- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 October 2015 17:29
- Hits: 1091
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET ลงแรงไปบ้าง แต่ยังลุ้นทรงตัวและดีดขึ้น ดังนั้นถือต่อได้
กลยุทธ์ : แม้ SET จะไหลลงแรงกว่าคาด แต่เรายังมองว่ากรอบลบจำกัด และตลาดยังมีสิทธิมีจังหวะแกว่งทรงตัวในเร็วๆ นี้ เพื่อรอโอกาสขยับบวกต่อขึ้นหาเป้าหมายตามคาดได้เช่นเดิม ดังนั้นเรายังแนะนำให้ถือหุ้นเพื่อรอทยอยขายทำกำไรช่วงบวกได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : NCL, JAS, TPIPL(short)
แนวโน้ม : SET ยังปรับตัวลงรุนแรงต่อเนื่องในช่วงครึ่งวันแรกเมื่อวานนี้ หลังเฟดยืนยันที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ ส่งผลให้มีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติในภูมิภาคพอควร รวมทั้งบ้านเราด้วย ก่อนที่ในภาคบ่าย SET จะเริ่มแกว่งทรงตัวได้ดีขึ้นบ้าง โดยคาดว่ามีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนอีกครั้งหลังตลาดปรับพักตัวลงมาค่อนข้างแรงและเร็วในช่วงสัปดาห์ ขณะที่เมื่อคืนนี้แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับตัวลงเกือบ 100 จุดในช่วงแรก จากความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และตัวเลข GDP ไตรมาส 3/58 ของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด แต่ก็ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยหนุนให้ดัชนีดาวโจนส์ค่อยๆ ยกระดับขึ้นมาเป็นลบน้อยลงได้บ้าง ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้แม้ว่าส่วนใหญ่จะยังเปิดเป็นลบต่อเนื่อง แต่กรอบลบก็พอที่จะจำกัดมากขึ้น และบางแห่งยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาผลักดันให้มีจังหวะบวกได้ด้วย รวมทั้งมีข่าวความคืบหน้าเชิงบวกเกี่ยวกับการประมูล 4G ในบ้านเราที่จะมีขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ทำให้ FSS คาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะกลับมาแกว่งทรงตัวและลุ้นรีบาวด์ขึ้นได้ตามคาด โดยเรายังคาดหมายว่า SET จะขยับขึ้นหาระดับดัชนีเป้าหมายตามพื้นฐานปีนี้ที่ 1450 จุดได้ในช่วงถัดไป
แนวรับ 1387-1386 , 1382-1376 จุด
แนวต้าน 1393-1396 , 1400-1407 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$380 ล้าน และยังคงไหลออกจากทุกประเทศ นำโดยไต้หวัน US$164.2 ล้าน ตามด้วยไทย US$81.8 ล้าน และอินโดนีเซีย US$73.9 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคภายหลังการประชุม Fed มีทีท่าที่ชัดเจนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ทำให้เงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) GDP 3Q15 ของสหรัฐชะลอ โดยขยายตัวเพียง 1.5% Q-Q ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าที่ 1.6% และต่ำกว่า 2Q15 ที่ขยายตัว 3.9% Q-Q จากการชะลอการจับจ่ายของภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐ ขณะเดียวกันดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) เดือน ก.ย. ลด 2.3% M-M ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ตัวเลขเศรษฐกิจที่แย่ลงกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าและกดดันตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับการการประชุม BOJ วันนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีมาตรการเพิ่มเติม
(+) ดร.สมคิดจะเสนอแพ็คเก็จกระตุ้นการลงทุนในภาคธุรกิจเข้าครม.สัปดาห์หน้า คาดว่าจะเป็นมาตรการส่งเสริมการลงทุนผ่าน BOI ขณะที่ปลายเดือนหน้ารัฐบาลจะเชิญนักลงทุนไทยและเทศมารับฟังนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหมด และในวันที่ 6 พ.ย. นายกฯจะเรียกทีมเศรษฐกิจถกแก้ปัญหาอุปสรรคการลงทุน ดร.สมคิดเชื่อว่าจะใช้เวลา 3 เดือนจะเห็นแนวทางต่างๆเป็นรูปธรรมมากขึ้น
(+) กทค.รับรอง 4 บริษัทผ่านคุณสมบัติประมูลคลื่น 900MHz ได้แก่ ADVANC, DTAC, TRUE, JAS หลังจากนี้ กทค.จะส่งหนังสือแจ้งให้บริษัททราบและเตรียมประมูลในวันที่ 6 พ.ย. เรายังคงแนะนำ ADVANC (เป้าหมายปีหน้า 310 บาท) เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม
