- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 02 November 2015 18:12
- Hits: 1206
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -92.26, NASDAQ -21.93, S&P -10.05, FTSE -34.71, CAC +11.84 และ DAX +49.30 การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเกินคาดสู่ระดับ 90 จากระดับ 92.1 ในขณะที่มีแนวโน้มที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.
…..ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ปรับตัวลดลง โดยได้รับแรงกดดันจากการลดลงของหุ้นในกลุ่มธนาคาร ซึ่งประกาศผลการดำเนินงานออกมาแย่กว่าคาด และได้รับแรงกดดันจากการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือน ธ.ค.
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$0.53 อยู่ที่ US$46.56 ต่อบาร์เรล ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลงทำให้ตลาดคาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐจะปรับตัวลดลงในอนาคต
.....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$5.9 อยู่ที่ US$1,141.40 ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการที่เฟดมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วง 15-16 ธ.ค.
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,253.73 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -107,333 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อเนื่อง? คาดการเคลื่อนไหวของ SET จะอ่อนตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังจากช่วงเช้าจีนประกาศตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือน ต.ค.อยู่ที่ระดับ 48.3 ต่ำกว่าระดับ 50 เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ตอกย้ำการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน นอกจากนี้ยังความชัดเจนของการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ส่งผลต่อทิศทางของ Fund Flow ไหลออกจากตลาด Emerging Markets
…..เช่นเดียวกับประเด็นในประเทศที่ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ทั้ง + / - โดย (1) Fund Flow เริ่มมีแรงขายสุทธิของต่างชาติหนักขึ้น โดยล่าสุดต่างชาติขายสุทธิสูงถึง 2,895 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทยังเริ่มมีแนวโน้มอ่อนค่า จากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด (2) การเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่างๆ ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และ (3) การเก็งกำไรผลประกอบการ – 3Q/58 ถึงกลางเดือนพ.ย. โดยเฉพาะกลุ่ม Real Sector หลังกลุ่มธนาคารฯ ประกาศไปแล้ว โดย ธปท.เปิดเผยตัวเลข NPL ทั้งระบบสิ้นไตรมาส 3/58 อยู่ที่ 3.6 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.79% และล่าสุด ครม.อยู่ระหว่างพิจารณาแผนลงทุนเร่งด่วนในปี 59 จำนวน 20 โครงการวงเงินลงทุนประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท คาดจะส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเช่นกัน
....โดยยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 35.56– 35.68 เริ่มมีแนวโน้มอ่อนค่าอีกครั้ง (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (MINT, CENTEL) และหุ้นกลุ่มขนส่ง (เช่น AAV, AOT) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะช่วง High season ในช่วง 4Q/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 2.15% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.46 อยู่ที่ 15.07
หุ้นแนะนำ : CK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (2-6 พ.ย.’58)
2/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนี PMI เดือน ต.ค.
4/11/58 : ADP การจ้างงานสหรัฐเดือน ต.ค.
5/11/58 : อัตราการว่างงานสหรัฐ
นักวิเคราะห์ : ประวิทย์ เจียวก๊ก 02-684-8797