- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 20 November 2015 16:10
- Hits: 1572
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX ฟื้นตัวกลับมายืนเหนือ 1,380 จุด ผลักดันด้วยกลุ่มขนส่ง, กลุ่ม ICT และกลุ่มพลังงาน ขณะที่ KBANK เผชิญกับแรงขาย หลังโบรกเกอร์ต่างชาติลดคำแนะนำการลงทุน ขณะที่บรรยากาศการลงทุนโดยรวมเอื้อต่อการเก็งกำไร ตลาดหุ้นเอเชีย / ยุโรป ขยับในแดนบวก ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,384.97 จุด บวก 8.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,165 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอการขายในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง แม้คงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 9 เหลือเพียง 375 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 2,393 สัญญา และคงการขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 9 อีก 2,390 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
งาน SET IN THE CITY วันที่ 19-22 พ.ย.
STEC ชนะสัญญาที่ 1 ส่วน บริษัทไร้ททันเนลลิ่ง ชนะสัญญาที่ 2 ของโครงการรถไฟรางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลอง 19
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ตัวเลขการส่งออก - นำเข้า เดือนต.ค.ของไทย
ติดตามการประชุมครม. ทุกวันอังคาร อาจมีการพิจารณาแผนที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
เม็ดเงินผ่านกองทุน LTF / RMF หลังเสร็จสิ้นงาน SET In The City ในสุดสัปดาห์นี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการในวันที่ 26 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 4 พร้อมประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,380-1,390 จุด มูลค่าการซื้อขายยังคงเบาบาง 3.5 หมื่นล้าบาท +/- เพราะเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ อีกครั้งปัจจัยการลงทุนในวันนี้ขาดความโดดเด่น
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับเม็ดเงินใหม่จากกองทุน LTF/ RMF หลังเสร็จสิ้นงาน SET in The City คาดระดมทุนใหม่ได้ราว 3-5 พันล้านบาทในครั้งนี้ ช่วยจำกัด downside risk ของ SET INDEX ในช่วงสั้น ส่วนปัจจัยพื้นฐาน เราให้น้ำหนักกับตัวเลขการส่งออก - นำเข้าเดือนต.ค. ของไทย Bloomberg Consensus คาด -7.67% yoy และ -18.30% yoy ตามลำดับ ซึ่งหากออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด สะท้อนภาคการส่งออกที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว เป็นบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจใน 4Q58 ของไทย สอดคล้องกับมุมมองของรองนายกฯ ดร.สมคิดที่ออกมาให้ความเห็นก่อนหน้านี้ เพียงแต่ตลาดหุ้นไทยจะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น จนกว่าจะทราบผลการประชุมเฟดในวันที่ 16 ธ.ค. ณ ปัจจุบัน ตลาด "ฟันธง" ไปแล้วว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนัดนี้
สำหรับเม็ดเงินทุนต่างชาติกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เราคาดว่าแรงขายสุทธิจะชะลอตัวลงในช่วงสั้นนี้ จนกว่าจะเสร็จสิ้นงาน Thailand Focus ระหว่างวันที่ 2-4 ธ.ค. ซึ่งบริษัทจดทะเบียนกว่า 100 บริษัทจะพบปะกับกองทุนทั้งในและต่างประเทศ เราเชื่อว่า งานนี้จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติได้ไม่มากก็น้อย แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังไม่ชัดเจนในแง่ของการฟื้นตัวผ่านสายตาของนักลงทุนต่างชาติก็ตาม แต่การเลือกลงทุนเป็นรายบริษัทก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายเพิ่มเติม หากเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขายในวันนี้ และถือพอร์ตเก็งกำไรข้ามสัปดาห์"
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Accumulative Buy: BMCL / TPIPL
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
TPIPL : ราคาปิด 2.44 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ TPIPL แม้งบ 3Q58 จะออกมาขาดทุนสุทธิ 508 ล้านบาท แต่หากพิจารณารายละเอียดของงบการเงินแล้ว พบว่าเกิดจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 634 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างสายธุรกิจไฟฟ้าอีกราว 300 ล้านบาทซึ่งเป็นรายการครั้งเดียว
ดังนั้น หากพิจารณาโดยปรับปรุงรายการพิเศษแล้วจะพบว่า TPIPL มีกำไรจากการดำเนินงานราว 300 ล้านบาท
คาดผลประกอบการ 4Q58 จะขยายตัว qoq จากการรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้าขยะจำนวน 73MW เต็มไตรมาส นอกจากนั้น การกลับมาแข็งค่าของเงินบาทต่อยูโร ราว 2 บาทต่อยูโร ใน 4Q58 จะช่วยหนุนให้ TPIPL กลับมามีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 300 ล้านบาท
และแนวโน้มปี 2559 คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติจะเติบโตก้าวกระโดด +627% yoy เป็น 2,879 ล้านบาท จากการฟื้นตัวของธุรกิจปูนซีเมนต์ และรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า 73MW เต็มปี
ซื้อขายที่ระดับ PBV2559 เพียง 0.80 เท่า ต่ำกว่า SCC ที่ 2.34 เท่า และ SCCC ที่ 3.16 เท่า
BMCL : ราคาปิด 1.96 บาท ราคาเหมาะสม 2.72 บาท
ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ เนื่องจาก BMCL-BECL จะไป Roadshow เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติที่ ฮ่องกง, มาเลเซีย และสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 23-27 พ.ย.และคาดว่าจะได้รับการตอบรับเชิงบวกจากทิศทางการเติบโตที่โดดเด่นอิงไปกับการขยายตัวด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
เชื่อว่า BMCL - BECL ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว คือเรื่องการควบรวมกิจการ และเป็นหุ้นที่ต่างชาติไม่ได้ถือครองอย่างมีนัยสำคัญ จะ Outperform ตลาดได้ เนื่องจากได้รับผลกระทบเชิงลบที่จำกัดจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ ณ ปัจจุบัน เพื่อรอดูการประชุมเฟดในวันที่ 15 ธ.ค.
