- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 05 November 2015 17:41
- Hits: 1980
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -50.57, NASDAQ -2.65, S&P -7.48, FTSE +29.27, CAC +12.11 และ DAX -105.91 หลังประธานเฟด ส่งสัญญาณชัดเจนระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ วานนี้ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า (15 - 16/12/58) หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงขยายตัวในอัตราที่เพียงพอต่อการสร้างความคืบหน้าในตลาดแรงงาน และช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง อย่างไรก็ตามการปรับลดลงเป็นไปอย่างจำกัด โดยได้รับแรงหนุนจาก(1) ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐ – ต.ค. เพิ่มขึ้น 182,000 ตำแหน่ง สอดคล้องกับคาดการณ์ และ (2) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของ ISM - ต.ค. อยู่ที่ 59.1 เพิ่มขึ้นจาก 56.9 เมื่อก.ย.
…..ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกเพิ่ม หลังประธาน ECB ส่งสัญญาณชัดเจนในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เยอรมนี วานนี้ว่า ECB พร้อมที่จะใช้นโยบายสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนต่อไป โดย ECB จะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 3/12/58
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$1.58 อยู่ที่ US$46.32 ต่อบาร์เรล หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบล่าสุดของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.85 ล้านบาร์เรล (สูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่ 482.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน
.....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$7.9 อยู่ที่ US$1,106.2 ต่อออนซ์ โดยยังได้รับปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น และคาดการณ์ว่าเฟด อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นี้
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +157 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -107,785 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
(0) กนง. มีมติเอกฉันท์ (7:0) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : มีโอกาสปรับลง? ตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ ภายใต้น้ำหนักประเด็นต่างประเทศ หลังล่าสุดประธานเฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่าอาจจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมครั้งหน้า (15 – 16/12/58) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ โดยจะเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี และคาดอาจส่งผลต่อทิศทางของ Fund Flow ไหลออก โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets นอกจากนี้คาดยังมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจีนที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้า
…..ขณะที่ประเด็นในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ทั้ง + / - โดย (1) Fund Flow ล่าสุดต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 157 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทยังเริ่มมีแนวโน้มอ่อนค่า จากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด (2) การเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่างๆ ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ล่าสุด ครม.อยู่ระหว่างพิจารณาแผนลงทุนเร่งด่วนในปี 59 จำนวน 20 โครงการวงเงินลงทุนประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท และ (3) การเก็งกำไรผลประกอบการ – 3Q/58 ถึงกลางเดือนพ.ย. รวมถึงแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมัน +/-
....โดยยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 35.52 – 35.54 คาดมีโอกาสอ่อนค่าอีกครั้ง (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (MINT, CENTEL) และหุ้นกลุ่มขนส่ง (เช่น AAV, AOT) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะช่วง High season ในช่วง 4Q/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 2.23% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.97 อยู่ที่ 15.51
หุ้นแนะนำ : BCP
ประเด็นที่ต้องติดตาม (5 - 6 พ.ย.’58)
5/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ประสิทธิภาพการผลิต-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้น – 3Q/58
6/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร - ต.ค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788