- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 04 November 2015 18:47
- Hits: 3235
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'พลังงานเด่น-รอถ้อยแถลงเฟด'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index วันอังคารปิดตลาดปรับตัวลงเล็กน้อย -0.72 จุด มายืนที่ระดับ 1412.62 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายยังคงเบาบางเป็น 35.8 พันล้านบาท เกิดแรงขายทำกำไร หลังวันจันทร์ดัชนีฯปรับขึ้นแรงเกินความคาดหมาย หุ้น Market Cap.ใหญ่ที่มีแรงขายคือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และสื่อสาร แต่ปรับลงในอัตราไม่มาก ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานยืนแดนบวกได้ เป็นที่น่าสังเกตว่าในระยะหลัง SET มีความเป็นตัวเองสูง ไม่เป็นไปตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเรา มีเพียงพอร์ตโบรกเกอร์เป็นผู้ซื้อสุทธิ ส่วนที่เหลือคือ รายย่อย สถาบัน และต่างประเทศเป็นผู้ขายสุทธิ
วันนี้ ปัจจัยที่เด่นคือ ราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวสูงขึ้น คาดว่าจะส่งผลดีต่อหลักทรัพย์กลุ่มพลังงานและดัชนีฯ ตลาดจับตาถ้อยแถลงของเฟดในวันนี้ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เป็น Highlights คือ การจ้างงานนอกภาคาการเกษตรในวันศุกร์นี้ อย่างไรก็ตามสถานะของสถาบันการเงินสหรัฐไม่ดีนัก หลังมูดี้ส์มีโอกาสปรับเครดิตลง และสแตนชาร์ตปลดพนักงานครั้งใหญ่ ด้านปัจจัยในประเทศมีการประชุมของ กนง.วันนี้เราคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ส่วนผลการประชุมครม. เรื่องเด่นเป็นเรื่องการลดภาษีกระตุ้นการลงทุน นักลงทุนยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจทั้งสหรัฐฯและไทยต่อไปอีกรวมทั้งผลประกอบการ 3Q58 ที่จะมีเส้นตาย กลาง พ.ย.58 อาจมีการเก็งกำไรเม็ดเงิน LTF และ RMF ซึ่งเหลือแค่ 2 เดือนแล้ว ทั้งนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังชะลอตัวลงยังคอยกดดันดัชนีฯอยู่ไม่ให้ไปได้สูง กลยุทธ์จึงยังคงเป็นการเลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีหรือมีข่าวดีที่สามารถเก็งกำไรในรอบสั้นๆได้ (SelectiveBuy) และไม่หวังอัตราผลตอบแทนที่สูงมาก คือทยอยขายทำกำไรเมื่อได้อัตราผลตอบแทนที่ตั้งไว้ ซึ่งหุ้นพื้นฐานที่น่าสนใจแนะนำวันนี้เป็น SYNTEC
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดมีสัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบเล็กๆ ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้มีสถานะเป็นแกว่งแบบให้น้ำหนักกับการลง แต่มีโอกาสรีบาวน์ก่อน แล้วจึงลงต่ำตามมาได้ การซื้อใหม่ก็แนะนำให้ตามด้วยค่าบวกเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย แนวต้านระยะสั้น 1420-1430 จุด แนวตัดขาดทุนเป็น 1400 สำหรับหุ้นที่ทำการ SCAN มาพบว่าหุ้นที่มีโอกาสทำ New High และน่าสนใจคือ BEAUTY, TRC, TOG ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน LIST ได้แก่ ANAN, BCP, SCN, DCC, QTC, COM7, MTLS และ GUNKUL ส่วนหุ้นที่ควรหาจังหวะขายทำกำไรคือ SYNEX, TISCO, SCI, PRAKIT
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นแรง โดยได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า บริษัทกลั่นน้ำมันในสหรัฐได้ชะลอการผลิตลงในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค. นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว
ความเห็น: คาดว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงานในวันนี้ ในระยะนี้สังเกตได้ว่าหุ้นPTT สามารถปรับขึ้นและยืนได้ แม้เร็วๆนี้คาดว่าจะประกาศขาดทุนสุทธิจำนวนมหาศาล เพราะบริษัทย่อยคือ PTTEP มีการตั้งด้อยค่าสินค้าคงเหลือจำนวนมากแต่ตลาดฯก็รับรู้ไประดับหนึ่งแล้ว อีกทั้ง 4Q58 ก็จะตั้งสำรองไม่รุนแรงแล้ว รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด
+สภานการณ์ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นดี สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.76 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 47.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 50.54ดอลลาร์/บาร์เรล
+ISM ต.ค.ของสหรัฐปรับตัวขึ้นดี กิจกรรมภาคธุรกิจในนครนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในเดือนต.ค. หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีในเดือนก.ย. นั่นคือเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 65.8 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. หลังจากร่วงแตะระดับ 44.5 ในเดือนก.ย. ขณะอยู่ที่ 51.1 ในเดือนส.ค.
