- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 23 November 2015 17:26
- Hits: 1046
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX แกว่งในกรอบแคบ 1,380-1,388 จุด เนื่องจากเป็นวันซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์ อีกทั้งนักลงทุนระมัดระวังต่อเหตุการณ์ในยุโรป ทำให้หุ้นขนาดใหญ่แกว่งแคบ KBANK / WHA เริ่มทรงตัวดีขึ้น จากวันก่อนหน้าที่ปรับฐานลงแรง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX เท่ากับ 1,393.94 จุด บวก 8.87 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 29,723 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอการขายในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ 384 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 4.089 สัญญา และซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ 3,427 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ตัวเลขการส่งออก - นำเข้า เดือนต.ค.ของไทยเลื่อนประกาศเป็นวันที่ 27 พ.ย.
ติดตามยอดเงินผ่านกองทุน LTF / RMF หลังเสร็จสิ้นงาน SET in The City วานนี้
ตลาดหุ้น Nikkei ปิดทำการ เนื่องในวัน labor thanks giving
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 5 โดย SET INDEX ยังไม่สามารถปิดผ่าน 1,400 จุดได้ในวันนี้ แม้ว่าเงินทุนต่างชาตกลับมาซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันในวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกในรอบ 10 วันทำการแล้วก็ตาม ซึ่งเราประเมินว่า เงินทุนต่างชาติในช่วงสั้นนี้จะชะลอตัวทั้งในแง่ซื้อสุทธิ หรือ ขายสุทธิ เพื่อรอดูตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงสั้นนี้ว่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่องหรือไม่ รวมถึงการรอเข้ารับฟังข้อมูลจากบริษัทจดทะเบียนกว่า 100 บริษัทในงาน Thailand Focus ระหว่างวันที่ 2-4 ธ.ค.นี้
ด้านเม็ดเงินจากสถาบันภายในประเทศสัปดาห์นี้น่าจับตามอง หลังเสร็จสิ้นงาน SET In The City คาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่ผ่าน LTF / RMF ราว 3-4 พันล้านบาท น่าจะทยอยเข้าสะสมตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ เป็นตัวแปรที่สำคัญที่จะผลักดันให้ SET INDEX ทะลุแนว 1,400 จุดได้ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้
สำหรับประเด็นต่างประเทศในสัปดาห์นี้ ขาดความโดดเด่น เป็นเพียงการติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ในแต่ละประเทศ รวมถึงเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในต่างประเทศ อาจมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนอยู่บ้าง แต่ไม่มากนักในความเห็นของเรา
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรบางส่วน เมื่อ SET INDEX ทะลุแนว 1,400 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย" เพื่อรอกลับมาสะสมหุ้นเป้าหมายเมื่อราคาย่อตัวลง
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Accumulative Buy: BMCL / KTB
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
BMCL : ราคาปิด 1.95 บาท ราคาเหมาะสม 2.72 บาท
BMCL-BECL จะไป Roadshow เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติที่ ฮ่องกง, มาเลเซีย และสิงคโปร์ในสัปดาห์นี้ ระหว่างวันที่ 23-27 พ.ย.และคาดว่าจะได้รับการตอบรับเชิงบวกจากทิศทางการเติบโตที่โดดเด่นอิงไปกับการขยายตัวด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
เชื่อว่า BMCL - BECL ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว คือเรื่องการควบรวมกิจการ และเป็นหุ้นที่ต่างชาติไม่ได้ถือครองอย่างมีนัยสำคัญ จะ Outperform ตลาดได้ เนื่องจากได้รับผลกระทบเชิงลบที่จำกัดจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ ณ ปัจจุบัน เพื่อรอดูการประชุมเฟดในวันที่ 15 ธ.ค.
