WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy

ตลาดหุ้นวานนี้:
       ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดบวกขึ้นทดสอบด่าน 1,420 จุด แต่เกิดแรงขายทำกำไรมากขึ้นบริเวณดังกล่าว แม้ว่าบรรยากาศในกลุ่ม TIP จะออกมาเป็นบวกก็ตาม โดยกลุ่มธนาคารที่ขยับขึ้นเด่นวันก่อนหน้า ถูกขายทำกำไรระยะสั้น ส่งผลให้ SET INDEX กลับมาแกว่งแคบ 1,415 จุด +/- และปิดตลาด ณ สิ้นวันที่ 1,412.62 จุด ลบเพียง 0.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,785 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติยังคงชะลอการขายหุ้นไทย โดยขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 เพียง 315 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 1,984 สัญญา และกลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 160 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการประชุม กนง.วันนี้ ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50%
ติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ คืนนี้
      ครม.อนุมัติแผนปฎิรูปขั้นตอน PPP ของโครงการโครงสร้างพื้นฐาน กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ 6 โครงการภายใน 9 เดือน พร้อมเสนอมาตรการภาษี กระตุ้นการลงทุนจากภาคเอกชนในปีหน้า
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดบวกเด่น กลับมายืนเหนือ US$47/barrel อีกครั้ง เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี

มุมมองต่อตลาด
      เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 5 พร้อมประเมินกรอบแกว่ง 1,405-1,425 จุด จับตากลุ่ม Domestic Play ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทั้งจากภาครัฐ และ เอกชน แน่นอนว่า กลุ่มธนาคารจะได้รับประโยชน์ทางตรงและทางอ้อมต่อการลงทุนดังกล่าว ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง จะเชื่อมโยงกับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งจากรัฐ และผ่าน PPP เราเชื่อว่ากระทรวงคมนาคม และ กระทรวงการคลัง จะเร่งมือในการพิจารณา และนำเสนอโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ผ่าน PPP ในช่วง 1-2 เดือนจากนี้ เพื่อให้ครม.รับทราบ เพื่อเปิดทางหาแนวร่วมกับภาคเอกชนที่สนใจ ซึ่งเบื้องต้น กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ 6 โครงการ ซึ่งเราประเมินว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง กทม. - หัวหิน / กทม. - ระยอง โครงการรถไฟฟ้าอีก 3-4 เส้นทาง
หากการเร่งดำเนินการโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นรูปธรรมได้เร็วยิ่งขึ้น เราเชื่อว่านักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจะเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ มาตรการลดหย่อนภาษี เพื่อกระตุ้นให้ภาคเอกชนเร่งดำเนินการลงทุนในช่วง 6-9 เดือนจากนี้ไป จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีนิติบุคคล ถือเป็นอีกมาตรการที่สำคัญ เราเชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน ถือเป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้า
ด้วยมาตรการกระตุ้นระยะสั้น และ ยาว ของรัฐบาล ทำให้เราเชื่อว่า การประชุม กนง. วันนี้ และเป็นนัดแรกของ ผู้ว่าการ ธปท. ท่านใหม่ ดร.วีรไท จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังนโยบายการคลัง เริ่มเดินหน้าอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตั้งแต่กลางเดือนก.ย.
ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเบาบางในช่วงนี้ เราประเมินว่า ต่างชาติ รอดูผลการดำเนินงานใน 3Q58 ในช่วงนี้ ประเมินร่วมกับนโยบายของรัฐบาล เพื่อนำมาประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ และหาจังหวะของการลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลังจากที่มีสถานะ Long สุทธิอย่างหนาแน่น QTD 80,803 สัญญา ใน SET50 Index Futures

กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนกลับมาเก็งกำไรในหุ้นเป้าหมายอีกครั้ง หลัง SET INDEX ย่อตัวลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย" เพราะในช่วงสั้น เราคาดว่า SET INDEX อาจไม่หลุดแนว 1,400 จุด"

Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: IRPC
Accumulative Buy: BMCL