• ตลาดจับตาถ้องแถลงเยลเลนวันนี้ และศุกร์มีตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร นักลงทุนจับตาดูถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟดและนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ เพื่อจับสัญญาณเรื่องแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
+ดาวโจนส์ปรับขึ้นดี เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งรวมถึงน้ำมันและโลหะปรับตัวสูงขึ้น ดาวโจนส์ปิดที่ 17,918.15 จุด เพิ่มขึ้น 89.39 จุด หรือ +0.50% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 5,145.13 จุด เพิ่มขึ้น 17.98 จุด หรือ +0.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,109.79 จุด เพิ่มขึ้น 5.74 จุด หรือ +0.27%
-ทองคำปรับตัวลงต่อเนื่อง สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 21.8 ดอลลาร์ หรือ 1.92% ปิดที่ระดับ 1,114.10 ดอลลาร์/ออนซ์โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้
+จีน: เปิดกว้างเศรษฐกิจ-กระตุ้นการลงทุนมากขึ้น ในปี 2560-2563โครงการปรับเปลี่ยนแผนเศรษฐกิจแห่งชาติและการพัฒนาสังคมระยะเวลา 35 ปี(2560-2563) ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ระบุว่า จีนเตรียมเดินหน้าเปิดเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติและกระตุ้นให้บริษัทต่างๆในจีนเข้าไปลงทุนในต่างแดนมากขึ้น
-S&P เตือนอาจหั่นเครดิตัยักษ์ใหญ่การเงินในสหรัฐฯ มีธนาคารรายใหญ่ 8แห่งของสหรัฐที่อาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือโดย S&P ซึ่งได้แก่ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, ซิตี้กรุ๊ป อิงค์, โกลด์แมนแซคส์, เวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค, มอร์แกน สแตนลีย์, แบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอนคอร์ป และสเตท สตรีท คอร์ป
-สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปลดพนักงานครั้งใหญ่ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดธนาคารสัญชาติอังกฤษ ประกาศแผนยกเครื่องธุรกิจครั้งใหญ่ด้วยการระดมทุนรวมทั้งการลดจำนวนพนักงานลงราว 15,000 ตำแหน่งภายในปี 2561 และการยุติกิจการในบางประเทศ
• ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามต่อไป วันพุธ ADP จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค., และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการบริการเดือนต.ค. สำหรับวันพฤหัสบดี ทางการสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และประสิทธิภาพการผลิต-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นในไตรมาส 3/2558 ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. และสินเชื่อผู้บริโภคเดือนก.ย.
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
+คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการภาษีส่งเสริมการลงทุน โดยให้หักรายจ่ายเป็น 2 เท่าของรายจ่ายเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก แต่ต้องเป็นรายจ่ายตั้งแต่วันที่ครม.เห็นชอบถึง 31 ธ.ค.59 ทั้งนี้การหักค่าใช้จ่ายจะต้องหักในจำนวนที่เท่ากันตามรอบบัญชี ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคานับตั้งแต่รอบบัญชีแรกที่มีสิทธิ์หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา อีกทั้งต่ออายุลดภาษี LTF ไปอีกเป็นเวลา 3 ปี
ความเห็น: ดูเหมือนจะช่วยประหยัดภาษีได้มาก แต่หากพิจารณารายละเอียดในเรื่องตัวเลขพบว่ากำไรและมูลค่าของบริษัทจะเพิ่มขึ้นมาไม่มากนักประมาณ 1-2%เนื่องจากประโยชน์ที่ได้รับจะทยอยเกิดขึ้นตามอายุการใช้งานสินทรัพย์ซึ่งค่อนข้างยาวนาน เช่น 10-20 ปี เป็นต้น กลุ่มที่ได้ประโยชน์ เช่น สื่อสารที่กำลังต้องลงทุนใน4G บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหนัก ส่วนการต่ออายุลดภาษี LTF ก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาดทุน ที่จะมีการลงทุนกันต่อไป
