- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 16 November 2015 17:52
- Hits: 891
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังมีลบ แต่คาดไม่ลึกมากและยังลุ้นดีดขึ้นอยู่..ถือรอ!
กลยุทธ์ : แม้ SET จะอยู่ในช่วงปรับพักตัวลงต่อเนื่อง แต่ FSS ยังคาดหมายว่ากรอบลบไม่ลึกมากนัก เพราะที่ผ่านมาตลาดตอบรับข่าวเรื่องโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐไปมากแล้ว ดังนั้นตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาไม่ดีนักก็อาจช่วยหนุนแรงซื้อกลับในตลาดหุ้นบ้านเราได้บ้าง ซึ่งเรายังคาดว่า SET มีกรอบลบจำกัดและยังลุ้นกลับไปรีบาวด์แกว่งบวกในช่วงถัดไปได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : WORK, GPSC, TICON(short)
แนวโน้ม : SET เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะยังเคลื่อนไหวในด้านลบเป็นหลัก แต่ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงตลาดไว้ได้บ้าง ทำให้ยังมีลักษณะของการแกว่งทรงตัวได้อยู่ แต่บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ยังไม่สดใส หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ยังปรับตัวลงแรง จากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ประกาศช่วงนี้ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง ดังนั้นยังต้องระวังการแกว่งตัวลงด้านลบของ SET อยู่เช่นเดิม อย่างไรก็ตาม FSS ยังคาดว่า SET อยู่ในช่วงปรับตัวลงเพื่อสร้างฐานสำหรับการขยับขึ้นรอบใหม่ได้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาตลาดก็ตอบรับข่าวลบเกี่ยวกับโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐไปพอควรแล้วด้วย ทำให้เราคาดว่ากรอบปรับพักของ SET จะค่อยๆ จำกัดมากขึ้น และมีลุ้นแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยหนุนให้ตลาดพลิกกลับไปแกว่งบวกได้ในช่วงต่อไปได้ตามคาดเดิม ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เน้นถือหุ้นเพื่อรอขายช่วงบวกต่อไปก่อน ซึ่งเรายังคาดว่าโอกาสที่ SET จะพลิกกลับไปแกว่งบวกขึ้นหาระดับดัชนีเป้าหมายตามพื้นฐานของปีนี้ที่เราประเมินไว้แถว 1450 จุดหรือใกล้เคียงได้ในช่วงถัดไปนั้นยังเป็นไปได้
แนวรับ 1381-1379 , 1376-1372 จุด
แนวต้าน 1387-1390 , 1394-1400 จุด
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$641ล้าน และไหลออกจากทุกประเทศนำโดยไต้หวัน US$359.4ล้าน และเกาหลีใต้ US$178ล้าน ตามด้วยไทย US$68.9ล้าน กระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค นักลงทุนปรับโหมดการลงทุนเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยกังวลต่อการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ผลกระทบจากกรณีฝรั่งเศสน่าจะจำกัด แต่ยืดการพักฐานให้นานออกไป จากเหตุการณ์ในอดีต เราพบว่าเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในยุโรปไม่ค่อยมีผลมากนักต่อ SET โดยเหตุระเบิดที่สถานีรถฟที่สเปน 11 มี.ค. 2004 SET 2% หรือ -21 จุด และเหตุระเบิดที่รถไฟใต้ดินที่ลอนดอน SET กลับ +5 จุด แต่เหตุ 9-11 ที่สหรัฐ กระทบต่อ SET มากและยาวนาน โดยปรับลงไป 22 จุดหรือ 6.7% และปรับลงไปทำจุดต่ำสุดภายใน 2 วันถัดมา หลังจากนั้นปรับขึ้นอย่างช้าๆ ใช้เวลา 4 เดือนจึงกลับมาอยู่ที่เดิม
(0) ติดตาม GDP 3Q15 ของไทยเช้านี้ เราคาด +2.7% Y-Y และสัปดาห์นี้ยังมี Fed minutes ของการประชุมเมื่อ 27-28 ต.ค.