คาดว่าการควบรวมกิจการจะได้รับความเห็นชอบจากครม.ภายในวันที่ 8 ธ.ค. หลังได้ผ่านการพิจารณาจากอัยการสูงสุดแล้ว ขณะที่ขั้นตอนการควบรวมจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2558 และเริ่มการซื้อขาย "BEM" ในช่วงต้นปี 2559
คงมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทใหม่หลังการควบรวม คือ BEM ซึ่งมีฐานะการเงินแข็งแกร่งและสอดรับกับโอกาสในการเติบโตจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต
KTB : ราคาปิด 17.30 บาท ราคาเหมาะสม 19.30 บาท
MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และคาดว่าจะได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิในปี 2559 หลัง GDP 3Q58 กลับมาขยายตัวทั้ง yoy และ qoq สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว
แผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ ที่เริ่มเปิดประมูลตั้งแต่เดือน พ.ย.2558 เป็นต้นไปถึง 1H59 จะเป็นบวกโดยตรงต่อ KTB ที่มีสัดส่วนการปล่อยกู้ให้กับโครงการภาครัฐฯในสัดส่วนสูง
คาดผลประกอบการ 4Q58 จะเริ่มฟื้นตัว qoq แม้ว่าโดยปกติ KTB จะมีการตั้งสำรองที่สูงในไตรมาส 4 ของทุกปี แต่เนื่องด้วย 3Q58 มีการตั้งสำรองหนี้เสียของ SSI เป็นจำนวนมาก จึงคาดว่าการตั้งสำรองจะลดลง qoq ใน 4Q58
Valuation ถูก โดยซื้อขายต่ำกว่า BV ที่ระดับ PBV2559 เพียง 0.88 เท่า และให้ Dividend Yield 4.6% ต่อปี (จ่ายปีละ 1 ครั้ง)
มี Upside Risk ต่อประมาณการกำไรปี 2559 หากได้รับชำระคืนเงินจำนวน 1 หมื่นล้านบาท หลังศาลตัดสินให้ KTB ชนะคดีปล่อยกู้ให้กับ KMC โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการขายที่ดินหลักประกันและคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1Q59
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชีย ขายสุทธิเล็กน้อย US$67 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$341 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 3 ตลาดพร้อมกันอีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ 384 ล้านบาท เทียบกับ 10 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 13,930 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงขายสุทธิสูงกว่า 1.1 แสนล้านบาท เป็น 117,421 ล้านบาท
SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิวันที่ 3 ขยับขึ้นเป็น 4,089 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิ 7,026 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Long สุทธิต่อเนื่อง ผลักดันให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิขยับขึ้นเป็น 40,315 สัญญา เมื่อ S50Z15 ปิดต่ำกว่า 900 จุด เป็นวันที่ 10 โดย S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 14 และแคบลงอีกเป็น 2.94 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 3.37 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเป็นวันที่ 8 ลดลงเป็น 20,412 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ 3,427 ล้านบาท เทียบกับ 9 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 26,419 ล้านบาท โดยราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 6 มากถึง 6.58bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 2.41bps ปิดที่ 2.793%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันที่ 2 เป็น 576 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 728 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิในลักษณะ Basket orders ในกลุ่มหลักๆ
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 1,099 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง 62 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการลงทุนในลักษณะ Basket Orders ในกลุ่มหลักของตลาดฯ สรุปได้ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มพลังงานถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 มากถึง 302 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 172 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 225 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 151 ล้านบาท กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 112 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 450 ล้านบาท และกลุ่มโรงพยาบาล ซื้อสุทธิ 101 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 18 ล้านบาทเท่านั้น
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
รองประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย: นาย Chair Fischer ให้ความเห็นว่า ประธานเฟดบางคน เห็นพ้องกันว่าควรจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะอันสั้นนี้ อีกทั้งตลาดเกิดใหม่ และเอเชีย ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการปรับนโยบายของเฟด โดยประธานธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่ ได้บอกกับเฟดให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย "Just do it"
ยุโรป
กรีซปฎิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงกับเจ้าหนี้ไว้: เจ้าหน้าที่ EC รายงาน กรีซได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับการรับเงินช่วยเหลือ ซึ่ง EC จะให้เงินกู้รอบถัดไป 2.0 พันล้านยูโรในวันที่ 23 พ.ย. สำหรับกับการปรับโครงสร้างทุนของธนาคารในกรีซ
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
รัฐบาลอินเดียเสนอวงเงิน US$1.5 หมื่นล้าน เพื่อเพิ่มเงินเดือน: รมว.คลัง อินเดีย เตรียมเสนอแผนการเพิ่มขึ้นเงินเดือนและผลตอบแทนแก่เจ้าหน้าที่รัฐ 23.55% เพื่อเป็นการกระตุ้นภาคการบริโภค โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ Seventh Pay Commission มีเจ้าหน้าที่ 4.7 ล้านคน และคนที่อยู่ในระดับบำเหน็จบำนาญอีก 5.2 ล้านคน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ส่วนภาระของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้น 1.02 ล้านล้านรูปี เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 1 เม.ย. 2559
ไทย
กรมสรรพากร ใช้ 3-4 แนวทางรื้อวิธีจัดเก็บเล็งชง สมคิด - ครม.ลดภาษี: อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายการปรับโครงสร้างภาษี กรมสรรพากรดำเนินการศึกษาแนวทางจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้วหลายรูปแบบ และมี 3-4 แนวทางที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พิจารณา โดยการศึกษาครอบคลุมในทุกด้าน ทั้งค่าลดหย่อนต่างๆ ค่าใช้จ่ายประจำวัน ซึ่งอาจพิจารณาทั้งแบบเหมาจ่าย 6 หมื่นบาทต่อปี เพิ่มเป็น 1.2 แสนบาท ทั้งแบบเหมาจ่าย และนำใบเสร็จจากร้านขายสินค้ามาแสดงในการยื่นแบบเสียภาษี เนื่องจากที่ผ่านมากำหนดให้นำค่าใช้จ่าย 6 หมื่นบาทต่อปี หรือประมาณ 5,000 บาทต่อเดือน ซึ่งใช้มาหลายปีแล้ว จึงต้องการปรับให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530