- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 05 November 2015 17:34
- Hits: 1309
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index : แนวต้านสำคัญ 1425 ผ่านได้ขึ้นทดสอบ 1450
SET Index: 1424.96 เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณแนวต้านสำคัญ 1425 จุด ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นกว่า 20,000 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มของ SET Index ยังคงมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงหลังจากฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1420-1425 จุด ซึ่งเราแนะนำให้จับตาแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคาร KBANK SCB ที่แนวรับสำคัญหลังฟื้นตัวขึ้นมาได้ ถ้ามีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง จะยืนยันการทะลุผ่านแนวโน้มขาลง
แนวต้าน : 1425 และ 1430
แนวรับ : 1420 และ 1415
JAS = 5.70 / 5.80, PTT = 294 / 300, SCI = 10.70 / 11.40, ADVANC = 230 / 235, SCC = 470 / 474
Ananda Development (ANAN TB; THB 4.24) - ซื้อ
แนวต้าน : 4.50 และ 4.70 / เป้าหมาย 5.00 & 5.40
แนวรับ : 4.24 และ 4.20
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างมาอย่างต่อเนื่อง แต่โครงสร้างในระยะยาวน่าจะฟอร์มตัวในรูปแบบ Cup and Handle โดยมีเป้าหมายขึ้นไปที่ 5.40
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60 แนะนำซื้อ ANAN โดยมีแนวรับที่ 4.24 และ 4.20 และมีแนวต้านที่ 4.50 และ 4.70 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 4.08 ลงไป
Asefa (ASEFA TB; THB 5.10) - ซื้อ
แนวต้าน : 5.50 และ 5.60
แนวรับ : 5.10 และ 5.05
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่งหลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้าง ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยที่ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใก้ระดับ 60 แนะนำซื้อ ASEFA โดยมีแนวรับที่ 5.10 และ 5.05 และมีแนวต้านที่ 5.50 และ 5.60 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 4.90 ลงไป
SET50 Index Futures
S50Z15 เคลื่อนไหวออกด้านข้างที่บริเวณแนวต้าน 920-922 ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มขาลงในระยะยาวมีแนวต้านสำคัญที่ 925 ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะสิ้นสุดแนวโน้มขาลง และมีแนวต้านถัดไปที่ 935 อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาโครงสร้างของการฟื้นตัวในระยะสั้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง
แนวต้าน : 922 และ 924
แนวรับ : 918 และ 915
คำแนะนำ: เราแนะนำให้เน้น Open Short ใน S50Z15 ที่แนวต้าน 920-922 เนื่องจากเป็นแนวต้านสำคัญ เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 910 และ 900 แต่ถ้าทะลุผ่านแนวต้านที่ 925 ขึ้นไปให้เปลี่ยนเป็นสถานะ Long
STOP LOSS สถานะ Short ถ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 925 ขึ้นไป
ITDZ15
ฟื้นตัวในระยะสั้นขึ้นไปทดสบอบแนวต้านที่ 8.40 หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 8.10 ในขณะที่โครงสร้างการเคลื่อนไหวยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 7.90 และมีแนวต้านสำคัญที่ 8.60-8.70 ทำให้การฟื้นตัวในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง
แนวต้าน : 8.40 และ 8.50
แนวรับ : 8.20 และ 8.10
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน ITDZ15 ที่แนวต้าน 8.40 เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 8.10
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า ITDZ15 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 8.60 ขึ้นไป
KTBZ15
เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณแนวต้าน 17.80 หลังจากฟื้นตัวเหนือจุดต่ำสุดเดิมที่17.20 กลับขึ้นมาได้ แต่แนวโน้มในระยะสั้นมีแนวต้านสำคัญที่ 18.00 ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 18.40 และ 18.80 โดยมีแนวรับสำคัญที่ 17.40
แนวต้าน : 17.80 และ 18.00
แนวรับ : 17.60 และ 17.50
คำแนะนำ: เราแนะนำให้รอการทะลุผ่านแนวต้านที่ 18.00 ขึ้นไป จึงจะเป็นจังหวะในการกลับเข้าไป Open Long และมีแนวรับที่ 17.40
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า KTBZ15 ปรับลดลงมาปิดต่ำกว่า 17.70 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...เม็ดเงินเริ่มไหลเข้าในบางตลาด
บรรยากาศการการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียที่เริ่มดีขึ้น หลังที่มองกันว่าเศรษฐกิจจีนจะค่อยๆ ชะลอตัวแบบ Soft Landing ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มแข็งแกร่ง จนต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย เม็ดเงินที่ไหลเข้าเป็นครั้งแรกในเดือน ต.ค.หลังขายต่อเนื่องถึง 4 เดือนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชีย (ดูรูปด้านซ้าย) ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกกับตลาดโดยรวม อย่างไรก็ตามการไหลเข้าในรอบนี้ยังคงมีไม่มากและเป็นแบบเฉพาะเจาะจงไปในบางตลาดอย่าง เกาหลีใต้ ไต้หวันและอินเดีย จุดเด่นของตลาดเหล่านี้คือ ไม่แพง ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ
เม็ดเงินที่ไหลเข้า ยังมาจากการปรับเปลี่ยนมุมมองการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยล่าสุดได้มีโบรกเกอร์และกองทุนต่างประเทศปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียเป็น Outperform ในบางตลาดอย่าง เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอินเดีย หากมาพิจารณาความถูกความแพงของตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียผ่านค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าเทียบดัชนีของภูมิภาคอย่างดัชนี MSCI Asia Ex Japan เพื่อดูว่าตลาดเหล่านี้จะเทรดกันในระดับ Premium หรือ Discount เทียบดัชนีหลักของภูมิภาค จากรูปด้านขวา จะเห็นได้ชัดเจนว่าตลาดหุ้น เกาหลีใต้และไต้หวันยังเล่นกันที่ค่า P/E ต่ำกว่าภูมิภาคหรือ Discount ส่วนในตลาดหุ้น TIPs 3 ประเทศอย่าง ฟิลิปปินส์ อินโดนีเชียและไทย ยังเทรดกันที่ค่า Premium ส่วนตลาดหุ้นไทยเล่นสูงกว่าภูมิภาคไม่มาก ปัจจัยที่ยังกดดันตลาดหุ้น TIPs คือ ค่าเงินยังมีแนวโน้มอ่อนตัวและการดิ่งลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่มีจุดเด่นคือ การเร่งการใช้มาตรการกระตุ้นแรงซื้อในประเทศ
เม็ดเงินที่ไหลเข้ามา หากยังต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ก็น่าจะเป็นสัญญาณว่า ตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชีย ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่จะฟื้นตัวได้เร็วขนาดไหน น่าจะยังขึ้นอยู่กับโครงสร้างเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ สำหรับตลาดหุ้นไทย เรายังมองว่าการฟื้นตัวของตลาดจะเริ่มเกิดในเดือนนี้ พร้อมๆกับสัญญาณการไหลเข้าของเม็ดเงินจากต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามการดีดตัวขึ้นยังอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจาก ยังไม่เห็นกลุ่มอุตสาหกรรมไหนที่จะหนุน ประกอบกับยังไม่เห็นแรงซื้อของต่างชาติเข้ามา
เมื่อเริ่มเห็นสัญญาณในเชิงบวกกับตลาดทั้งต่างประเทศและมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ แต่ยังขาดปัจจัยหนุนระยะสั้นที่ดีพอที่จะหนุนดัชนี ทำให้เรามองว่าดัชนี SET อาจจะต้องย่อลงมาเล่นในระดับที่น่าสนใจอีกครั้ง รวมทั้งรอดูความชัดเจนของทิศทางดอกเบี้ยในสหรัฐ การปรับตัวขึ้นของดัชนีในรอบนี้ต้องเป็นแรงซื้อต่างชาติถึงจะมีเสถียรภาพและไม่ผันผวน เพราะมองว่าหากต่างชาติเข้ามา น่าจะเป็นการลงทุนมากกว่าเก็งกำไรเหมือนช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เพราะเรามองว่าโครงการลงทุนโคงสร้างพื้นฐาน การปฎิรูปเศรษฐกิจ-การเมืองและการเข้าสูประชาคมอาเซียน น่าจะเปลี่ยนมุมมองให้นักลงทุนต่างประเทศ เข้ามาลงทุนมากขึ้น
วันนี้ถึงปลายสัปดาห์ ดัชนี SET น่าจะค่อยๆซึมตัวลง เพื่อรอดูตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐ โดยวันนี้ตลาดน่าจะปรับตัวลงหลังจากเมื่อคืนนี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า กลยุทธ์การลงทุนวันนี้แนะนำทยอยขายทำกำไร และรอกลับเข้าซื้อที่ระดับ 1400+/- วันนี้เราให้แนวรับที่ 1410-1417 และแนวต้านที่ 1430-1435 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,424.96 จุด เพิ่มขึ้น 1.54 จุด(+0.11%) มูลค่าการซื้อขาย 19,650.68 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งในกรอบแคบ โดยมีแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับลง และกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากกังวลเรื่องการประมูล 4G ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวก-ลบ เฟดส่งสัญญาณอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.นี้ ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราว่างงานของสหรัฐ (ศุกร์นี้)
LPN รายงานผลประกอบ Q3/15 มีกำไรสุทธิ 1,044 ล้านบาท (EPS 0.69 บาท) เพิ่มขึ้น 80% YoY และ 23% QoQ (มากกว่าที่ตลาดคาด 11%) 9M15 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,125 ล้านบาท (EPS 1.44 บาท) เพิ่มขึ้น 66% YoY โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย 18.66 บาท (Buy/Hold/Sell : 10/11/2)
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย แกว่งตัวขึ้นต่อ ภาพระยะสั้นตลาดมีโอกาสเข้าทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1430 จุด ซึ่งหากทะลุไปได้จะเกิดสัญญาณซื้อเก็งกำไรรอบใหม่ ซึ่งในกรณีนี้แนะนำเข้าซื้อหุ้นใหญ่ตาม โดยมีเป้าด้านบนที่บริเวณ 1445-1452 จุด มองปัจจัยหนุนจะมาจากแรงซื้อของต่างชาติ และเม็ดเงินLTF ส่วนในกรณีที่ไม่ทะลุระดับ 1430 จุด ตลาดก็จะอาจจะปรับตัวลงตามกรอบเดิมคือ 1400-1430 จุด สำหรับหุ้นเล็กที่เราชอบจะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของค่าเงินบาทและการลดลงของต้นทุนด้านพลังงาน เช่น EPG SMPC DCC BA ส่วนหุ้นใหญ่ยังมองที่กลุ่ม สื่อสาร และธนาคาร โดย ADVANC KBANK ยังเป็น Top pick ในกลุ่มนี้
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
Ananda Development (ANAN TB; THB 4.24) - ซื้อ
ASEFA (ASEFA TB; THB 5.10) - ซื้อ
Turnover List preview (Cash Balance) : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : LPH, SAWAD-W1, AJD*, JWD*, TAPAC*, TPA* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]