- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 November 2015 18:40
- Hits: 1542
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Consolidated (2)
วันนี้คาด ดัชนีฯ แกว่งในกรอบ แนวรับ 1,404 จุด แนวต้าน 1,417 จุด
สัปดาห์นี้ แม้ดัชนีฯจะปรับขึ้นในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ แต่ดัชนีฯยังไม่ผ่าน แนวต้านบริเวณ 1,425/1,430 จุด และหุ้นที่นำตลาดขึ้นส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลาง-เล็ก เช่น หุ้นเทคโนโลยี เช่าซื้อตัวเล็ก ส่งออก และ โรงแรมท่องเที่ยว
จากแนวโน้มตลาดที่ยังคงวนเล่นหุ้น Laggard หุ้นข่าวดีหนุน ทำให้เรามองว่าแนวโน้มสัปดาห์หน้า ดัชนีฯยังคงเปราะบางต่อข่าวลบ เช่น กลุ่มมือถือ (ยังไม่ชัวร์ว่าคลื่น 900MHz จะประมูลได้) กลุ่มรับเหมาฯ (ข่าวดีเต็มตลาด แต่หุ้นกลับไม่ขึ้น) ราคาน้ำมันดิบที่ผันผวน
คาดหุ้นจะเลือกเล่นเป็นรายตัวมากกว่า โดยเฉพาะ หุ้น Laggard ที่คาดว่าจะรายงานงบออกมามี Positive surprise กรอบสัปดาห์หน้าคาด แนวรับ 1,400 จุด (กลยุทธ์ เหมือนเดิม ถ้าหลุดให้หยุดเล่นก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์ตลาด) ส่วนแนวต้าน (เดิม) 1,430/1,440 จุด
ระยะเดือน (พย.) แนวรับสำคัญ 1,340 จุด ต้าน 1,430 จุด กลยุทธ์เราได้แนะนำให้แบ่งพอร์ตเริ่มซื้อหุ้นคืน (เลือกลงทุนเป็นรายตัว/รายกลุ่ม) 20/30% ตั้งแต่ ปลาย สค. บริเวณ 1,300 จุด และตอนนี้เราคงคำแนะนำ ใครที่ซื้อตาม พิจาณาเก็บเงินสดส่วนที่เหลือรอซื้อเพิ่มเมื่อปรับฐาน หรือ ขายเล่นสั้น แล้วซื้อเล่นใหม่
หุ้นแนะนำวันนี้ WORK (งบดี) คาดกำไร 3Q15 ที่ 110 ล้านบาท โตกระโดด +307% y-y แนวรับ 42.25 บ. ต้าน 45/46 บ. TSR Laggard play แนวรับ 6.55 ต้าน 7/7.10 บ.
BLS รายงานพื้นฐานวันนี้ +MAKRO LPN SYNEX SF AAV STANLY /-BIGC
(+) MAKRO รายงานกำไรสุทธิ 3Q15 ที่ 1.25 พันล้านบาท +15% y-y, +7% q-q กำไรดีตามที่เราและตลาดคาด กำไรรวม 9 เดือน คิดเป็น 71% ของคาดการทั้งปี เราคงคาดการกำไรทั้งปีที่ 5.55 พันล้านบาท คงแนะนำ ซื้อ TP 45 บาท
(+) LPN รายงานกำไร 1 พัน ลบ. +80% y-y, 23% q-q ดีกว่าคาด 6% และ ดีกว่าตลาดคาด 11% โดยกำไรรวม 9 เดือน คิดเป็น 85% ของคาดการทั้งปี และเราคงคาดการกำไรปี 2015 ที่ 2.5 พันลบ. คงคำแนะนำ ซื้อ TP21.5บ.