(0) แม้กำไรจะค่อนข้างแย่ใน 3Q15 แต่ตลาดมองข้ามไปแล้ว ผลประกอบการของหุ้นใน FSS Coverage ออกมาเกือบครบแล้ว กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ถูกกดดันด้วย Stock loss ของกลุ่มพลังงาน และผลขาดทุนหนักของ THAI ทำให้ลดลงถึง 85% Q-Q และ 84% Y-Y ส่วนกำไรปกติ -41% Q-Q, -35% Y-Y นอกจากเป็น Low season ของหลายธุรกิจ ยังถูกกระทบจากกำลังซื้อที่อ่อนแอและความล่าช้าของโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ กลุ่มที่กำไรดีขึ้นได้แก่กลุ่มไฟแนนซ์ โรงแรม ยานยนต์ และอิเล็คทรอนิคส์ เราเชื่อว่าตลาดมองข้ามผลประกอบการปีนี้ไปแล้ว จุดสนใจอยู่ที่การลงทุนของภาครัฐที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีหน้า ซึ่งหวังว่าจะเห็นความชัดเจนตั้งแต่ 2Q16 เป็นต้นไป
(+) GUNKUL ถ้าไม่รวมขาดทุน FX กำไรปกติดีมากตามคาด +97% Q-Q, 119% Y-Y จากรายได้ที่เพิ่มแรงทั้งจากการขายอุปกรณ์ไฟฟ้าและงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ค้างท่อ เราคาดกำไรปกติปีนี้ +38% Y-Y และปี 2016 +44% Y-Y จากรายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้า IAE 58MW และโครงการลม WED เฟสแรก 10MW เริ่มปลาย 1Q16 และเฟส 2 50MW กลาง 2Q16 ราคาหุ้นใกล้เป้าหมายปีหน้าที่ 26 บาทแล้วแต่มีลุ้นได้งานโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ ที่จะรู้ผล 24 ธ.ค. นี้ ลดคำแนะนำเป็นซื้อเก็งกำไร จากเดิมซื้อ
(0) BDMS หากไม่รวมการปรับมูลค่าเงินลงทุนของบริษัทย่อย กำไรปกติทำได้เพียง 1,879 ล้านบาท +26% Q-Q, +2% Y-Y ตรงตามคาดซึ่งเป็นผลประกอบการที่ไม่ดีนักเพราะถูกกดดันจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดโรงพยาบาลใหม่ในช่วงที่ผ่านมา เรายังคงราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 21 บาท (DCF) ยังแนะนำเพียงถือ
(+) EPCO กำไรสุทธิลดลง 33% Q-Q เพราะเป็น Low season ของทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และโรงพิมพ์ แต่เพิ่ม 61% Y-Y เพราะปีที่แล้วยังไม่มีโซลาร์รูฟ 1.078MW เรายังคงคาดกำไรสุทธิปีนี้โตเพียง 8% Y-Y แต่เชื่อว่าปี 2016 จะโต 17% Y-Y จากการ COD โรงไฟฟ้าในญีปุ่น 3 โรงรวม 5.336MW ใน 3Q16 ขณะที่ปี 2017 จะโตก้าวกระโดด 35% Y-Y จากการ COD เพิ่มอีก 20MW และโตต่ออีก 33% Y-Y ในปี 2018 จากการ COD ส่วนที่เหลือ 23MW แม้ระยะสั้นยังไม่มีปัจจัยหนุนแต่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนสัญญาโรงไฟฟ้าใหม่ เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 7.75 บาท
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังปิดปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังออกมาน่าผิดหวัง โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 202.83 จุดหรือคิดเป็น 1.16%
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปก็ปิดปรับตัวลงเช่นกัน จากการรายงานอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัวในไตรมาส 3 โดยสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท)
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดเป็นลบในระดับเกือบ 1% เป็นส่วนใหญ่
(0) ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าเล็กน้อย หลังแกว่งทรงตัวออกข้างมาพักใหญ่ โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.87-36.01 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 40.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.01 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่อง จากความวิตกกังวลที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจจะสูงกว่าอุปสงค์
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,080.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลงอีก 0.1 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังกดดันมากกว่า แม้ว่าข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐจะออกมาต่ำเกินคาดก็ตาม
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
16-พ.ย. - ไทย: 3Q15 GDP, WHABT เริ่มเทรด (ราคา IPO 10 บาท), ครบกำหนดส่งงบการเงิน 3Q15 ของบริษัทจดทะเบียน
- ญี่ปุ่น: 3Q15 GDP
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ต.ค.)
17-พ.ย. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
18-19 พ.ย. - ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการ
18-พ.ย. - ไทย: TNP เริ่มเทรด (ราคา IPO 1.75 บาท)
- สงิคโปร์: 3Q15 GDP
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ต.ค.)
19-พ.ย. - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- สหรัฐ: Fed Minutes from 27-28 FOMC meeting
20 พ.ย. - ไทย: ยอดขายรถ (ต.ค.)
23-พ.ย. - ไทย: ดุลการค้า (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (พ.ย.)
24-พ.ย. - สหรัฐ: 3Q15 GDP, ดัชนีราคาบ้าน S&P/CaseShiller (ก.ย.)
25 พ.ย. - อินเดีย: ตลาดหุ้นปิดทำการ