – พ.ย. อยู่ที่ 74.6 เพิ่มขึ้นจาก 73.4 เมื่อต.ค. หลังผู้บริโภคมีความคาดหวังเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ โดยเพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 11 เดือน และสูงสุดในรอบ 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนเศรษฐกิจไทยผ่ายจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อ 3Q/58
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับลดลงภายใต้ปัจจัยต่างประเทศ (1) มาตรการผ่อนคลายทางการเงินของ ECB เพิ่มเติมโดยเฉพาะการขยายระยะเวลาซื้อคืนพันธบัตรออกไปจากเดิมอีก 6 เดือน ถึง มี.ค.’60 แต่คงวงเงินซื้อคืนไว้ที่ 60,000 ล้านยูโร/เดือน ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และ (2) การส่งสัญญาณอีกครั้งของประธานเฟดวานนี้ ว่าเฟดพร้อมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ (15 – 16/12/58) หลังการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีทิศทางที่ดี และเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายในระยะกลางที่ 2.0%
.....ทางด้านปัจจัยภายในประเทศ ภาพรวม Fund Flow ยังผันผวน แรงซื้อขายสุทธิต่างชาติ สลับกันไป แต่มูลค่าไม่สูงมากนัก ขณะที่ YTD มียอดขายสุทธิสะสมในระดับที่สูงกว่า 122,000 ล้านบาท และเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในช่วงปลายปี คาดมูลค่าซื้อขายอาจเบาบางลง โดยเฉพาะจากต่างชาติ อย่างไรก็ตามแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ที่คาดภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า ตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด คาดมีผลต่อทิศทางของ Fund Flow โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets ขณะที่คาดยังถูกกดดันจากประเด็นความไม่แน่นอนต่อทิศทางเศรษฐกิจไทย ซึ่ง ธปท. มีโอกาสปรับลดคาดการณ์ตัวเลข GDP ในปี’58 และ 59 ลง แต่คาดอาจถูกชดเชยได้บ้างจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลที่คาดออกมาต่อเนื่อง
.....ยังแนะจับตา (1) กลุ่มพลังงาน + / - ตามราคาน้ำมัน (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดยเฉพาะ ITD, CK, STEC และ UNIQ จากโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทาง ถ.จิระ – ขอนแก่น วงเงินประมาณ 26,000 ล้านบาท หลังผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น (PQ) ทั้ง 4 ราย และ รฟท. กำหนดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ในวันที่ 8/12/58 และ (3) กลุ่มการบิน ที่คาดภาพรวมได้รับผลกระทบจากการที่ FAA (Federal Aviation Administration) ซึ่งเป็นสำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐฯ ปรับลดอันดับไทยจาก Category 1 (CAT1) เป็น Category 2 (CAT2) หลัง FAA ระบุมาตรฐานปัจจุบันของไทยยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
....รวมถึงติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท เช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ 35.76 – 35.80 แข็งค่าจากวานนี้ และคาดระยะกลางมีโอกาสอ่อนค่าอีกครั้ง ส่วนหนึ่งตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TASCO เป็นต้น (5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) สายการบิน (เช่น AAV) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.15 อยู่ที่ 2.33% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +2.20 อยู่ที่ 18.11
หุ้นแนะนำ : CK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (4 - 11 ธ.ค.’58)
4/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - พ.ย. (2) ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ - ต.ค
7/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีแนวโน้มการจ้างงาน (ETI) - พ.ย.
8/12/58 : - ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ –
9/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) สต็อกสินค้าและยอดค้าส่ง - ต.ค. (2) สต็อกน้ำมัน
10/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ราคานำเข้าและส่งออก - พ.ย. (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (3) งบประมาณของรัฐบาลกลาง -
พ.ย.
11/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - พ.ย. (2) ยอดค้าปลีก - พ.ย. (3) สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ - ต.ค.
(4) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้น - ธ.ค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788