- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 23 November 2015 17:55
- Hits: 1601
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ทดสอบ 1400 จุด...ยืนได้จึงถือต่อ'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : โดยภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังแกว่งในกรอบ 1360-1420 จุด ส่วนในระยะสั้นมากกำลังจะทดสอบแนวต้าน1400 จุด (วันศุกร์ปิดตลาด +8.87 จุดที่ 1393.84 จุด ปัจจัยหนุนคือ ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐผ่อนคลายลงหลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นดอกเบี้ย และคาดว่าอีซีบี, ธนาคารกลางจีน และธนาคารกลางญี่ปุ่นจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เรายังประมาทเรื่องกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow) ไม่ได้ เพราะเงิน US$ มีสิทธิแข็งค่าเร็วขึ้นในช่วงก่อนประชุมเฟด ซึ่งอาจกดให้ตลาดหุ้นอ่อนตัวลงในช่วงนั้นได้ (เฟดประชุม 15-16 ธ.ค.2016) รวมทั้งยังต้องติดตามความเสี่ยงเรื่องภัยก่อการร้ายอย่างใกล้ชิดด้วย
สำหรับ กำไรบจ.ไทยปี 2016 คาดว่าจะเติบโตได้ดีขึ้นจากฐานที่ต่ำมากในปี 2015 ในเบื้องต้นคาดการณ์ไว้ที่ +17% ซึ่งตลาดจะมี EPS ที่ 80 จุด ณระดับ SET Index ปัจจุบันที่ 1393 จุด มีค่า Forward P/E ปี 2016 ที่ 17.4 เท่า (Median +1.6SD) ถือว่าอยู่ในโซนค่อนข้างแพง ดังนั้นการลงทุนจึงยังต้องใช้ความระมัดระวังสูง และเลือกซื้อเป็นรายบริษัทน่าจะเหมาะกว่า หุ้นปัจจัยพื้นฐานดีที่เราให้เป็น Core Picks สำหรับปี 2016 คือ AOT, CPN, CK,STEC, KBANK, KCE, LH, MINT, PTT, SCC ส่วน Dark Horse เป็น ANAN, PREB, GL, MTLS และหุ้นปันผลสูงที่น่าสนใจเลือกซื้อ คือ CPNRF,INTUCH, MODERN, SC, TCAP สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น PREB
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดพลิกเป็นบวก การซื้อใหม่ตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1400, 1410-1420 จุด , ขายทำกำไรหาก SETไม่สามารถยืนเหนือ 1400 จุด และลดพอร์ตตามถ้า SET Index ร่วงหลุด 1380 จุด หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวกที่เข้ามาใหม่ เป็น SYNTEC, TCMC, BCH, EA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้น คือ VIBHA, THANI, GL, PLANB,BECL, HFT
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ ยูโรโซน : ตลาดคาด ECB จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวสุนทรพจน์ที่แฟรงก์เฟิร์ตว่าECB จะดำเนินการในสิ่งที่จำเป็น เพื่อที่จะกระตุ้นเงินเฟ้อ หากพิจารณาแล้วเห็นว่านโยบายของ ECB ยังไม่สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายได้ ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.2015 ของยูโรโซนอยู่ที่เพียง 0.1% ยังห่างจากเป้าหมายระยะยาวที่ 2% มาก ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่า ECB จะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีก เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก, การขยายโครงการซื้อพันธบัตร (QE) ทั้งวงเงินเป้าหมายที่จะเข้าซื้อและระยะเวลาในการดำเนินการ ทั้งนี้ ECB จะมีประชุมรอบสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 3 ธ.ค.2015
•/- การเมืองต่างประเทศ : ชาติตะวันตกและรัสเซียร่วมมือต่อต้านภัยก่อการร้ายจากกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ในซีเรียและอิรัก นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะประชุมร่วมกับประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์แห่งฝรั่งเศสในวันจันทร์ที่ 23 พ.ย.นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการต้านการก่อการร้ายและการโจมตีกลุ่ม IS และนายกรัฐมนตรีอังกฤษเตรียมเดินหน้าผลักดันให้รัฐสภาอนุมัติการโจมตีทางอากาศกลุ่ม IS ในซีเรียภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ ทางด้านเบลเยียมก็ได้ประกาศยกระดับการเตือนภัยก่อการร้ายสู่ขั้นสูงสุดคือระดับ 4 ในกรุงบรัสเซลส์ (หมายถึงมีภัยอันตรายใกล้ตัวที่อาจคุกคามได้) ส่วนรัสเซียได้เข้าโจมตีทางอากาศฐานที่มั่นกลุ่ม IS ในซีเรียกว่า 70 ครั้งในวันเสาร์ที่ 21 พ.ย.2015
