- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 18 November 2015 17:59
- Hits: 1089
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +6.49, NASDAQ +1.40, S&P -2.75, FTSE +122.38, CAC +133.00 และ DAX +257.81 ภายใต้ปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ รวมถึงวอล-มาร์ท และโฮม ดีโปท์ อย่างไรก็ตาม DJIA ปรับขึ้นในกรอบจำกัด ขณะที่ S&P ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานลดลง และการคาดการณ์ว่าเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า (15 - 16/12/58) จากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ – ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.2%MoM หลังก่อนหน้านี้ลดลงติดต่อกัน 2 เดือน รวมถึงข่าวการยกเลิกการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรระหว่างเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากความกังวลว่าอาจจะเกิดเหตุลอบวางระเบิด นอกจากนี้ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ – ต.ค. ลดลง 0.2% โดยลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และต่ำกว่าที่คาดว่าจะอยู่ในระดับทรงตัว
.....ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ที่ช่วยให้ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ และการคาดการณ์ว่า ECB จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$1.07 อยู่ที่ US$40.67 ต่อบาร์เรล ภายใต้การคาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะปริมาณน้ำมันล้นตลาด
.....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$15.0 อยู่ที่ US$1,068.6 ต่อออนซ์ ภายใต้ปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่า รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้เพิ่มน้ำหนักต่อประเด็นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า (15 – 16/12/58)
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -745 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -115,775 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : Sideway? คาดการเคลื่อนไหวแกว่งตัวคล้ายกับวานนี้ โดยปัจจัยต่างประเทศคาดกลับมากังวลประเด็นเดิม โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 15 – 16/58 ซึ่งแนะติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟด (เมื่อ 27 – 28/10/58) เช้า พฤ. ตามเวลาไทย ว่าจะมีสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าหรือไม่? และในประเด็นดังกล่าวทำให้คาดยังมีผลต่อทิศทางของ Fund Flow โดย โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets ขณะที่เงินสหรัฐฯ ยังคงแข็งค่า
.....นอกจากนี้คาดยังได้รับ (-) จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน ซึ่งคาดอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังประเทศคู่ค้า และ (+) จากคาดการณ์ว่า ECB อาจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจเพิ่มวงเงิน QE หรือขยายระยะเวลาออกไป (จากต้นปีทีผ่านมา ECB ประกาศวงเงินซื้อพันธบัตร จำนวน 60,000 ล้านยูโรต่อเดือน ถึงกันยายน’59 โดยเริ่มซื้อมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งหมด 18 เดือน เป็นวงเงินรวมประมาณ 1.1 ล้านยูโร) แนะติดตามการประชุมของ ECB ในวันที่ 3/12/58
…..ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามลำดับหลังจากนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐ ขณะที่แนะจับตาหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดมีแรงเก็งกำไรในระยะสั้น เช่น ITD, CK, STEC, UNIQ และ NWR หลังผ่านคุณสมบัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางฉะเชิงเทรา – คลอง 19 – แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. วงเงิน 10,525 ล้านบาท (แบ่งเป็น สัญญา 1 มูลค่า 9,926 ล้านบาท และสัญญา 2 มูลค่า 599 ล้านบาท) และ รฟท. จะเปิดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ในวันที่ 19/11/58 (พฤ.นี้) และในระยะยาวจากความคืบหน้างานก่อสร้างรถไฟไทย – จีน ซึ่ง ครม. ให้ความเห็นชอบวานนี้ โดยเป็นความร่วมมือในงานก่อสร้างรถไฟ 2 เส้นทาง ได้แก่ (1) เส้นทางหนองคาย – โคราช – แก่งคอย – ท่าเรือมาบตาพุด และ (2) เส้นทางแก่งคอย – กรุงเทพ เบื้องต้นคาดได้ผู้รับเหมาฯ ประมาณกลางปี’59
.....อย่างไรก็ตามระวังการขายทำกำไร – Sell on Fact หลังจบการประกาศงบ 3Q/58 ส่วนทางด้าน Fund Flow ต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องอีก 745 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาคส่วนใหญ่ โดยค่าเงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่า แต่คาดได้รับการชดเชยจากแรงซื้อของสถาบันในประเทศ
....โดยยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 35.98 – 36.02 คาดมีโอกาสอ่อนค่าอีกครั้ง (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TASCO เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (MINT, CENTEL) และหุ้นกลุ่มขนส่ง (เช่น AAV, AOT) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะช่วง High season ในช่วง 4Q/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.26% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.68 อยู่ที่ 18.84
หุ้นแนะนำ : SMT
ประเด็นที่ต้องติดตาม (18 - 20 พ.ย.’58)
18/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง - ต.ค. (2) สต็อกน้ำมัน
19/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติก - พ.ย.
(3) ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ - ต.ค.
20/11/58 : - ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ -
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788