(+) SYNEX รายงานกำไรสุทธิ 3Q15 ที่ 94 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 52%YoY และ 8%QoQ) มากกว่าตลาดคาดราว 6% (ต่ำกว่าเราคาดเล็กน้อย เราคาด 105 ล้านบาท) หากไม่นับรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 26 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 67 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 21%YoY แต่ลดลง 12%QoQ) ปัจจัยหนุนจาก ยอดขายที่เติบโตได้ดีอยู่ที่ 5,892 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 16%YoY และ 15%QoQ) มากกว่าคาด 4% อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 5.1% (เพิ่มขึ้น 110bps YoY และทรงตัว QoQ) โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นสูง YoY เพราะยอดขายในส่วนงาน project นั้นให้อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่ายอดขายประเภทอื่น สำหรับค่าใช้จ่าย SG&A นั้นอยู่ที่ราว 3.7% ของรายได้รวม สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและที่เราคาดการณ์ไว้ที่ที่ราว 3.1% เพราะว่าเป็นค่าตอบแทนของผลการปฎิบัติงานที่ได้ตามเป้าหมาย (sales incentive) และเป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและการวางแผนพัฒนาบุคลากรทั้งองค์กรให้เกิดการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิผลได้ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ / เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.7 บาท
(*) กลุ่มมือถือ เราคงคาดว่าจะมีการประมูล 4G เกิดขึ้นทั้ง 2 คลื่นความถี่ 1800-900MHz ในปีนี้ และมองกรณี คลื่น 900MHz ที่ทางสหภาพ ทศท.ฟ้องระงับประมูลนั้น ไม่น่าจะกระทบต่อตารางการประมูล เพราะ 1) ผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง (อิงคดีก่อนหน้าที่ฟ้อง ศาลยกคำร้อง) 2) อิง กม.ใหม่ กสทช.มีอำนวจในการเรียกคืนคลื่น และ เปิดประมูล
(+) SF ผลประกอบการที่ยังคงแข็งแกร่งใน 3Q15 นั้น เรามองว่า SF เป็นทางเลือกที่ดีมากในการลงทุนในหุ้นกลุ่มห้าง/ค้าปลีก เพราะจากการชะลอตัวของการบริโภคนั้นส่งผลให้เกิดการความผิดหวังต่อผลประกอบการ/กำไรลดลง ในกลุ่มห้าง/ค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รายได้และกำไรของ SF สามารถยืนอยู่ในระดับสูงได้ เพราะโมเด็ลธุรกิจที่เน้นความแน่นอนของรายได้ค่าเช่า และยังมีอัพไซด์จากส่วนแบ่งรายได้ในเวลาที่เศรษฐกิจเติบโตดี ประกอบกับผลประกอบการที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า เพราะ occupancy rate กำลังจะผ่านจุดต่ำสุดไปในปีนี้ และโครงการใหม่อย่าง LPN ทาวน์ชิพ รังสิต คลอง1 มีแนวโน้มที่จะเปิดเร็วกว่าที่เราคาด หนุนให้ประมาณการกำไรมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก ดังนั้นคงคำแนะนำ "ซื้อ" TP 7.5บ
(+) AAV คาด กำไรสุทธิ 3Q15 ที่ 55 ล้านบาท พลิกมีกำไร y-y แต่ ลดลง 73% q-q ส่วนกำไรหลักไม่รวมขาดทุนอัตราแลกปลี่ยนอยู่ที่ 275 ล้านบาท คาด 4Q15 มีโอกาสกำไรจะดีกว่าคาด จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตสูงโดย 9 เดือน อยู่ที่ 10.8 ล้านคนแล้ว คาดถ้าโตในอัตรานี้คาดจะเกินเป้ารัฐฯที่ 14.5 ล้านคน และ มี Upside risk ต่อประมาณกาณณ์กำไรของเรา ราว 5-10% เราคงคำแนะนำ ซื้อ TP 6.4 บ.
(+) STANLY หลังจากประชุมผู้บริหารเมื่อวาน เรากลับมุมมองเป็นบวก โดยปรับกำไรปี FY2016-17 (งวด บัญชี เมย-มีค.) ขึ้น 8- 13% เป็น 1.1 -1.4พันล้านบาท ตามกำลังการผลิตที่คาดว่าจะดีขึ้น และ ยอดขายที่ขึ้น ตามการเปลี่ยนโมเดลรถกะบะใหม่ เราปรับเพิ่มคำแนะนำ เป็น ซื้อ (เดิมขาย) TP ใหม่ 208 บ.
(-) BIGC รายงานกำไรสุทธิ 3Q15 ที่ 1.34 พันล้านบาท -14% y-y, -32% q-q กำไรต่ำกว่าเราคาดถึง 16% เพราะอัตรากำไรขั้นต้นแย่กว่าคาด เราปรับลดคาดการณ์กำรปีนี้ลง 5% และ ราคาเป้าหมายปี 2016 ปรับลงเหลือ 210 บ. จาก 236 บ. เพราะ การขยายสาขาชะลอตัวกว่าคาด เราปรับลดคำแนะนำ ลงเป็น ถือ
หุ้นมีข่าว
(+) IFEC แนวรับ 10.30/10.40 บ. ต้าน 11.10 บาท แจ้งตลาด ขายหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาท ครบทั้งจำนวนแล้ว ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานลมปากพนัง ขายไฟ COD เร็วขึ้นเป็น 6 พย. จากกำหนดเดิม 13 พย.
