- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 23 November 2015 17:30
- Hits: 1008
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ปลาย พ.ย. ถึงต้น ธ.ค. คาดดัชนีจะขึ้นยืนเหนือ 1400 จุด
โค้งสุดท้ายของปี 2015 ดัชนีตลาดหุ้นโลกและไทยจะเป็นอย่างไร ยังคงขึ้นอยู่กับเงื่อนไข การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจีน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน) ทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ สำหรับของไทยแม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมาทั้งนโยบายการเงินและการคลัง แต่คาดการฟื้นตัวจะยังดำเนินงานไปอย่างช้าๆ หลังเศรษฐกิจไทยกำลังประสบกับปัญหาการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาภัยแล้งและการอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการเมืองและเศรษฐกิจ ประเด็นดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อกำลังซื้อของคนในประเทศ
แม้จะยังเผชิญกับหลายๆ ปัญหาทั้งในและต่างประเทศ แต่หากมองในตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนตลาดจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพียงแต่รอปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ BOI การเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและจำนวนหุ้น IPO ในจำนวนนี้ ปัจจัยที่จะหนุนดัชนี SET ได้มากสุดคือ คือ การเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นไปตามกำหนดการ เพราะจากการศึกษาผลการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในตลาดหุ้นเกิดใหม่ไม่รวมอินเดีย จีนและบราซิล ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาของ Morgan Stanley พบว่าดัชนีของตลาดหุ้นในประเทศที่ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะดีดตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 13.8% ต่อปีเทียบดัชนี MSCI EM
แนวโน้มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จะส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นถือว่ายังเป็นผลในระยะยาว แต่ในช่วงสั้นๆ นี้คือ Q4 นี้ ดัชนีตลาดหุ้นโลกจะเป็นอย่างไร โดยพิจารณาดูจากผลของฤดูกาลอย่างเดียวหรือก็คือดูรูปแบบการเคลื่อนไหวเป็นหลัก จากรูปด้านซ้าย จะพบว่าในช่วง Q4 ส่วนใหญ่ดัชนีตลาดหุ้นโลก มักจะดีดตัวขึ้นโดยเฉพาะในเดือน ธ.ค.แต่ไม่ทุกปี
หากมองว่า แนวโน้มดัชนีในปลาย พ.ย.ถึงต้น ธ.ค. นี้ดัชนี SET จะค่อยๆปรับตัวขึ้น กลุ่มที่เรามองว่าน่าจะอยู่ในตำแหน่งการลงทุนที่ดีที่สุดทั้งพื้นฐานและดัชนีกลุ่มยังไม่ไปไหน คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก เนื่องจากดัชนีกลุ่มนับตั้งแต่ต้น Q4 ถึงปัจจุบัน ขึ้นได้น้อยมาก ปัจจัยภายในที่คาดว่าจะหนุนดัชนีคือ ตัวเลขดัชนีการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน หากออกมาในเชิงบวกเหมือนเดือน ก.ย.คือ ขยายตัวเมื่อเทียบเดือนที่ผ่านมาหรือ MoM% ในไม่ช้าก็น่าส่งผลด้านบวกกับอัตราการขยายตัวสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ (ดูรูปด้านขวา)
เปิดขึ้นมาในต้นอาทิตย์ เรามองว่าดัชนี SET อาจจะยังทรงๆ ตัวหรือประคับประคองตัวเพื่อรอปัจจัยหนุนอย่างตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมัน อย่างไรก็ตามในอาทิตย์นี้ เรามองว่าดัชนี SET จะขึ้นไปยืนเหนือ 1400 จุดได้หลังเริ่มมีแรงซื้อจากกองทุนในประเทศรวมทั้งแรงหนุนจากการตัวเลข GDP Q3/15 ของสหรัฐที่จะถูกปรับเพิ่มเป็น 2% จากประมาณการณ์ครั้งแรกที่ 1.5% ส่วนปัจจัยหนุนภายในคือ ตัวเลขเศรษฐกิจภายในของไทย วันนี้คาดดัชนี SET จะแกว่งตัวขึ้นเหนือ 1400 จุดสลับมีแรงขายทำกำไร โดยแนวต้านอยู่ที่ 1400-1405 จุดและแนวรับที่ 1390-1386 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร SVI และ HANA
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ปลาย พ.ย. ถึงต้น ธ.ค. คาดดัชนีจะขึ้นยืนเหนือ 1400 จุด
