- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 11 November 2015 18:00
- Hits: 1010
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
สวนกระแส
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ สวนทางตลาดหุ้นในภูมิภาค ด้วยปัจจัยบวกภายในประเทศน่าจะมีน้ำหนักเหนือแรงกดดันภายนอกประเทศได้ การประมูล 4G วันนี้ แผนขยายพื้นที่อุตสาหกรรมมาบตาพุด ตลอดจนจำนวนนักท่องเที่ยวอันแข็งแกร่ง หนุนตลาดหุ้นไทย ปัจจัยภายนอกที่กดตลาดยังคงเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยของ Fed และจับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีนหลายตัวที่จะออกมาวันนี้ ในภาวะที่ความวิตกการชะลอตัวในเศรษฐกิจจีนยังคงอยู่
หุ้นเด่นวันนี้ : MTLS (ราคาปิด 19.50 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 25.50 บาท)
บมจ. เมืองไทย ลิสซิ่ง เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ เนื่องจากบริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่งเพราะความต้องการสูงของการใช้เงินด่วน บริษัทมีการขยายสาขาในเชิงรุก โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนสาขาจาก 715 สาขาในไตรมาส 2/58 เป็น 850 สาขาภายในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทยังมองที่จะเพิ่มอีก 300 สาขาในปี 2559 และ 2560 เพื่อที่จะจับตลาดนอกระบบที่ไม่สามารถเข้าถึงธนาคาร อีกทั้ง บริษัทยังได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น สินเชื่อสำหรับกรรมสิทธิ์ และได้เริ่มกิจการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ซึ่งตั้งเป้ายอดสินเชื่อใหม่ที่ 10 ล้านบาทต่อเดือนจากลูกค้าในปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งหมดกว่า 700,000 ราย บริษัทคาดว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อจะพุ่งขึ้นสู่ 45-50% YoY อานิสงค์จากช่วง high season ในไตรมาส 4/58 และการเจาะตลาดในภาคอีสานและภาคใต้ ในส่วนของคุณภาพสินทรัพย์ บริษัทยังคงรักษามาตรฐานการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง ซึ่งในไตรมาส 2/58 บริษัทมี NPL อยู่ในระดับต่ำที่ 1.1% ของยอดสินเชื่อในไตรมาส 2/58 เราคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิจะกระโดดถึง 65.4% ในปีนี้ ก่อนที่จะปรับตัวลดระดับแต่ยังอยู่ในระดับสูงที่ 35.4% ในปี 2559 Price Pattern ของ MTLS คาดว่ากำลังกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างชัดเจน โดย Price Pattern ของ MTLS ได้เกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal แล้ว และหาก Price Pattern ของ MTLS สามารถปิดตลาดรายเดือนในเดือนพ.ย.ได้เหนือ 19.20 บาท ก็จะทำให้ Price Pattern ของ MTLS กลับมาเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ ซึ่งคาดว่า Price Pattern ของ MTLS จะกลับมาเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ในการปิดตลาดของเดือนพ.ย. ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ MTLS นั้นได้บ่งบอกว่าจะเกิดการทำ New High ครั้งใหม่ โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 20.20 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 21.50 บาท นอกจากนี้ MTLS คาดว่าจะสามารถเข้าไป List อยู่ใน SET100 ได้ในรอบหน้าอีกด้วย (Resistance: 19.70, 19.90, 20.20; Support: 19.30, 19.00, 18.80)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ประมูล 4 จีวันนี้ การประมูลใบอนุญาต 4 จี ครั้งแรกในประเทศไทยจะเกิดขึ้นวันนี้ โดยมีผู้เข้าร่วม 4 ราย ได้แก่ ADVANC DTAC TRUE และ JAS ชิง 2 ใบอนุญาตบนคลื่น 1800 เมกะเฮิร์ตซ์ โดย กสทช. จะจัดสรรให้เพียง 2 บริษัทเท่านั้น (Bangkok Post)
คงเพดานภาษีบุคคลธรรมดา คณะรัฐมนตรีวานนี้เห็นชอบที่จะจัดเก็บภาษีบุคคลธรรมดาสูงสุดไม่เกิน 35% สำหรับปี 59 แต่จะปรับลดลงในปี 60 เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน (The Nation)
ขยายพื้นที่มาบตาพุด คณะรัฐมนตรีวานนี้ได้อนุมัติการแก้ไขกฎหมายผังเมืองให้สามารถเพิ่มพื้นที่การลงทุนในเขตมาบตาพุดจาก 25,000 เป็น 35,000 ไร่เพื่อให้เอื้ออำนวยต่อการขยายโรงงานในบริเวณดังกล่าว (The Nation)
จำนวนนักท่องเที่ยวแข็งแกร่ง ในช่วงสิบเดือนแรกของปี 58 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นถึง 25% YoY ตามข้อมูลของ รมว. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รัฐบาลคาดว่าทั้งปีจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 29.5 ล้านคนโดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศจีน (Bangkok Post)