(-) MINT CENTEL มัลดีฟ ประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ป้องกันการประท้วงบานปลาย /ความเห็น MINT มีสัดส่วนรายได้จากมัลดีฟ 10% ส่วน CENTEL 20% แต่รายได้โรงแรมมัลดีฟ มีสัดส่วนต่อกำไรสุทธิเพียง 10% คาดไม่มีผลกระทบต่อกำไรของทั้ง 2 บริษัทฯ เพราะ เกาะมัลดีฟ อยู่ห่างจากพื้นที่ชุมนุม และ เราแนะนำ ซื้อ MINT ราคาเป้าหมาย 38 บาท ส่วน CENTEL 44 บาท แนะ ราคาที่ลงเพราะข่าวนี้เป็นโอกาสในการซื้อเพิ่ม
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) เมื่ออังคาร US ISM ภาคบริการ (ตค.) 59.1 ดีกว่าคาดที่ 56.5 จากเดือนก่อน 56.9
(+) เมื่ออังคาร EU PMI เบื้องต้น เดือน ตค. เพิ่มขึ้นเป็น 54.1 จาก 53.7
(0) เมื่อวันพุธ กนง. คงดอกเบี้ยที่ 1.50%
(+) ศุกร์ US การจ้างงานนอกภาคเกษตร คาด +1.77 แสนราย จาก 1.42 แสนราย และ อัตราว่างงานเดือน ตค.คาด +5.1% คงที่, เยอรมนี Industrial production คาด+0.5% จาก -1.2% m-m, มาเลเซีย ส่งออก เดือน กย. คาด +3.2% จาก +4.1% (การส่งออกในตลาดภูมิภาคเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาด
ข่าวเด่นเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจอินโดนีเซียไตรมาสสามโตต่ำคาด
สำนักงานสถิติอินโดนีเซียประกาศตัวเลข จีดีพีในไตรมาสสามโต 4.73% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสสองที่โต 4.67% และต่ำกว่าคาดการณ์นักวิเคราะห์ที่ประเมินไว้ 4.8% รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังต่อสู้เพื่อจะรักษาระดับการขยายตัวเศรษฐกิจให้ได้ 5.7% สำหรับปี 2015 ท่ามกลางเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเงียบหาย ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์หดตัว และอัตราขยายตัวของการบริโภคในประเทศชะลอ (Bloomberg)
นักวิเคราะห์ประเมินธนาคารกลางจีนลดอัตราดอกเบี้ยได้อีก
นาย Danny Gabay อดีตนักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์ที่ธนาคารกลางอังกฤษ ชี้ว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) ควรลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเสี่ยงต่อภาวะการขยายตัวลดลงอย่างรวดเร็ว หรือ Hard landing โดยบริษัทที่ปรึกษา Fathom Financial Consulting ประเมินว่าตัวเลขเศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 3% ไม่ใช่ 6.9% อย่างที่ทางการจีนประกาศ โดยประเมินว่า PBOC อาจลดอัตราดอกเบี้ยจากปัจจุบันที่ 4.35% เหลือใกล้ศูนย์ รวมทั้งออกมาตรการ QE พร้อมมองว่าค่าเงินหยวนจะลดลงได้ 25% (Bloomberg)
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคพลิกดีขึ้นแล้ว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ต.ค.2558 ว่า ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 73.4 เพิ่มจาก 72.1 ในเดือน ก.ย.2558 ถือเป็นการปรับตัวดีขึ้นในรอบ 10 เดือน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 53.6 เพิ่มจาก 52.7 เพิ่มขึ้นในรอบ 10 เดือนเช่นเดียวกันและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 81.3 เพิ่มจาก 79.8 ปรับตัวดีขึ้นในรอบ 2 เดือน ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 62.2 เพิ่มจาก 61.2 (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
ฮอนด้าปรับลดเป้าแมงกะโซค์
นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในไทย เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่สดใสขณะนี้ทำให้ฮอนด้าได้ปรับลดเป้ายอดขายรถจักรยานยนต์ โดยรวมทุกยี่ห้อในปีนี้อยู่ที่ 1.66 ล้านคัน จากเดิมคาดว่าน่าจะได้ที่ 1.75 ล้านคัน ในส่วนของฮอนด้าคาดว่าปีนี้จะขายได้ 1.32 ล้านคัน จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 1.35 ล้านคัน สำหรับยอดขายรถจักรยานยนต์โดยรวมทุกยี่ห้อในช่วง 10 เดือนแรกนี้ (ม.ค.-ต.ค.) อยู่ที่ 1.4 ล้านคัน สำหรับฮอนด้า 10 เดือนแรกปีนี้ขายได้ 1.1 ล้านคัน (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