คาดว่าการควบรวมกิจการจะได้รับความเห็นชอบจากครม.ภายในวันที่ 8 ธ.ค. หลังได้ผ่านการพิจารณาจากอัยการสูงสุดแล้ว ขณะที่ขั้นตอนการควบรวมจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2558 และเริ่มการซื้อขาย "BEM" ในช่วงต้นปี 2559
คงมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทใหม่หลังการควบรวม คือ BEM ซึ่งมีฐานะการเงินแข็งแกร่งและสอดรับกับโอกาสในการเติบโตจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชีย กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ US$341 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$354 ล้าน
และเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ ที่เงินทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิบางตลาด
Foreign Investors Action วานนี้
แรงขายของต่างชาติยังคงทรงตัว
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 9 ลดลงเหลือ 375 ล้านบาท รวม 9 วันทำการ ขายสุทธิ 13,930 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 4,067 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิสูงกว่า 1.1 แสนล้านบาท เป็น 117,805 ล้านบาท
SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 2,393 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 2,937 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Long สุทธิต่อเนื่อง ผลักดันให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิขยับขึ้นเล็กน้อย เป็น 36,226 สัญญา เมื่อ S50Z15 ปิดต่ำกว่า 900 จุด เป็นวันที่ 9 โดย S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 13 แคบลงเล็กน้อยเป็น 3.37 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 4.43 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเป็นวันที่ 7 ลดลงเป็น 24,501 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 9 อีก 2,390 ล้านบาท รวม 9 วันทำการขายสุทธิ 26,419 ล้านบาท โดยราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงแรงวานนี้ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 5 มากถึง 2.41bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.41bps ปิดที่ 2.727%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 728 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,304 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง แต่เพียงเล็กน้อย และเป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิเพียง 62 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 56 ล้านบาท เป็นภาพของการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มอุตฯ หลัก สรุปได้ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มธนาคารกลับมาถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 450 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก ขายสุทธิ 67 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มพลังงาน ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 172 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 88 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 151 ล้านบาท กลุ่มโรงพยาบาล ซื้อสุทธิ 111 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 106 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
ยอดขอสวัสดิการว่างงานเท่ากับ 2.71 แสนตำแหน่ง ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg consensus คาด 2.70 แสนตำแหน่ง แต่ดีกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.76 แสนตำแหน่ง
ดัชนีชี้นำ เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% mom ดีกว่า Bloomberg consensus เพิ่มขึ้น 0.5% mom และฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.1%mom โดยมีสัญญาณของการกู้เงินที่ดีขึ้นเป็นสำคัญ
ยุโรป
รายงานการประชุม ECB เดือนต.ค. กรรมการบางคนเริ่มกังวลต่อภาวะเงินฝืด: การประชุม ECB วันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา กรรมการบางท่านในที่ประชุม เริ่มเรียกร้องให้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อป้องกันภาวะเงินฝืด เศรษฐกิจอียูฟื้นตัวได้ลำบากมากขึ้น และราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ
จีน
ดัชนี Business Sentiment เดือนพ.ย.หดตัวลงแรง: เป็น 49.9 จุด จากเดือนต.ค.ที่ 55.5 จุด แนวโน้มเศรษฐกิจ ภาคเอกชนยังคงระมัดระวัง สะท้อนกลับมายังดัชนีที่ 51.2 จุด จาก 58.4 จุด ในเดือนต.ค.
เอเชียแปซิฟิก
BoJ คงนโยบายการเงิน: BOJ มีมติคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน พร้อมคงการประเมินทางเศรษฐกิจ โดยระบุว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวปานกลาง และเชื่อว่า เศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ขณะเดียวกัน คณะกรรมการของ BOJ ก็ตัดสินใจที่จะยังคงดำเนินนโยบายในการเพิ่มฐานเงินที่อัตราประมาณ 80 ล้านล้านเยนต่อปี ผ่านทางการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่
ไทย
คลัง เล็งเสนอตั้งกองทุน Thailand Future Fund 1 แสนล้านบาท: นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง คาดว่า กระทรวงการคลังจะเสนอเรื่องการจัดตั้ง Thailand Future Fund มูลค่า 1 แสนล้านบาท เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้เพื่อเป็นช่องทางระดมทุนสำหรับใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะเน้นการเสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่นักลงทุนสถาบันในและต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนผลตอบแทนการลงทุนนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษา เบื้องต้นกองทุนดังกล่าวสามารถลงทุนได้อย่างเปิดกว้าง เช่น การลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ โดยมีลักษณะการลงทุนใกล้เคียงกับกองทุนวายุภักษ์ ในระหว่างที่โครงการก่อสร้างพื้นฐานยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อให้กองทุนดังกล่าวผลตอบแทนกับผู้ถือกองทุน โดยรัฐบาลจะรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เพื่อให้นักลงทุนสถาบันซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักสามารถลงทุนได้ทั้งสถาบันในประเทศ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทประกันชีวิต
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530