- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 13 November 2015 17:55
- Hits: 3776
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"เลือกซื้ออ่อนตัวเพื่อเล่นเด้ง/ลงทุน"
Stock Picks-Nov 2015 : Fundamental : CENTEL, CPN, STEC, SAMART, TCAP และ Dark Horse เป็น PREB, SC
Fundamental Pick -Today: MTLS
(ดูรายละเอียดเพิ่มในหน้า 2)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, AP, QH, SPALI, SNC, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : BDMS 17%, AOT 14%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ แต่มีลุ้นรีบาวด์หลังลงแรง
Support Resistance Stop Loss
SET 1360-1350 1390-1410 ค่าลบ
SET50 870-860 900-910 ค่าลบ
Technical Picks- Today : EPG, CPN, MTLS, DEMCO, FSMART, CPALL, MINT
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BH (จากขายเป็นถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปิดลดลง 5.86 จุดที่ 1384.29 โดยตลาดยังถูกกดดันจากการลดลงของหุ้นในกลุ่มสื่อสารเพราะราคาประมูลใบอนุญาต 4G คลื่น 1800 MHz สูงเกินคาด จึงมองว่าธุรกิจจะสร้างกำไรให้กับผู้ประกอบการได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า นักวิเคราะห์ DBS Vickers ปรับลดราคาเป้าหมาย ADVANC ลง 6 บาทเป็น 224 บาท (แนะนำถือ) สะท้อนต้นทุนใบอนุญาต 4G ที่สูงกว่าคาด และ Market NAV ของ INTUCH จะลดลงเป็น 83 บาท ซึ่งยังมี Upside 20% จากราคาปิด 69 บาทและคาดว่าจะยังคงให้ Dividend Yield ปี 59-60 ในช่วง 5.5-6.0% ต่อปีได้อยู่ คงคำแนะนำซื้อ INTUCH
สำหรับแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์เมื่อวานนี้ น่าจะเป็นลักษณะของการ Cover Short ด้านกลุ่มพลังงาน ระยะสั้นยังมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงต่อเนื่อง เพราะวิตกอุปทานน้ำมันดิบสูง (ล่าสุดสหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ออกมาสูงเกินคาดอีก
โดยรวมแล้ว ภาพใหญ่ของตลาดยังไม่ดีและมีโอกาสแกว่งลงต่อในระยะสั้นมาก เพราะวิตกการไหลออกของเงินจากตลาดหุ้นเกิดใหม่หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น MTLS
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกหรือที่แนวรับ 1360-1350 จุด แนวต้านระยะสั้น 1390-1400 จุด สำหรับหุ้นที่ทำการ SCAN มาพบว่าหุ้นที่มีโอกาสทำ New High และน่าสนใจคือ MTLS, FSMART, MAJOR หุ้นที่หลุด LIST คือ GUNKUL, MSC, EE ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน LIST และให้หาโอกาสขายทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้นต่อ คือ EPG, MINT
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
/- สหรัฐ : ประธานเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณเพิ่มเติมในถ้อยแถลงเมื่อคืนนี้...แต่ตลาดมองว่ามีโอกาสสูงที่เฟดจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยเดือนธ.ค. นางเจเน็ต เยลเลนประธานเฟดเมื่อคืนนี้มีถ้อยแถลงออกมาว่า เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางที่จะประเมินว่านโยบายการเงินควรมีการดำเนินการอย่างไร และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างอย่างไร ท่ามกลางวิกฤตการณ์ในตลาดการเงินโลก แต่นางเยลเลนไม่ได้กล่าวถึงแนวโน้มในระยะใกล้ของเศรษฐกิจสหรัฐแต่อย่างใด
/- สหรัฐ : นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์เป็นอีกคนที่กล่าวหนุนเฟดให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือนธ.ค.นี้ โดยนายเจมส์มองว่าอัตราว่างงานของสหรัฐที่ 5% ในขณะนี้ ใกล้เคียงกับอัตราการว่างงานระยะยาวที่เฟดประเมินไว้ที่ 4.9% แล้ว และเฟดควรจะกลับไปสู่นโยบายดุลยภาพที่เฟดใช้ในระหว่างปี 1984-2007 ซึ่งเป็นนโยบายการเงินที่ดี และช่วยหนุนให้มีการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว
IMF เตือนว่าถ้าสหรัฐรีบปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจเป็นลบต่อเศรษฐกิจโลกและตัวสหรัฐเอง โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุในรายงานเตรียมประชุมกลุ่ม G-20 ที่ตุรกีว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ควรรอต่อไปเพื่อให้เห็นสัญญาณที่ชัดเจนของเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้ IMF มองว่าการที่ประเทศพัฒนาแล้วผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วจะเป็นความเสี่ยงที่จะกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงท่ามกลางการสิ้นสุดวงจรเฟื่องฟูของสินค้าโภคภัณฑ์
- ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่ง 1.4% ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 254.15 จุด เพราะได้รับแรงกดดันหลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ที่ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน & กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ก็ฉุดตลาดลงด้วย
- ราคาน้ำมันดิบลดลงต่อ...สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐออกมาสูงกว่าคาด โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 41.75 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญา BRENT ลดลง 1.75 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 44.06 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจาก EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 พ.ย. พุ่งขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรลสู่ 482.7 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบธ.ค.ร่วงลง 3.9 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,081.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นไปตามกระแสคาดการณ์ว่าเฟดมีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC วันที่ 15-16 ธ.ค.นี้
MSCI Semi-annual Rebalancing ประจำรอบพ.ย.58 ไม่มีการปรับน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยใน Global Standard Index และ Micro Cap Index ส่วนใน Small Cap Index มีหุ้นเข้า 5 ตัว คือ GPSC, IMPACT, PLAT, TIPCO, VNG และออก 8 ตัว คือ DSGT, LOXLEY, MBK, MONO, NOK, PCSGH, PTL, SIM
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
/- กลุ่มสื่อสาร : ประมูล 4G คลื่น 1800 MHz สิ้นสุดแล้ว โดยค่าย TRUE ชนะการประมูลชุดที่ 1 ที่ราคา 39,792 ล้านบาท และค่าย ADVANC ชนะชุดที่ 2 ราคา 40,986 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้ง 2 ใบอนุญาตอยู่สูงถึง 80,778 ล้านบาท (มากกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ) โดยใบอนุญาตมีอายุ 18 ปี สำหรับ JAS และ DTAC ประมูลสู้ราคาสุดท้ายที่ 38,996 ล้านบาท และ 17,504 ล้านบาท จึงไม่ได้ใบอนุญาตไป หลังจากนี้กทค.จะประชุมในวันที่ 17 พ.ย.เพื่อรับรองผลประมูลอย่างเป็นทางการและให้ผู้ชนะประมูลชำระเงิน 50% ภายใน 90 วันหลังรับรองผล
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : ผลจากราคาใบอนุญาตสูงเกินคาดดังข้างต้น ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้น ADVANC และ TRUE ออกมาในช่วง 2 วันที่ผ่านมาเพราะมองว่าต้นทุนค่าใบอนุญาตที่สูงทำให้กำไรจาก 4G จะน้อยลง และนักวิเคราะห์ DBS ปรับลดราคาพื้นฐานของ ADVANC ลง 6 บาท เป็น 224 บาท/หุ้น และให้คำแนะนำถือ ส่วน TRUE เรายังไม่ได้วิเคราะห์ในทางปัจจัยพื้นฐานจึงเป็น Not Rated
ทางด้าน INTUCH ณ ระดับราคาปิดของ ADVANC ที่ 211 บาทและ THCOM 29.50 บาท พบว่า INTUCH จะมี Market NAV เท่ากับ 83 บาท /หุ้น ส่วน NAV ของ INTUCH ที่คำนวณจากราคาตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้น ADVANC และ THCOM พบว่ามี Target NAV อยู่ที่ 90 บาท/หุ้น โดยประเมิน Dividend Yield ของ INTUCH ไว้ที่ 5.5-6.0% ต่อปี ณ ราคาหุ้น INTUCH ปัจจุบันที่ 69 บาท จึงยังคงคำแนะนำซื้อ
INTUCH : Market & Target NAV
Close Price Target Price
(Bt) (Bt)
ADVANC 211.00 224.00
THCOM 29.50 40.00
INTUCH - Market NAV 83.33
INTUCH - Target NAV 89.67
Source : DBS Vickers
+ MTLS (ราคาปิด 19.50 บาท) : กำไรสุทธิ 3Q58 เติบโตแกร่ง 58%YoY และ 20%QoQ เป็น 220 ล้านบาท ดีกว่าที่เราคาดไว้ 7% โดยมากจากการขยายตัวของสินเชื่อและการเพิ่มขึ้นของ Spread ดีกว่าที่ประมาณการไว้ ทั้งนี้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 17%QoQ และ 47%YTD โดยพอร์ตมีขนาดเกินกว่า 1 หมื่นล้านบาทไปแล้ว และ Spread เพิ่มเป็น 18.9% จาก 17.4% ใน 2Q58 แนวโน้มยังไปได้ดีและเติบโตแข็งแกร่งต่อ คาดว่าใน 4Q58 บริษัทจะสามารถทำกำไรเป็นสถิติใหม่ได้อีกครั้ง ฝ่ายวิจัยฯ DBS Vickers แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 27 บาท อิงกับ Gordon Growth Model ที่มี ROE 20% LT-Growth 20% และ Cost of Equity 11%)
ในเชิงกลยุทธ์ เรามองว่า MTLS เป็นหุ้นเติบโตที่น่าสนใจหนึ่ง เพราะมีแผนธุรกิจที่ช่วยหนุนการขยายตัวในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าที่ชัดเจน รวมทั้งบริษัทมีฐานะการเงินดี หนี้สินต่ำ ซึ่งเปิดโอกาสให้เติบโตได้อีก รวมทั้งยังช่วยให้ ROE ของบริษัทจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง แม้ว่า Valuation ของหุ้นจะดูสูง แต่การเติบโตที่ก้าวกระโดดจะทำให้ความแพงของหุ้นลดลงได้อย่างรวดเร็วในปี 59-60
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected] และ Thailand Research Team