ADVANC (229 บาท, ราคาเป้าหมาย AWS 271 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/58 อยู่ที่ 8.6 พัน ลบ. หดตัวลง 13% QoQ และ 4% YoY (SET) ความเห็น: การหดตัวลงของกำไรสุทธิมีสาเหตุมาจากการผลของฤดูกาล อัตรากำไรจากการขายเครื่องมือถือที่เริ่มเป็นลบเพื่อผลักดันการใช้มือถือ 3G/4G รวมไปถึงเศรษฐกิจที่ยังชะลอ ทั้งนี้ผลประกอบการสอดคล้องกับที่เราคาดหมาย
BANPU (20.60 บ) รายงานผลขาดทุนสุทธิในงวด 3Q58 อยู่ที่ 72 ลบ. ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากงวด 2Q58 ก่อนหน้าซึ่งขาดทุนสุทธิ 54 ลบ. และพลิกจากผลกำไรสุทธิ 135 ลบ. ในช่วง 3Q57 (SET) ความเห็น: ผลขาดทุนสุทธิที่ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด โดยประมาณการเฉลี่ยของตลาด (รวบรวมโดย Bloomberg) ประเมินไว้ว่าจะมีกำไรสุทธิที่ 43 ลบ. ถึงแม้ธุรกิจถ่านหินจะเห็นการฟื้นตัวดีขึ้นจากกลยุทธ์การลดต้นทุนของบริษัทฯ ประกอบกับปริมาณขายที่สูงขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ผลการดำเนินงานถูกกดดันจากธุรกิจโรงไฟฟ้าหลังจากที่ทั้งโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสายังไม่สามารถเดินเครื่องได้อย่างเต็มที่ รวมถึงรับรู้ขาดทุนอัตราแลกปลี่ยนในโครงการโรงไฟฟ้าหงสา
FPI (5.00 บาท, ราคาเป้าหมาย AWS 6.10 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/58 อยู่ที่ 55 ลบ. ปรับขึ้น 1% QoQ และ 27% YoY (SET) ความเห็น: ผลประกอบการสอดคล้องกับที่เราคาดหมายที่ 57 ลบ. เราเห็นว่าแนวโน้มน่าจะดีขึ้นในอนาคต
THCOM (28.75 บาท, ราคาเป้าหมาย AWS 58 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/58 อยู่ที่ 265 ลบ. หดตัวลง 54% QoQ และ 5% YoY (SET) ความเห็น: กำไรสุทธิที่ออกมาต่ำกว่าที่เราคาด 13% เนื่องจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทอ่อนค่าทำให้มูลค่าของหนี้สินมากขึ้น อย่างไรก็ดีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติยังเติบโตได้สองหลักคือ 24% QoQ และ 34% YoY.
TOP (55.25 บ) รายงานผลขาดทุนสุทธิในงวด 3Q58 อยู่ที่ 2.3 พันลบ. พลิกจากผลกำไรสุทธิในงวด 2Q58 ก่อนหน้าที่ 6.2 พันลบ. และขาดทุนสุทธิในงวด 3Q57 ที่ 2.2 พันลบ. (SET) ความเห็น: ผลขาดทุนสุทธิที่ออกมาสอดคล้องกับประมาณการเฉลี่ยของตลาด (รวบรวมโดย Bloomberg) ที่ขาดทุนสุทธิ 2.4 พันลบ. การหดตัวลงแรงของผลประกอบการมีสาเหตุมาจากการบันทึกขาดทุนสต็อกน้ำมันและค่าการกลั่นตลาดที่อ่อนตัวลง ประกอบกับบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหลังจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมีนัยฯ เทียบดอลลาร์ฯ ในช่วงไตรมาส
ต่างประเทศ :
นักลงทุนกำลังรอข้อมูลอีกชุดหนึ่งจากจีนในวันนี้ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งกดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดจะหวั่นไหวหากมีแนวโน้มว่าตัวเลขค้าปลีกของจีน การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในระดับชุมชนจะออกมาเป็นที่น่าผิดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขที่น่าผิดหวังเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการค้า (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อวันอังคาร บนความคาดหวังมากขึ้นว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเทียบกับเงินยูโร เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์สหรัฐแตะระดับ 123.15 เยน เกือบถึงระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งที่ 123.60 เยนเมื่อวันจันทร์ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับเงินสกุลหลักอื่น ๆ ในตะกร้าเงินแตะระดับสูงสุดนับแต่เดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.4% อยู่ที่ 99.371 จุด ดัชนีดังกล่าวล่าสุดปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% (Reuters)
ราคาพันธบัตรสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานลดลงจากระดับสูงสุดในช่วง 3 เดือนเนื่องจากนักลงทุนมีความต้องการที่จะหากำไรหลังจากการเทขายจากความกังวลว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 6/32 และให้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 2.320% ลดลง 0.02% จากเมื่อวันจันทร์ พันธบัตรดังกล่าวให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 2.377% เมื่อวันจันทร์ สูงสุดในระหว่างวันนับแต่วันที่ 21 ก.ค. (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีหุ้นในตลาดวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร จากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกมีน้ำหนักต่ออารมณ์ตลาดและนักลงทุนกำลังรอความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หุ้นในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและบันเทิง (consumer discretionary) รวมทั้ง Amazon.com ได้ดันดัชนี S&P500 ให้เพิ่มขึ้นถึงแม้ว่าราคาหุ้นแอปเปิลที่ลดลงจะจำกัดการขึ้นของดัชนีก็ตาม (Reuters)
วันนี้ไม่มีข้อมูลสำคัญประกาศจากทางสหรัฐ เนื่องจากเป็นวันทหารผ่านศึกซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐหยุดทำการ (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปขยับขึ้นในวันอังคาร ท่ามกลางความผันผวนของตลาด หุ้นขึ้นหนุนโดยค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์ แต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงถ่วงหุ้นในกลุ่มนี้ และความไม่แน่นอนทางการเมืองในโปรตุเกสกดตลาด (Reuters)
ความไม่แน่นอนทางการเมืองในโปรตุเกส พรรคการเมืองฝ่ายซ้ายของโปรตุเกสกำลังกดดันให้รัฐบาลที่มีพรรคการเมืองกลางค่อนไปทางขวาลาออกไป แม้จะเกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองขึ้น แต่ไม่น่าเกิดวิกฤตเพราะกระบวนการทั้งหมดยังอยู่ภายใต้กฎหมายและรัฐสภายังทำหน้าที่เป็นปกติโดยยังคงยึดถือสนธิสัญญากับต่างประเทศรวมทั้งข้อตกลงรับความช่วยเหลือต่างๆ โดยเฉพาะการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ (Reuters)
เอเชีย :
ภาวะเงินฝืดในจีนยังคงกดดันในเดือน ต.ค. กระตุ้นความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมภายในสิ้นปีนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยังต่ำกว่าการคาดการณ์โดยเพิ่มขึ้น 1.3% YoY ต่ำกว่าเดือน ก.ย.ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.6% และนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ที่ 1.5% ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 5.9% YoY ในเดือน ต.ค. เท่ากับที่ปรับตัวลดลงในเดือน ก.ย.แต่แย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 5.8% เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายเดือน ดัชนีราคาผู้บริโภคลดลง 0.3% MoM เทียบกับการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือน ก.ย. (Reuters)
ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการผลิตญี่ปุ่นลดลงในเดือน พ.ย. โดยลดลงติดต่อกันสามเดือนสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองปีครึ่ง จากผลการสำรวจของรอยเตอร์ที่ออกมาในวันพุธสะท้อนความกลัวที่มีต่อจีนจะส่งผลต่อการชลอตัวของอุปสงค์ในต่างประเทศซึ่งจะกดดันเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอย (Reuters)
ดัชนีสะท้อนภาคบริการของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 48.2 ในเดือน ต.ค. จาก 47.5 ในเดือน ก.ย. จากผลสำรวจของสำนักคณะรํฐมนตรีที่รายงานเมื่อวันอังคาร ดัชนีดังกล่าวสะท้อนระดับความเชื่อมั่นต่อเงื่อนไขในอนาคตว่าตัวเลขจริงจะอยู่ที่ 49.1 ในเดือน ต.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดือนก่อน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาทองปรับลงจากแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย ทองคำตลาดจรลดลง 2.2 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,089.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ 1,084.90 ดอลลาร์ ณ วันที่ 6 พ.ย. เป็นเพราะค่าดอลลาร์กลับมาแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือน จากการคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย (Reuters)
ผ่อนคลายกังวลอุปทานน้ำมัน IEA รายงานว่าการลงทุนในน้ำมันอาจลดลง 20% ในปีนี้และมีแนวโน้มดำเนินต่อไปในปี 59 ขณะเดียวกัน IEA ก็ยังกล่าวว่าน้ำมันมีโอกาสน้อยมากที่จะทะลุ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงทศวรรษนี้ ทำให้ NYMEX ขึ้นเล็กน้อย 34 เซนต์ ปิดที่ 44.21 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ Brent ปรับขึ้น 25 เซนต์ ปิดที่ 47.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094