- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 26 November 2015 17:53
- Hits: 1596
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +1.20, NASDAQ +13.34, S&P -0.27, FTSE +60.41, CAC +72.71 และ DAX +235.55 ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างซบเซา ก่อนจะถึงวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) แม้สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดออกมาสดใส (1) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 260,000 ราย (ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 270,000 ราย) ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง (2) ยอดขายบ้านใหม่ – ต.ค. เพิ่มขึ้น 10.7%MoM อยู่ที่ 495,000 ยูนิต ซึ่งทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปีนี้ และ (3) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน – ต.ค. เพิ่มขึ้น 3.0%MoM ดีกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8%
…..นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ หลังไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ใช้เงินมูลค่า 1.60 แสนล้านUSD เพื่อควบรวมกิจการกับบริษัท อัลเลอร์แกน พีแอลซี ของไอร์แลนด์ และตกลงจะมีการก่อตั้งบริษัทเวชภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ บริษัทไฟเซอร์ พีแอลซี
…..ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยหนุนเพิ่มจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
..... ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. +US$0.17 อยู่ที่ US$43.04 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุด เพิ่มขึ้น 0.96 ล้านบาร์เรล (น้อยกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่ 488.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไป อย่างไรก็ตามจะมีการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 4/12/58 ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งคาดว่ากลุ่มโอเปกจะคงโควต้าการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิมที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน
..... ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$3.8 อยู่ที่ US$1,070.0 ต่อออนซ์ ภายใต้ปัจจัยลบจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น รวมถึงคลายความกังวลจากสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง และยังได้รับปัจจัยกดดันจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,649 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -118,431 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้น ภายใต้ปัจจัยจากต่างประเทศที่ผ่อนคลายลง โดยเฉพาะสถานการณ์ในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมตลาดจะยังมีความผันผวนไปจนถึงกลางเดือนหน้า ซึ่งจะมีการประชุมเฟด (15 – 16/12/58) ที่คาดจะมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี ขณะที่คาดปัจจัยกดดันดังกล่าวอาจถูกชดเชยด้วยมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่คาดเติบโตเพียงพอและสามารถรับต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากความเป็นไปได้ที่ ECB จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ที่คาดมีความชัดเจนในการประชุม 3/12/58
.....ทางด้านปัจจัยภายในประเทศ ไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ แนะจับตา (1) กลุ่มพลังงาน ที่คาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น และ (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะ ITD, CK, STEC และ UNIQ จากโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทาง ถ.จิระ – ขอนแก่น วงเงินประมาณ 26,000 ล้านบาท หลังผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น (PQ) ทั้ง 4 ราย และ รฟท. กำหนดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ในวันที่ 8/12/58
.....ขณะที่คาดยังได้รับปัจจัยลบจาก Fund Flow หลังต่างชาติขายสุทธิ กว่า 1,600 ล้านบาท และทำให้ YTD ขายสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นสูงเกือบ 120,000 ล้านบาท ซึ่งแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ที่คาดภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า ตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในรอบการประชุมเดือนหน้า คาดยังมีผลต่อทิศทางของ Fund Flow โดย โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets รวมถึงการส่งสัญญาณของ ธปท. ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ที่คาดมีโอกาสปรับลดตัวเลข GDP ปี’58 และ 59 ลง ทำให้คาดการปรับขึ้นของดัชนีอาจเป็นไปอย่างจำกัด
....รวมถึงติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท เช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ 35.67 – 35.69 ทรงตัวจากวานนี้
แต่ระยะกลางคาดมีโอกาสอ่อนค่าอีกครั้ง ส่วนหนึ่งตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TASCO เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (MINT, CENTEL) และหุ้นกลุ่มขนส่ง (เช่น AAV, AOT) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะช่วง High season ใน 4Q/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.23% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.74 อยู่ที่ 15.19
หุ้นแนะนำ : TOP
ประเด็นที่ต้องติดตาม (26 - 27 พ.ย.’58)
26/11/58 : - ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากหน่วยงานราชการและตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการ ในวันขอบคุณพระเจ้า –
27/11/58 : - ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ –
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788