- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 09 November 2015 17:58
- Hits: 1125
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มลงทดสอบ 1400 และ 1380
SET Index: 1408.67 ปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1404 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายไม่สูงมาก หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงในระยะยาวที่ 1420 จุด ทำให้แนวโน้มการเคลื่อนไหวของ SET Index ยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับที่ 1400 และ 1380 จุด และมีแนวต้านสำคัญที่ 1420 จุด ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณซื้อทางเทคนิค และมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1450-1460 จุด
แนวต้าน : 1410 และ 1414
แนวรับ : 1404 และ 1400
JAS = 5.90 / 6.00, GL = 19.00 / 19.80, PTT = 288 / 290, ADVANC = 228 / 230, ITD = 7.60 / 7.90
General Environmental (GENCO TB; THB 1.91) – ซื้อ
แนวต้าน : 1.98 และ 2.14
แนวรับ : 1.91 และ 1.90
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคทางต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเหนือจุดต่ำสุดเดิม ในขณะที่โครงสร้างในระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้ม RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ GENCO โดยมีแนวรับที่ 1.91 และ 1.90 และมีแนวต้านที่ 1.98 และ 2.14 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.85 ลงไป
Communication and System Solution (CSS TB; THB 5.55) – ซื้อ
แนวต้าน : 5.80 และ 6.00
แนวรับ : 5.55 และ 5.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะสั้น หลังจากเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นไปได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ CSS โดยมีแนวรับที่ 5.55 และ 5.50 และมีแนวต้านที่ 5.80 และ 6.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.30 ลงไป
SET50 Index Futures
S50Z15 ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงไปทดสอบแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ย 200 ชั่วโมงที่ 900 แต่เมื่อพิจารณาเครื่องมือทางเทคนิคที่เกิดสัญญาณในเชิงลบ จึงทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับถัดไปที่ 890 และ 880 ตามกรอบแนวโน้มขาลง และมีแนวรับสำคัญที่ 870
แนวต้าน : 902 และ 904
แนวรับ : 898 และ 895
คำแนะนำ: เราแนะนำให้เน้นการ Open Short ใน S50Z15 ที่แนวต้าน 902-904 และมีแนวรับที่ 890 เป็นจังหวะขายทำกำไรสถานะ Short
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า S50Z15 ปรับเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 910 กลับขึ้นไป
ITDZ15
เคลื่อนไหวในกรอบแคบหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเมื่อวันก่อน แต่เมื่อพิจารณาแรงขายหลังจากหลุดแนวรับสำคัญของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 8.10 ลงไป ทำให้การฟื้นตัวในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 7.50 และ 7.30 ตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น
แนวต้าน : 7.90 และ 7.95
แนวรับ : 7.70 และ 7.60
คำแนะนำ: เราแนะนำให้เน้นการ Open Short ใน ITDZ15 ต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านที่ 7.90-7.95 และมีแนวรับที่ 7.50 และ 7.30 เป็นจังหวะขายทำกำไร
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า ITDZ15 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 8.10 กลับขึ้นไป
TPIPLZ15
ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 2.50 ลงไป ทำให้โครงสร้างในระยะยาวมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงตามกรอบแนวโน้มขาลง โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 2.64-2.70 และมีแนวรับที่ 2.00 เป็นเป้าหมายในกาปรับตัวลดลง
แนวต้าน : 2.44 และ 2.48
แนวรับ : 2.36 และ 2.30
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน TPIPLZ15 ที่แนวต้าน 2.44-2.48 เนื่องจากทิศทางหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบ 2.36 และ 2.20
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า TPIPLZ15 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 2.54 กลับขึ้นไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ระมัดระวังแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศหลังเงินบาทกลับมาอ่อนค่า
เมื่อวันศุกร์กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 จาก 5.1% ในเดือนก.ย. ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.0%
เมื่อตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานประจำเดือน ต.ค. ออกมาดีกว่าคาด ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นรับข่าว แต่คงไม่นาน เนื่องจากตลาดคาดว่าหากตัวเลขออกมาแข็งแกร่งขนาดนี้ มีความเป็นไปได้ที่ทาง FED อาจพิจารณาการปรับขึ้นดอกเบี้ยในลักษณะที่ติดต่อกันเหมือนอย่างที่เคยเกิด หากเป็นอย่างนี้ก็จะส่งผลให้เกิดแรงกดหุ้นในตลาดหุ้นทั่วโลก แต่จะแรงหรือไม่? ยังต้องดูปฎิกริยาของตลาดหุ้นสหรัฐ เรามองว่าการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. น่าจะไม่ส่งผลด้านลบกับตลาดหุ้นทั่วโลกมากนัก เนื่องจากอยู่ในความคาดหมาย แต่หากเกิดขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกัน คงจะส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกโดยรวม โดยหลังจากการประชุม FOMC ในเดือน ธ.ค. ครั้งต่อไปอยู่ในเดือน ม.ค. และ มี.ค.