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อ โดยดัชนี DJIA ปิด +91.06 จุด (+0.5%)ดัชนี S&P500 ปิด +7.93 จุด (+0.4%) และดัชนี NASDAQ ปิด +31.28 จุด(+0.6%) หนุนโดยภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับการทำ Policy Normalization ด้วยการเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมFOMC 15-16 ธ.ค.นี้ และทยอยปรับขึ้นต่อในปี 2016
• ค่าเงิน US$ อยู่ในแนวโน้มแข็งค่าในระยะกลาง หลังกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่ธ.ค.2015 นี้มีมากขึ้น (โอกาสความเป็นไปได้ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 70% จากผลสำรวจนักวิเคราะห์)
• จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐลดลงอีก 10 แท่น บริษัท เบเกอร์ฮิวจ์ รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 20 พ.ย.ว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง 10 แท่น เหลือ 564 แท่นในสัปดาห์นี้ แต่ราคาน้ำมันยังอ่อนแอเพราะกังวลว่ากลุ่มโอเปกจะยังผลิตน้ำมันดิบในระดับสูงต่อ และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐก็อยู่ในระดับสูงมากด้วย ส่วนในปี 2016 มีโอกาสที่อิหร่านจะผลิตน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกอีกราว 1 ล้านบาร์เรล/วันเริ่มตั้งแต่มี.ค.2016 หลังชาติตะวันตกยุติการคว่ำบาตรต่ออิหร่านในกรณีโครงการพัฒนานิวเคลียร์
•/- ราคาน้ำมันดิบยังอ่อนแอ วิตกอุปทานสูง...กลุ่มพลังงานมีความเสี่ยงที่จะเกิด Stock Loss ต่อใน 4Q15 โดยสัญญา WTI และ BRENTวันศุกร์ปิด -0.15 และ +0.45 ดอลลาร์ที่ 40.39 และ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งสัญญา BRENT ลดลงจากระดับปิดสิ้น 3Q15 แล้ว
....% ยังผลให้กลุ่มพลังงานมีโอกาสที่จะมีผลขาดทุนจากสต็อกอีกใน 4Q15ถ้าราคาน้ำมันดิบระดับปิดสิ้นปีนี้ใกล้เคียงกับราคาปัจจุบัน
• ราคาทองคำลดลง เพราะขาดปัจจัยกระตุ้นทางบวก สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบธ.ค.2015 ลดลง 1.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,076.30ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
•/- ไทย : มีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคไข้หวัดนก เนื่องจากขณะนี้มีไข้หวัดนกระบาดที่กัมพูชาและลาวหลายพื้นที่ ซึ่งอาจแพร่เข้ามาไทยตามแนวชายแดนได้จากการเคลื่อนย้ายสัตว์ และการเดินทางของประชาชนสภาพภูมิอากาศที่เย็นขึ้นก็เอื้อต่อการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงต่อโรคไข้หวัดนก คือ ไก่และเป็ด ซึ่งบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจดังกล่าว ได้แก่ CPF, GFPT, BR เป็นต้น
• ทาง DBS Quant Team Thailand ประเมินค่า Median ของ SETIndex ปี 2016 ไว้ที่ 1470 จุด มี Upside จากปัจจุบันประมาณ 6% โดยอิงกับสมมติฐาน EPS ตลาดหุ้นไทยปีหน้าที่ 80 จุด หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตของ EPS ปี 2016 ที่ +17% ซึ่งมีความเป็นไปได้ เพราะฐานกำไรของปี 2015ต่ำมากและหดตัวสวนกับที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตแข็งแกร่งในก่อนหน้านี้โดยเป็นผลจากการขาดทุนในสต็อกกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีจำนวนมากขาดทุนจาก FX เมื่อค่าเงินบาทอ่อน, ธนาคารตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงขึ้น และผลขาดทุนของ SSI
ส่วนในปี 2016 คาดว่าผลขาดทุนจากสต็อกในกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีจะจำกัด หรืออาจมีกำไรจากสต็อกเข้ามาด้วย รวมทั้งคาดว่าจะไม่มีผลขาดทุนรุนแรงจากบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาอีก อย่างไรก็ตาม ประเมินว่ากลุ่มธนาคารจะยังตั้งสำรองค่าเผื่อฯในระดับสูงต่อไป ทั้งนี้ถ้าดูจาก Chart ด้านล่างจะเห็นว่า เมื่อ EPS Growth ตลาดหุ้นไทยติดลบต่อเนื่อง 2-3 ปีก็จะมีการฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดดตามมา แล้วการเติบโตก็ค่อยๆ อ่อนลงอีกรอบ ซึ่งเป็นไปตามวัฏจักรการเติบโตของเศรษฐกิจและธุรกิจ