+ครม.อนุมัติลดขั้นตอน PPP เป็น Fast Track เพื่อให้โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น จากเดิมกว่าจะผ่านขั้นตอนและเริ่มลงทุนได้ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี โดยจะลดขั้นตอนลงเหลือ 9 เดือน เช่นโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง วงเงินลงทุน 152,000 ล้านบาท และกรุงเทพ-หัวหิน. วงเงิน 94,600 ล้านบาท เข้าเป็นโครงการ
+6 โครงการเข้า Fast Track เบื้องต้นมูลค่าลงทุนรวม 3.47 แสนล้านบาท ได้แก่รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) รถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง)รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) ในส่วนเดินรถ โครงการมอเตอร์เวย์ ช่วงบางปะอิน-นครราชสีมา โครงการมอเตอร์เวย์ ช่วงบางใหญ่-กาญจนบุรี และโครงการMaritime Business Center ของการท่าเรือฯ
• คาดกนง.คงอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะมีการระชุมในวันนี้ คาดว่า กนงจะรอดูท่าทีของเฟดในเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ย เงินไหลเข้า-ออกของไทย และภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 59 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ จึงยิ่งไม่มีปัญหาต้องขึ้นดอกเบี้ยมาสกัด
• ติตตามผลประกอบการ 3Q58 ที่ทยอยประกาศ จากก่อนหน้าที่ถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในเรื่องการตั้งสำรองหนี้ที่มาก ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลงและกลุ่มพลังงานที่โดนกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ทำให้มีการตั้งสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์เช่นกัน แต่ตลาดฯก็รับรู้ไประดับหนึ่งแล้ว อีกทั้ง4Q58 ก็จะตั้งสำรองไม่รุนแรงแล้ว รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด ช่วงนี้จะเป็นกลุ่มวัสดุก่อสร้างและพลังงานที่ทยอยประกาศออกมา
• AJD:ยังให้รายละเอียดเรื่องผู้สนใจซื้อคือ อาลีบาบาได้ไม่มากนัก บริษัทยังอยู่ในช่วงการเจรจาแนวทางการเข้าลงทุนเบื้องต้นกับกลุ่มอาลีบาบาเท่านั้น ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ และปัจจุบัน บริษัทยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
-RML: รับรายได้ปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน RML คาดว่ารายได้ปีนี้จะต่ำกว่าระดับ 6.7พันล้านบาทในปีก่อน หลังมูลค่ายอดโอนโครงการน้อยกว่าปีก่อน แต่ยังมั่นใจยอดขายทั้งปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 2.5-3 พันล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันทำยอดขายได้มากกว่า 50% แล้ว ขณะที่ยังเดินหน้าพัฒนาโครงการระดับบนที่ยังมีการเติบโต แต่ชะลอแผนการเข้าซื้ออาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ หลังราคาพุ่งขึ้นมากเกินกว่าที่จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า
ความเห็น: เราแนะนำเพียงถือสำหรับหลักทรัพย์ RML คาดการณ์กำไรปีนี้ลดลง9% และปีหน้าลดลงถึง 38% เทียบ y-o-y เพราะขาดรายได้ที่จะมารับรู้สืบเนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ขาดการเปิดโครงการใหม่มาชดเชยโครงการปัจจุบัน ขณะที่ระยะนี้ยังไม่เห็นปัจจัยบวกใดๆ มากระตุ้นราคาหุ้น
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา
[email protected]
ข่าวอุตสาหกรรมและหุ้นเด่น
# Fundamental Pick Today: SYNTEC (ราคาปิด 3.10 บาท,ราคาพื้นฐาน 3.87 บาท) (Upside 25%)
แนวโน้มการเติบโตสดใส
• หากเทียบกับ y-o-y อัตราการเติบโตกำไรหลักยังสดใส ปีนี้เพิ่ม18% และปีหน้าเพิ่ม 33% ตามลำดับ
• มีแนวโน้มว่าการใช้ส่วนประหยัดภาษี (Tax Shield) จะเลื่อนไปปี59 เป็นข้อดีคือ ทำให้มีส่วนว่ากำไรปี 59 ยังจะเติบโตดี
• จุดแข็งของบริษัท คือ มูลค่างานในมือทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีลูกค้าประเภทอาคารสูงที่ใช้บริการประจำ ส่วนใหญ่อยู่ในตลาดฯจึงมีความมั่นคง และอุปสงค์ก่อสร้างอาคารสูงยังแข็งแกร่ง ส่วนธุรกิจเช่ามีการขยายตัวดี
• คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาหุ้นซื้อขายด้วย P/E ปี 58 เพียง 11.3 เท่าและปี 59 ลดลงอีกเป็น 8.5 เท่า ถือว่าถูกมากในกลุ่มรับเหมาฯฐานะการเงินดี ได้ประโยชน์ราคาเหล็กตก มีโอกาสกลับหนี้สูญเป็นรายได้ในอนาคต และมีที่ดินเปล่าและหุ้น BMCL ในต้นทุนที่ต่ำ
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา
[email protected]
CSS (ราคาปิด 5.45 บาท) คำแนะนำ Not Rated
• คาดว่าบริษัทจะได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐที่ส่งเสริมให้มีการลงทุน โดยให้มีการหักรายจ่ายเป็น 2 เท่าของรายจ่ายเพื่อการลงทุน ในส่วนของเครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ ซึ่งเราประเมินว่าหุ้นกลุ่มสื่อสารจะเป็นกลุ่มหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อ CSS โดยตรงที่มีโอกาสได้งานจากการลงทุนในส่วนของเสาสัญญาณและอุปกรณ์ของผู้ให้บริการมือถือเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการประมูล 4G ทั้งงานอัพเกรดและงานเสาสัญญาณ เป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทโดยตรง ส่วนการเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในส่วนของหน่วยงานราชการ 600 MWจะเป็นปัจจัยหนุนเพิ่ม ส่วนของธุรกิจเทรดดิ้งขายสายไฟ บริษัทจะได้ประโยชน์การลงทุนของ กฟผ. ที่วางแผนการลงทุนระบบสายส่ง2.841 แสนล้านบาทในช่วง 5 ปี รวมถึงการโครงการนำสายไฟฟ้า39 เส้นทั่วกรุงเทพลงใต้ดินของ กฟน. มูลค่า 1.43 แสนล้านบาท
• แนะนำซื้อเก็งกำไรทางเทคนิค โดยหากยังไม่หลุดต่ำกว่า 5.20มีโอกาสเป็นการแกว่งตัวเพื่อขึ้น ประเมินแนวต้านถัดไปที่บริเวณ5.90
นักวิเคราะห์ : พงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ : Tel 7825
[email protected]
# TRC: มีความคืบหน้าเรื่องเพิ่มทุนในเหมืองโปรแตช
• TRC แจ้งว่า TRC Investment Limited ได้จ่ายเงินค่าหุ้นงวดที่ 1จำนวน 355 ล้านบาท ให้กับเทอร์มอล เทรด แอนด์ อินเวสเม้นท์ ลิมิเตท และเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2558 ได้รับโอนหุ้น APMC จำนวน1,775,000 หุ้นเป็นที่เรียบร้อย ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มTRC ใน APMC เพิ่มจากร้อยละ 4.18 เป็นร้อยละ 14.06 (Aspen)
• ผลกระทบ: เป็นบวกในแง่ปฎิบัติคือ TRC ได้ประสบความสำเร็จในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอย่างเป็นทางการแล้วนั่นเอง ข้อดีคือคาดว่ารายได้จากการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นได้ดีในงวด 4Q58 สืบเนื่องจากงานในมือ (Backlog) ที่มากถึง 22 พันล้านบาท จากโรงงานเหมืองโปรแตช APMC อีกทั้งในอนาคตก็จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในเหมืองโปรแตชในระยะยาวด้วย
• คำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานประเมินด้วย P/E ปี 59 ที่ 15 เท่า เป็น2.48 บาท ราคาปิดยังมีส่วนเพิ่ม 17% อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยของหุ้นกู้จำนวน 2.5 พันล้านบาท และการขาดทุนในช่วงแรกของAPMC อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อประมาณการได้ แต่การถือหุ้นไม่ถึง20% ในช่วงแรกจะยังไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนเข้ามา
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา
[email protected]
#Turnover List Watch: คาด LPH เข้าเกณฑ์ใช้ Cash balanceสัปดาห์หน้า
• จากการประเมิน เราคาดว่า LPH เข้าเกณฑ์การใช้ CashBalance สัปดาห์หน้าแล้ว ซึ่งมีอายุการใช้เป็นเวลาถึง 6 สัปดาห์แม้ยังเหลือเวลาเก็บข้อมูลอีก 2 วันก็ตาม
• ส่วนหลักทรัพย์ที่หมดเวลาการใช้ Cash Balance และกลับมาใช้มาร์จิ้นได้ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามแล้วแต่ตลาดฯว่าจะกลับมาขยายเวลาให้ใช้ Cash Balance หรือไม่ได้แก่ AJ, FER, FER-W1,GENCO, GENCO-W1,TAKUNI, THE, TTA-W5 ซึ่งอยู่ในระดับที่1 ทั้งหมด
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา [email protected]