โค้งสุดท้ายของปี 2015 ดัชนีตลาดหุ้นโลกและไทยจะเป็นอย่างไร ยังคงขึ้นอยู่กับเงื่อนไข การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจีน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน) ทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ สำหรับของไทยแม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมาทั้งนโยบายการเงินและการคลัง แต่คาดการฟื้นตัวจะยังดำเนินงานไปอย่างช้าๆ หลังเศรษฐกิจไทยกำลังประสบกับปัญหาการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาภัยแล้งและการอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการเมืองและเศรษฐกิจ ประเด็นดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อกำลังซื้อของคนในประเทศ
แม้จะยังเผชิญกับหลายๆ ปัญหาทั้งในและต่างประเทศ แต่หากมองในตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนตลาดจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพียงแต่รอปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ BOI การเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและจำนวนหุ้น IPO ในจำนวนนี้ ปัจจัยที่จะหนุนดัชนี SET ได้มากสุดคือ คือ การเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นไปตามกำหนดการ เพราะจากการศึกษาผลการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในตลาดหุ้นเกิดใหม่ไม่รวมอินเดีย จีนและบราซิล ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาของ Morgan Stanley พบว่าดัชนีของตลาดหุ้นในประเทศที่ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะดีดตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 13.8% ต่อปีเทียบดัชนี MSCI EM
แนวโน้มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จะส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นถือว่ายังเป็นผลในระยะยาว แต่ในช่วงสั้นๆ นี้คือ Q4 นี้ ดัชนีตลาดหุ้นโลกจะเป็นอย่างไร โดยพิจารณาดูจากผลของฤดูกาลอย่างเดียวหรือก็คือดูรูปแบบการเคลื่อนไหวเป็นหลัก จากรูปด้านซ้าย จะพบว่าในช่วง Q4 ส่วนใหญ่ดัชนีตลาดหุ้นโลก มักจะดีดตัวขึ้นโดยเฉพาะในเดือน ธ.ค.แต่ไม่ทุกปี
หากมองว่าแนวโน้มดัชนีในปลาย พ.ย.ถึงต้น ธ.ค. นี้ดัชนี SET จะค่อยๆปรับตัวขึ้น กลุ่มที่เรามองว่าน่าจะอยู่ในตำแหน่งการลงทุนที่ดีที่สุดทั้งพื้นฐานและดัชนีกลุ่มยังไม่ไปไหน คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก เนื่องจากดัชนีกลุ่มนับตั้งแต่ต้น Q4 ถึงปัจจุบัน ขึ้นได้น้อยมาก ปัจจัยภายในที่คาดว่าจะหนุนดัชนีคือ ตัวเลขดัชนีการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน หากออกมาในเชิงบวกเหมือนเดือน ก.ย.คือ ขยายตัวเมื่อเทียบเดือนที่ผ่านมาหรือ MoM% ในไม่ช้าก็น่าส่งผลด้านบวกกับอัตราการขยายตัวสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ (ดูรูปด้านขวา)
เปิดขึ้นมาในต้นอาทิตย์ เรามองว่าดัชนี SET อาจจะยังทรงๆ ตัวหรือประคับประคองตัวเพื่อรอปัจจัยหนุนอย่างตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมัน อย่างไรก็ตามในอาทิตย์นี้ เรามองว่าดัชนี SET จะขึ้นไปยืนเหนือ 1400 จุดได้หลังเริ่มมีแรงซื้อจากกองทุนในประเทศรวมทั้งแรงหนุนจากการตัวเลข GDP Q3/15 ของสหรัฐที่จะถูกปรับเพิ่มเป็น 2% จากประมาณการณ์ครั้งแรกที่ 1.5% ส่วนปัจจัยหนุนภายในคือ ตัวเลขเศรษฐกิจภายในของไทย วันนี้คาดดัชนี SET จะแกว่งตัวขึ้นเหนือ 1400 จุดสลับมีแรงขายทำกำไร โดยแนวต้านอยู่ที่ 1400-1405 จุดและแนวรับที่ 1390-1386 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร SVI และ HANA
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,398.55 จุด เพิ่มขึ้น 4.71 จุด(+0.34%) มูลค่าการซื้อขาย 14,453.60 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งในกรอบแคบ ตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะที่เชื่อว่าเม็ดเงินจากกองทุน LTF ยังหนุนตลาดอยู่
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย ระวังแรงขายทำกำไรช่วงท้ายตลาด เรามองการดีดตัวขึ้นของ SET ในรอบนี้ไม่แข็งแรง เนื่องจากเป็นการปรับตัวขึ้นด้วยปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างต่ำ โดยเรามองว่าหากเม็ดเงิน LTF เริ่มชะลอตัวลง ตลาดน่าจะเริ่มปรับฐานอีกรอบ ดังนั้นมองว่าการดีดตัวขึ้น SET แถวบริเวณ 1404 จุด จะเป็นจังหวะขายทำกำไรเล่นรอบออก และไปรอซื้อกลับที่แนวรับ 1380-1385 จุด
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
L.P.N. Development (LPN TB; THB 18.00) - ซื้อ
RS (RS TB; THB 11.90) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]