กอดกม.ลุยประมูลคลื่น 1800
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทค.) เปิดเผยหลังการหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และผู้บริหารของบริษัท กสท โทรคมนาคม ว่า กสทช.จะเดินหน้าประมูลคลื่น 1800 MHz และคลื่น 900 MHz ตามกำหนดระยะเวลาเดิม คือ วันที่ 11 พ.ย. และวันที่ 15 ธ.ค. (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
คาดหุ้นไทยได้แรงหนุนแอลทีเอฟไหลเข้าสิ้นปี
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า คาดว่าดัชนีหุ้นไทยปิดปี 2558 จะทำได้ที่ 1,500-1,540 จุด และซื้อขายไม่หลุด 1,400 จุด มีปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ที่จะเข้ามาช่วงปลายปี 2558 ขณะที่ปี 2559 ประเมินว่าหุ้นไทยจะอยู่ที่ 1,600 จุดได้ เพราะรัฐเร่งลงทุนต่อเนื่องและนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาคือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (หนังสือพิมพ์มติชน)
ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ Tel. (662) 618-1330-1
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
รายงานวันนี้
หุ้น: AAV คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 6.40
- เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย 6.40 บาท
- คาดกำไรหลักไตรมาส 3/58 แตะจุดสูงสุดใหม่ของผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3
- กำไรหลักไตรมาส 4/58 คาดว่าจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ หนุนโดยจำนวนผู้โดยสารที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
- มีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรปี 2558 หากจำนวนผู้โดยสารมากกว่าที่คาดการณ์
นักวิเคราะห์: สุพพตา ศรีสุข, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: LPN คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 21.50
- กำไรสุทธิไตรมาส 3/58 เพิ่มขึ้น 80% YoY และ 23% QoQ สูงกว่าที่เราคาดไว้ 6% และตลาด 11%
- รายได้ที่เพิ่มขึ้นและสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ลดลงหนุนกำไรในไตรมาส 3/58
- เรามองกำไรไตรมาส 4/58 ลดลง YoY และ QoQ แต่จะกลับมาดีมากในไตรมาส 1/59
- คงประมาณการกำไรเดิมไว้ เราชอบ LPN จากมีความชัดเจนรายได้ปี 2559 สูงเป็นอันดับสอบของกลุ่มม ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2559ที่ 21.5 บาท
นักวิเคราะห์: นฤมล เอกสมุทร, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: BIGC คำแนะนำ: ถือ ราคาเป้าหมาย (บาท): 210.00
- BIGC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/58 ต่ำกว่าที่เราคาด
- แนวโน้ผลประกอบการไตรมาส 4/58 ทรงตัว YoY
- เราปรับลดประมาณการปี 2558 ลง 5%
- ปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ จาก ซื้อ
นักวิเคราะห์: ไชยธร ศรีเจริญ, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: MAKRO คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 45.00
- กำไรไตรมาส 3/58 เป็นไปตามที่เราคาด
- ยอดขายของสาขาเดิมในไตรมาส 4/58 คาดเติบโตในระดับเดียวกันกับไตรมาส 3/58
- เรายังคงประมาณการปี 2558 ไม่เปลี่ยนแปลง
- เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2559 ที่ 45 บาท
นักวิเคราะห์: ไชยธร ศรีเจริญ, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: STANLY คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 208.00
- เราปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 208 บาท
- ปรับกำไรปี 2559 ขึ้น 8% และปี 2560 ขึ้น 13%
- เรายังคงใช้ประมาณการกำไรขั้นต้นเดิมที่ 16% ในปี 2559 และ 17% ในปี 2560