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. BMCL : ราคาปิด 1.83 บาท ราคาเหมาะสม 2.72 บาท
a) MBKET ประเมินว่า BMCL เป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงในฐานะผู้ประกอบธุรกิจเดินรถไฟฟ้า หลังวานนี้ครม.อนุมัติแผนปฎิรูปขั้นตอนและระยะเวลา (Fast Track) ในการร่วมทุนระหว่างภาครัฐฯและเอกชน หรือ PPP โดยลดขั้นตอนลงเหลือ 9 เดือน จากเดิมที่ 1 ปี 9 เดือน
b) โดยเบื้องต้นจะมี 6 โครงการที่เข้าข่าย Fast Track มูลค่ารวม 3.47 แสนล้านบาท เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย - มีนบุรี), รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว - สำโรง) และสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ - ท่าพระ)
c) มี Catalyst รออยู่ คือการควบรวมกิจการระหว่าง BMCL - BECL ซึ่งอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากรัฐบาล โดยคาดว่าจะมีความคืบหน้าในเดือน พ.ย.
d) และส่งผลให้ฐานะการเงินมีความแข็งแกร่งขึ้นภายใต้บริษัทใหม่คือ BEM สอดรับกับโอกาสในการเติบโตจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต


"ซื้อเก็งกำไร"
2. IRPC : ราคาปิด 4.16 บาท ราคาเหมาะสม 4.60 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะตอบรับเชิงบวกในวันนี้ ตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น +3.8% dod เป็น US$47.90/barrel
b) คาดกำไรสุทธิ 4Q58 จะเติบโต qoq แม้ว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติจะมีทิศทางอ่อนตัวลง qoq จากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ลดลง qoq แต่เนื่องด้วย 3Q58 มีผลขาดทุนจากสต็อกสูงถึง 2.1 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะไม่เกิดซ้ำอีกใน 4Q58 จากการไต่ระดับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ
c) ผลประกอบการปี 2559 สดใส จากแรงหนุนของโครงการ Phoenix ผลักดันให้กำไรปกติเติบโตถึง +37% yoy เป็น 8,591 ล้านบาท
d) Valuation ไม่แพง ซื้อขายที่ระดับ PER2559 ที่ 9.91 เท่า และ PBV2559 ที่ 1.05 เท่า

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อสุทธิวันที่ 2 อีก US$345 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$231 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3
นักลงทุนต่างชาติ คงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 เพียง 315 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ ขายสุทธิ 10,468 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิสูงกว่า 1.0 แสนล้านบาทเป็นวันที่ 6 เท่ากับ 107,943 ล้านบาท
แต่ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 3 อีกเล็กน้อย 1,984 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิ 19,543 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 26,927 สัญญา แต่เราคาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง เพราะ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิขยับขึ้นเป็น 80,803 สัญญา เมื่อ S50Z15 และ SET50 Index ปิดเหนือ 900 จุด เป็นวันที่ 2 แต่ S50Z15 กลับมาปิดต่ำกว่า SET50 Index อีกครั้ง เพียง 0.22 จุด จากวันก่อนหน้า Premium 0.10 จุดและทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิขยับขึ้นเป็น 20,076 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 160 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 4,650 ล้านบาท ทำให้ราคาพันธบัตรไทยขยับขึ้นเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันที่ 2 อีก 2.23bps จากวันก่อนหน้าลดลง 2.35bps ปิดที่ 2.618%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันที่ 3 เหลือ 443 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 582 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ กลับมาเน้นสะสมกลุ่ม ICT
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิ 458 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 975 ล้านบาท โดยกลับมาเน้นสะสมกลุ่ม ICT อีกครั้ง สรุปภาพรวมการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มปิโตรเคมี ถูกขายสุทธิสูงสุด 251 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 122 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มโรงพยาบาล ขายสุทธิ 103 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 75 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 398 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 322 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 179 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 110 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 38 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าที่คาด
คำสั่งซื้อสินค้าโรงงาน เดือนก.ย. หดตัว 1.0% mom แย่กว่า Bloomberg consensus คาดที่ -0.9% mom แต่ฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ -2.1% mom โดยคำสั่งซื้อสินค้าคงทนหดตัว 1.2% mom ส่วนคำสั่งซื้อสินค้าที่ไม่ใช่คงทน ยังอยู่ในภาวะอ่อนแอ เช่นกัน