•/- พลังงานทางเลือก : ภายในสิ้นเดือนพ.ย.2015 ทางกกพ.จะยึดคืนใบอนุญาตขายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 14 ราย (ส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล) จำนวน 44 เมกะวัตต์ เงินลงทุนรวมกว่า 1 พันล้านบาทและมีค่าปรับ 2 แสนบาท/MW เนื่องจากยังไม่ได้ก่อสร้างเลยแม้รัฐยืดเวลาให้แล้ว 12 เดือน นอกจากนั้นยังมีโรงไฟฟ้าที่ก่อสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่สามารถCOD และโรงไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างและคืบหน้าไปกว่า 60% แต่อาจเสร็จไม่ทันสิ้นปี 2015 ซึ่งส่วนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะถูกยึดคืนใบอนุญาตหรือไม่ แต่ทราบมาว่าผู้ประกอบการบางรายทำเรื่องขอผ่อนปรนเพราะการก่อสร้างเหลืออีกไม่มากแล้ว ต้องติดตามผลกันต่อไป
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค –
[email protected] & Thailand Research Team
ข่าวอุตสาหกรรมและหุ้นเด่น
# PREB (ราคาปิด 14 บาท, ราคาพื้นฐาน 17.40 บาท)
ประมาณการว่าปี 58 กำไรสุทธิจะทรงตัวหรืออ่อนลงเล็กน้อย เพราะมีเฉพาะรายได้งานรับเหมาก่อสร้างโครงการอาคารสูง และเริ่มรับรู้รายได้จากคอนโดใน 4Q58 ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เติบโตก้าวกระโดดเมื่อเทียบ QoQ สำหรับงวด 9M58 บริษัทมีกำไรสุทธิ187 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 6.0% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปีที่ 4.7%
• แนวโน้มปี 60-61 สดใสจากการรับรู้รายได้คอนโดเข้ามาก้อนใหญ่ โดยจะรับรู้รายได้จากโครงการ The Tempo สาทร-วุฒากาศ และอื่นๆเข้ามาเพิ่มอย่างก้าวกระโดดอีก (จากรับรู้ 272 ล้านบาทในปี 57เป็น 1.28 พันล้านบาทในปี 59 และเป็น 2.9 พันล้านบาทในปี 60)
• จะนำบริษัทลูกเข้า MAI บริษัทมีแผนจะนำบริษัทย่อย Built Landเข้าจดทะเบียนในตลาด MAI ในปี 59 โดยจะให้สิทธิจองซื้อกับผู้ถือหุ้นPREB ก่อน (ให้ Pre-emptive Right)
• แนะนำซื้อลงทุน ณ ราคาปัจจุบัน ซื้อขายที่ P/E ปี 59 ต่ำเพียง 8.8เท่า และมี Dividend Yield ประมาณ 4.2% ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิเติบโตอย่างมีนัยสำคัญมาก ฝ่ายวิจัยฯ DBS ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่17.40 บาท โดยอิงกับ P/E ปี 59 ที่ 11 เท่า ซึ่งราคาหุ้นมี Upside จากราคาปัจจุบัน 24%
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค
[email protected]
# Turnover List Watch: SR เข้าเกณฑ์ใช้ Cash Balanceสัปดาห์นี้
•SR เข้าเกณฑ์ใช้ Cash Balance สัปดาห์นี้ ตั้งแต่ 23 พ.ย.58- 30ธ.ค.58
•ด้านหลักทรัพย์กลับมาใช้ Margin ได้เป็นวันแรก คือ TT, TT-W2หลังตลาดฯไม่ได้ประกาศขยายเวลาการใช้ Cash Balance เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา
[email protected]
# BA: ลุ้นเกินราคาจอง ด้วยพื้นฐานที่ดีขึ้นของบริษัท
•ราคาหุ้นกลับมาดีดตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง หลังประกาศผลการดำเนินงาน 3Q58 ออกมาดีมาก และแนวโน้มธุรกิจยังแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จนกำลังไปทดสอบระดับราคาจอง (IPO) ที่ 25.00บาท ซึ่งตั้งแต่เริ่มเข้ามาซื้อขาย พ.ย.ปี 57 ไม่เคยซื้อขายสูงกว่าราคาจองเลย แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เราคาดว่ามีโอกาสสูงที่ราคาหุ้นจะซื้อขายได้สูงกว่าราคาจอง
•กำไรฟื้นตัวดีตามภาวะธุรกิจและมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นกำไรสุทธิ 3Q58 เป็น 579 ล้านบาท เทียบกับ y-o-y ที่ ขาดทุนสุทธิ52 ล้านบาท และ q-o-q ที่มีกำไรสุทธิ 92 ล้านบาท
•Load Factor และอัตราผลตอบแทนการขนส่ง (passenger yield)ยังคงฟื้นตัวดี ซึ่งเป็นไปตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางประเทศไทยจำนวนมากขี้น ในรอบ 1H58 เพิ่มขึ้นถึง 27% และครึ่งปีหลังจะยิ่งดีขึ้นโดยเฉพาะ 4Q58 ที่เป็น High Season
•มีความเป็นไปได้ที่ BA จะทำกำไรปีนี้ได้ดีกว่าที่เราประมาณการไว้เสียอีก
•คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานเป็น 26.90 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธีSOTP ราคาปิดที่ 23.00 บาท ยังมีส่วนเพิ่มได้อีก 17% จุดเด่นคือBA เป็นสายการบินหลักที่ไปยังเกาะสมุย รายได้มากกว่า 50% มาจากปลายทางแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งได้รับอนุมัติให้เพิ่มเที่ยวบินไปยังเกาะสมุยได้
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา [email protected]