WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CSG copyบล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ก่อน (23-27 พฤศจิกายน 58)
  SET ปิดปรับตัวลดลงแรงจากสัปดาห์ก่อน โดยมีแรงขายออกมามากในหุ้นกลุ่ม ICT จากความกังวลเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงแรงกดดันจากกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ถูกกดดันจากประเด็นเรื่องรถไฟที่ทำร่วมกับไทย-จีนยังไม่สามารถเดินหน้าได้ และแรงกดดันจากต่างประเทศหลังตุรกียิงเครื่องบินรัสเซียตก ปิดสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,363.13 จุด เปลี่ยนแปลงลดลง 30.17 จุด (-2.2%) WoW

ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้
  (+) การประชุม ECB ในวันที่ 3 ธ.ค. ต้องติดตามว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากที่ใช้วงเงิน 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลหลังประธาน ECB ได้กล่าวว่าจะทบทวนมาตรการดังกล่าวในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้
  (+) กระแส Fund Flow จากกองทุน LTF RMF ในช่วงปลายปีเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี
  (+) การจัดงาน Thailand Fucus ในวันที่ 2-4 ธ.ค. คาดว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนไทยมากขึ้น
  (+)รัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกคร้ง
  (-) ราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับต่ำจากความกังวลต่อปัญหา Supply
  (-) แนวโน้มเศรษฐกิจจีนยังคงไม่สดใสหลังจากผลประกอบการของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน ปรับตัวลดลงมากในเดือน
ต.ค.   
  (+/-) การรายงาน Beige Book ของ FED คืนวันที่ 2 ธ.ค. ว่าจะออกมาเป็นเช่นใดเนื่องจากจะเป็นตัวชี้วัดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค. หรือไม่
  (+/-) MSCI Index ปรับหุ้นทีเข้าคำนวณใหม่โดยใช้ราคาปิดวันที่ 30 พ.ย. นี้
   (+/-) การประชุม OPEC วันที่ 4 ธ.ค. ว่าจะมีการออกมาตรการเพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันหรือไม่

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
  * ปัญหาทางการเมืองระหว่างรัสเซียกับตุรกี หลังรัสเซียประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพื่อตอบโต้การยิงเครื่องบินรัสเซีย
  * การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค.
  * รายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยของธนาคารแห่งประเทศไทย

ความคิดเห็น
  ประเมินภาพรวมดัชนีมีแนวโน้มรีบาวได้ต่อเนื่องจากช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยบวกจากการคาดหมายถึงมาตรการกระตุ้นเศษฐกิจของ ECB และการเตรียมออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากทางรัฐบาลไทย แต่ด้วยแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่ยังมีปัญหาและการเข้าสู่ช่วงเทศกาลหยุดยาวในสัปดาห์หน้าของไทยทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีไปได้ไม่มากนัก

กลยุทธ์การลงทุน
  ประเมินตลาดยังมีความผันผวนค่อนข้างมาก ทำให้การลงทุนในช่วงสัปดาห์นี้จะเน้นลงทุนรายตัวเป็นหลักโดยเลือกหุ้นที่มีการปรับตัวลดลงแรงในสัปดาห์เพื่อคาดหวังการรีบาว หรือหุ้นที่มีปั้จจัยบวกเฉพาะตัวรออยู่อย่างกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเป็นต้น

วิเคราะห์ SET ประจำสัปดาห์ 30 พ.ย. -4 ธ.ค. 58
สัปดาห์แห่งการ Rebound
SET Closed 1,363.13 High: 1,401.77 Low : 1,359.96
Resistant : 1,372 , 1,385 Support : 1,354, 1,350

  กราฟ SET อ่อนตัวลงตลอดสัปดาห์ หลุดแนว support 1,370 จุด โดยแรงขายเกิดขึ้นอย่างมากในกลุ่ม ICT กดดันตลาดให้ผันผวนขนาดหนัก อย่างไรก็ตามกราฟแท่งเทียนสุดท้ายของปลายสัปดาห์เริ่มนิ่งและสร้างรูปแบบคล้าย Star อีกทั้งเกิด Oversold อย่างมากในเครื่องมือต่างๆ ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าโอกาสในการเกิด Technical rebound ในสัปดาห์นี้มีความเป็นไปได้อย่างมาก โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,350 จุดเป็นแนวเก็บหุ้นที่น่าสนใจ ทั้งนี้ประเมินว่าสัปดาห์นี้หุ้นจะปิดตัวสูงขึ้นกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาก

กลยุทธ์
  1. เน้นการเข้าสะสมหุ้นในระยะตันสัปดาห์ เพื่อเก็งกำไรการดีดตัวของ SET
  2. แบ่งขายเมื่อเข้าใกล้ 1,385 จุด และแบ่งถือบางส่วน ยิ่งปิดสูงปลายสัปดาห์ ให้ถือหุ้นต่อไป
  3. หากปิดต่ำกว่า 1,350 จุดในช่วงปลายสัปดาห์ จงทำใจ

หุ้นเด่นประจำสัปดาห์
ADVANC ราคาปิด 206 บาท
  * ราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรงจากความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของใบอนุญาตคลื่น 1800 MHz
  * แนวโน้มกำไร 4Q58 จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นหลังไม่ต้องรับรู้ค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ภายใต้สัมปทาน 2G (มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท)
  * แม้มูลค่าเหมาะสมที่เราคาดไว้จะลดลงจากเดิมจากผลกระทบของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ราคาปิดล่าสุดยังมีส่วนต่างกับมูลค่าเหมาะสมใหม่ที่ 250 บาท (PER 17X) อีกถึง 21%

วิเคราะห์ทางเทคนิค
ADVANC ราคาปิด 206 บาท แนวต้าน : 220 แนวรับ : 200
  กราฟ ADVANC ทิ้งตัวอย่างหนัก หลุดแนวรับทั้งหมดที่เคยมี ส่งผลให้เครื่องมือวัดค่าเข้าสู่ภาวะ Supersold โดย stoch ต่ำสุดถึง 2% (Oversold ที่ 20%) ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยต่ำขนาดนี้มาก่อน ประกอบกับแท่งเทียนสุดท้ายปลายสัปดาห์ดีดตัวกลับแบบ Positive Engulfing ดังนั้นในสัปดาห์นี้มีโอกาสดีดตัวกลับไปปิด gap บริเวณ 220 บาท

กลยุทธ์
  1. ทยอยสะสมตั้งแต่บริเวณนี้
  2. เก็งกำไรตามจังหวะ กล้าๆ เข้าซื้อ

ฝ่ายวิเคราะห์ฯ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!