ยุโรป
ไม่มี

จีน
ผู้นำจีนกำหนดเป้าหมายเติบโตเศรษฐกิจ 6.5% ใน 5 ปีข้างหน้า: ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจขอจีน ระหว่างปี 2559-2563 จะเติบโตเฉลี่ย 6.5% ต่อปี เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ขนาดเศรษฐกิจเป็น 1 เท่าของปี 2553 และรายได้ต่อประชากรที่เพิ่มขึ้น 1 เท่าเช่นกัน ภายในปี 2563 นอกจากนี้ จีนเตรียมเพิ่มปริมาณเงินหยวน เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยน พร้อมเปลี่ยนแนวทางการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ IMF

เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางออสเตรเลียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย: อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.0% สอดคล้องกับ Bloomberg consensus คาดการณ์ แม้ว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อจะลดลงและเปิดทางให้ธนาคารกลางสามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินได้เพิ่มเติม ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
อัตราเงินเฟ้อเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง: เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.9% yoy สูงกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 0.7% yoy และเดือนก่อนหน้าที่ 0.6% yoy และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2557 ทั้งนี้การบริโภคภายในประเทศ และผลผลิตภาคอุตฯ ที่เพิ่มขึ้น ผลักดันอัตราเงินเฟ้อ
อัตราการว่างงานนิวซีแลนด์กลับเพิ่มขึ้น: 3Q58 ภาวะการจ้างงาน ลดลง 0.4% qoq และอัตราการว่างงานขยับขึ้นเป็น 6.0% ในไตรมาสนี้ จาก 5.9% ใน 2Q58 ขณะที่ Bloomberg consensus คาดว่าภาวะการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 0.4% qoq

ไทย
ครม.ไฟเขียวลดขั้นตอน PPP เป็น Fast Track: รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการปฏิรูปขั้นตอนและระยะเวลาในการเข้าร่วมโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน(PPP) ในโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อผลักดันให้ดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น จากเดิมกว่าจะผ่านขั้นตอนและเริ่มลงทุนได้ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี โดยจะลดขั้นตอนลงเหลือ 9 เดือน รมว.คลัง เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีโครงการ 6 โครงการที่จะเข้าขั้นตอน Fast track ใน 9 เดือน มูลค่าลงทุนรวมราว 3.47 แสนล้านบาท
ครม.ต่ออายุลดภาษี LTF อีก 3 ปี: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ต่ออายุสิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ออกไปอีก 3 ปี หรือสิ้นสุดปี 2562 จากเดิมจะสิ้นสุดในปี 2559 โดยเมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว รัฐบาลจะไม่มีการขยายระยะเวลาเพิ่มในปี 2563 อีก นอกจากนี้ ยังให้มีการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาในการถือครองแอลทีเอฟ เป็น 7 ปีปฏิทิน (5 ปี 2 วัน) จากเดิม 5 ปีปฏิทิน (3 ปี 2 วัน) ด้วย

กระทรวงการคลัง เปิดเผย 6 โครงการเข้า Fast Track: กระทรวงคมนาคมได้เสนอ 6 โครงการที่มีศักยภาพเข้าร่วมโครงการไปแล้ว ประกอบไปด้วย รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย- มีนบุรี วงเงิน 56,690 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง วงเงิน 54,644 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สคร. รวมไปถึงรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายการเดินรถช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง - บางแค วงเงิน 82,592 ล้านบาท ที่ขณะนี้มีความคืบหน้าของโครงการไปแล้ว 65%มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน นครราชสีมา วงเงิน 84,600 ล้านบาท มอเตอร์เวย์สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี วงเงิน 55,620 ล้านบาท และโครงการศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 1 วงเงิน 2,031 ล้านบาท

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!