- STANLY ตั้งงบลงทุนเพิ่มจากปีก่อนอีก 1 พันล้านบาทเป็น 2 พันล้านบาท
นักวิเคราะห์: สุวัฒน์ บำรุงชาติอุดม, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: SYNEX คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 6.70
- กำไรสุทธิไตรมาส 3/58 อยู่ที่ 94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% YoY และ 8% QoQ สูงกว่าตลาดคาดราว 6%
- ยอดขายที่เติบโต 16%YoY และ 15% QoQ หนุนกำไรในไตรมาส 3/58
- เรามองกำไรไตรมาส 4/58 จะสามารถเติบโตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
- เรายังคงใช้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2558-59 เดิมไม่เปลี่ยนแปลง
นักวิเคราะห์: วิกิจ ถิรวรรณรัตน์, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นักวิเคราะห์: ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
กลุ่ม: เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร คำแนะนำ: เพิ่มน้ำหนักการลงทุน ราคาเป้าหมาย (บาท): -
- มั่นใจการประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิร์ตและ 900 เมกะเฮิร์ตยังคงดำเนินตามแผนในวันที่ 11 พ.ย.และ 15 ธ.ค. ตามลำดับ
- เรายังคงชื่นชอบ ADVANC จากแนวโน้มการเป็นผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ทั้ง 900 และ 1800 เมกะเฮิร์ต ตามด้วย INTUCH และ DTAC
- สหภาพแรงงานของทีโอทีเตรียมยื่นฟ้องหยุดประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตภายในสัปดาห์หน้า
- ถึงแม้ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบเพิ่มขึ้น แต่เราไม่กังวลมากนัก เนื่องจากผู้ฟ้องคือ สหภาพแรงงานซึ่งไม่ได้เป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง
นักวิเคราะห์: ประสิทธิ์ สุจิรวรกุล, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หมายเหตุ: รายงานดังกล่าวเป็นเพียงเนื้อหาโดยสรุป สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงานฉบับเต็ม
Technical Analysis
Security: WHA
Position: ซื้อ
เป้าหมาย : 3.6-3.7
Stop loss: < 3.36
Reason: ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นโดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดและกลุ่ม ปัจจุบันปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 3.42 สอดคล้องกับวอลุ่มที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 เดือน
Security: BLA
Position: ซื้อ
เป้าหมาย : 59
Stop loss: < 54.5
Reason: วอลุ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ภายหลังจากการทะลุกรอบแนวต้านสำคัญ 54 บ.คาดว่าหุ้นจะปรับตัวขึ้นแรง โดยมองแนวต้านถัดไปที่ 59
Security: SC
Position: ซื้อ
เป้าหมาย : 3.2
Stop loss: < 2.88
Reason: 2 สัปดาห์ที่ผ่ามมาราคาหุ้น ปรับตัวลงแรง เรากำลังหาจุดกลับตัวและปัจจุบันพบว่าหุ้นเริ่มมีสัญญาณฟื้นและสร้างฐานบริเวณ 2.8 สอดคล้องกับ MACD ตัดเส้น signal line ขึ้น
Security: CK
Position: ขาย
Reason: แม้ราคาหุ้นไม่ได้ปรับตัวลงแรง แต่เครื่องมือทางเทคนิคบ่งชี้ถึงความเสี่ยงหลังจากปรับลงไม่ผ่านยอดเดิม 29-30 ปัจจุบันราคาปรับตัวลงเข้าหาแนวรับ
Security: THCOM
Position: ขาย
Reason: หุ้น THCOM อยู่ในข่ายที่ต้องระวังมากขึ้นเนื่องจากโมเมนตัมลดลง ขณะที่หุ้นส่งสัญญาณอ่อนกว่าตลาด ปัจจุบันราคาหลุดแนวรับสำคัญ 30 อาจส่งผลให้หุ้นปรับตัวลงแรง
Security: DTAC
Position: ขาย
Reason: หุ้นปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นภายหลังจากวันที่เราแนะนำซื้อเมื่อ 26 ต.ค. ปัจจุบันให้ผลตอบแทนสูงกว่า 10% รวมกับปันผล อย่างไรก็ตามแนวโน้มระยะสั้นส่งสัญญาณปรับฐานจากการปิดต่ำและหลุดเส้นค่าเฉลียระยะสั้นที่ 65 บ. เราจึงเปลี่ยนคำแนะนำเป็นขายทำกำไร
ธนรัตน์ อิศรกุล Tel. (662) 618-1334
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์/ปัจจัยทางเทคนิค