หากผลของตัวเลขจ้างงานของสหรัฐออกมาดีกว่าคาด แล้วส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ก็มีความเป็นไปได้ที่ในช่วงกลางถึงปลายเดือนนี้ ดัชนีหุ้นโลก (MSCI Global) จะปรับตัวลง ย้อนรอยเหมือนกับในหลายๆปีที่ผ่านมา ดูจากรูปด้านขวา
อัตราการทำกำไรของตลาดหุ้นไทยในอีก 12 เดือนข้างหน้า (EPS 12 month Forward) ตอนนี้ถือว่ายังมีอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าเพื่อนบ้าน แต่ของเราอัตราการทำกำไรถูกปรับลดลงเรื่อยๆ คือปีนี้แทบจะไม่มีการเติบโต เพราะอัตราการเติบโตลดลงมาใกล้กับช่วงการคาดการณ์เก่าในต้นปีต่างกับเพื่อนบ้านที่ค่อนข้างทรงๆหรือลดลงเล็กน้อย (ดูจากรูปด้านซ้าย)
แม้ปัจจัยหนุนภายในจะยังไม่มี แต่บรรยากาศภายนอก เริ่มยืนและคงจะผ่านจุดต่ำสุดในเดือน ส.ค.ไปแล้ว ที่เหลือตอนนี้คงต้องจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมจะยืนหรือทรงตัวได้หรือไม่ หรือมีสัญญาณว่าไม่แย่ลง ก็ถือว่าเริ่มมีสัญญาณในเชิงบวกเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเริ่มมีให้เห็นบ้างแล้ว อย่างดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ดัชนีการบริโภคและการลงทุนของเอกชน ดังนั้นประมาณปลายเดือนนี้หรืออย่างช้าเดือน ธ.ค.เป็นต้นไป ดัชนีตลาดหุ้นไทย น่าจะเริ่มยืนและผันผวนน้อยลง ส่วนจะขึ้นได้แรงหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานในประเทศ
คาดสัปดาห์นี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยรวมทั้งเอเชีย น่าจะกลับมาผันผวนอีกระลอก แต่คงไม่แรง อย่างไรก็ตามนักลงทุนจะต้องติดตามดูทิศทางค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาอ่อนค่า โดยค่าเงินบาทในวันนี้อ่อนค่าลงมาที่ระดับ 35.83 บาท/ดอลลาร์ จากระดับ 35.493 บาท/ดอลลาร์ในสัปดาห์ก่อน จากค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าขึ้นตามคาดการณ์เฟดอาจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นี้ ดังนั้นค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงคาดว่าจะส่งผลให้มีแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศมากดดันดัชนีหุ้นไทยในวันนี้ กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ ทยอยขายทำกำไร หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มธนาคาร พลังงานที่น่าจะเป็นเป้าหมายในการขายของนักลงทุนต่างประเทศ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1405-1410 และแนวต้านที่ 1420-1425 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,408.67 จุด ลดลง 5.87 จุด(-0.41%) มูลค่าการซื้อขาย 16,445.89 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับลง ตามตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่ปรับลง หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งเพิ่มน้ำหนักการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ ขณะที่ยอดส่งออกของจีนเดือนต.ค.หดตัว
PTTGC รายงานผลประกอบ Q3/15 มีกำไรสุทธิ 1,207 ล้านบาท (EPS 0.27 บาท) ลดลง 84% YoY และ 86% QoQ (น้อยกว่าที่ตลาดคาด 51%) หากไม่รวมรายการพิเศษ(ขาดทุนจากอนุพันธ์ทางการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน) บริษัทมีกำไรปกติ 3,293 ล้านบาท ลดลง 60% yoy (ดีกว่าที่ตลาดคาด 32%) 9M15 บริษัทมีกำไรสุทธิ 15,812 ล้านบาท (EPS 3.51 บาท) ลดลง 21% YoY โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย 66.78 บาท (Buy/Hold/Sell : 16/9/0)
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย แกว่งตัวกรอบแคบ เรามองว่าการอ่อนตัวลงของ SET เป็นไปตามคาด หลังนักลงทุนกลับมากังวลเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ตามเรามองว่าตลาดยังมีแรงซื้อจากเม็ดเงิน LTF หนุนอยู่ ทำให้มองว่า SET น่าจะยืนเหนือ 1400 จุดได้ โดยมองหุ้นใหญ่ในกลุ่มสื่อสาร ค้าปลีก พลังงาน ธนาคาร จะยังมีแรงซื้อหนุน ทำให้การอ่อนตัวลงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเล่นรอบ
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
General Environmental (GENCO TB; THB 1.91) - ซื้อ
Communication and System Solution (CSS TB; THB 5.55) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]