(+) GUNKUL แนวโน้มกำไร 3Q15 จะเป็นจุดสูงสุดของปีที่ 333 ล้านบาท +91% Q-Q, +116% Y-Y จากรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งการขายอุปกรณ์ไฟฟ้าและงานรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าค้างท่อและต้องเร่งสร้างให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ และโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ IAE 58 MW ของบริษัทเอง เราคาดกำไรใน 3 ปีข้างหน้า (2015 – 2017) โตเฉลี่ย 39.5% ต่อปี จากการทยอยรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 60MW ปีหน้าและ 110MW ในปี 2017 ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 26 บาท
(+) BDMS เราคาดกำไรปกติ 3Q15 +24.6% Q-Q ตามฤดูกาล แต่โตเพียง 1% Y-Y เพราะอัตรากำไรขั้นต้นที่หดตัวจากโรงพยาบาลใหม่ๆที่ซื้อมาใน 1-2 ปีนี้ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน เราปรับกำไรปกติปี 2015-16 ลง 7% และ 11% สะท้อน margin ที่ต่ำคาด ทำให้กำไรปีนี้โตเพียง 2% Y-Y ปีหน้าโต 11% Y-Y ซึ่งเติบโตชะลอกว่า 3-4 ปีที่ผ่านมาที่มีการควบรวมกิจการค่อนข้างมาก ทำให้มี PE สูงถึง 41 เท่าปีนี้และยังสูง 37 เท่าปีหน้า เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 21 บาท ยังคงแนะนำเพียงถือ
(-) BEC เราคาดกำไร 3Q15 หดตัวต่อ 17% Q-Q และ 42.5% Y-Y เหลือ 622 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เคยคาดก่อนหน้านี้ จากรายได้โฆษณาที่ชะลอ Q-Q และ Y-Y ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มทั้งจากช่องอนาล็อกเดิมและช่องดิจิตอล 3 ช่องที่รับรู้ตั้งแต่กลาง 2Q14 เราปรับกำไรปี 2015-16 ลงอีก 8-10% เป็นหดตัว 36% Y-Y ในปีนี้และโตเพียง 7% Y-Y ปีหน้า เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 30 บาท (DCF) ยังคงคำแนะนำ ขาย
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบ หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP 3Q15 ขยายตัวน้อยกว่าคาดและตลาดยังได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบเช่นกัน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่หลัง FED ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ฉุดให้ราคาโลหะอ่อนแรงลง
(0) สำหรับตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ขยับลบเล็กน้อย หลังไร้ปัจจัยบวกใหม่ อีกทั้งนักลงทุนยังรอดูผลสรุปการประชุมของ BOJ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยล่าสุดขึ้นเคลื่อนไหวในกรอบ 35.59-35.66 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 46.06 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.12 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯในสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด อย่างไรก็ตามเป็นการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,147.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 28.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยราคาทองคำกลับมาร่วงลงอย่างหนัก หลัง FED ส่งสัญญาณในการประชุมครั้งล่าสุดว่าจะพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30-ต.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ย.
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
1-พ.ย. - จีน: Manufacturing and Non-manufacturing PMI (ต.ค.)
2-พ.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ต.ค.)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ต.ค.)
3-พ.ย. - ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA) ประชุม
4-พ.ย. - ไทย: กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ต.ค.)
5-พ.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.)
- อินโดนีเซีย: 3Q15 GDP
6 พ.ย. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ต.ค.)
10-พ.ย. - ไทย: J เริ่มเทรด (ราคา IPO 2.77 บาท)
- จีน: ยอดสินเชื่อเดือน ต.ค.
- ตลาดหุ้นมาเลเซียและสิงคโปร์ ปิดทำการ
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch