- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 October 2015 17:29
- Hits: 1157
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ก่อนปรับตัวลงต่อ จากบรรยากาศรอบเอเชียและกลุ่ม TIP และเมื่อ SET INDEX หลุดแนว 1,400 จุด ยิ่งทำให้ภาพรวมกลับมาเป็นลบ หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / SCC / ADVANC เผชิญกับแรงขายหนาแน่นมากขึ้น ส่งผลให้ SET INDEX แกว่งแคบบริเวณ 1,390 จุด +/- และปิด ณ สิ้นวันที่ 1,390.04 จุด ลบ 1.36% หรือ 19.22 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,620 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติเร่งขายตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 มากถึง 2,895 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 มากถึง 11,113 สัญญา แม้ว่าจะกลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 1,512 ล้านบาทก็ตาม
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการประชุม BoJ วันนี้
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย. ของไทยในช่วงบ่ายวันนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
การทยอยประกาศผลการดำเนินงาน 3Q58 ของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย
เส้นตาย การขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ วันที่ 3 พ.ย.
การประชุม ครม.วันที่ 3 พ.ย. อาจมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นการลงทุนจากภาคเอกชน
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 2 หลัง SET INDEX หลุดแนว 1,400 จุด ด้วยแรงขายจากต่างชาติ และพอร์ตโบรกเกอร์เป็นสำคัญ ซึ่งเราแนะนำให้นักลงทุนติดตามการลงทุนของพอร์ตโบรกเกอร์อย่างใกล้ชิด เพราะ MTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงซื้อสุทธิหนาแน่น 10,354 ล้านบาท ขณะที่ต่างชาติซื้อสุทธิเหลือเพียง 2,462 ล้านบาท หุ้นที่เป็นลักษณะ High Beta อาจยังเผชิญกับแรงขายจากพอร์ต -โบรกเกอร์ดังกล่าวได้
ขณะที่รายงานภาวะการลงทุนตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลกปรับฐานลงวานนี้ ด้วยความกังวลต่อโอกาสที่เฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. มุมมองของเรากลับให้น้ำหนักกับโอกาสนี้ค่อนข้างน้อย เพราะหากเฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่าในอัตราเร่ง กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ สร้างแรงกดดันต่อภาวะเงินฝืดในประเทศอื่นๆ รวมถึงอียู และอาจกลายเป็นจุดที่ทำให้ ECB ตัดสินใจเพิ่มวงเงิน QE ในการประชุมเดือนธ.ค. เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเงินฝืด ยิ่งกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่ามากขึ้น ด้วยผลกระทบดังกล่าว เราเชื่อว่าเฟดจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
แน่นอนว่า บรรยากาศการลงทุนในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์ ภาพ SET INDEX มีโอกาสแกว่งในกรอบ 1,380-1,400 จุด แนวรับ 1,380 จุด เชื่อว่าจะเกิด Technical rebound รอบสั้น แต่ยังไม่มีแรงส่งที่มากพอที่จะทำให้ SET INDEX กลับไปยืนเหนือ 1,400 จุดได้
ทั้งนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทย เดือนก.ย. ในช่วงบ่ายวันนี้ หากความเชื่อมั่นผู้บริโภค / การบริโภคภายในประเทศ ฟื้นตัว mom ย่อมเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานการลงทุน และช่วยจำกัด downside risk ได้เช่นกัน
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับการประชุม ครม. ต่อมาตรการกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน อาจรวมถึงแนวทางการจัดทำโครงการ PPP ที่จะมีการประมูลและก่อสร้างในปี 2559 จำนวน 5 โครงการ ประเด็นการลงทุนขนาดใหญ่ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่นักลงทุนต่างชาติต่างรอดูความเป็นรูปธรรมของทีมเศรษฐกิจ ซึ่งเริ่มชะลอตัวในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นจุดที่ทำให้ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยบางส่วนในช่วงนี้
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่ซื้อเก็งกำไรระยะสั้นอาจพิจารณาขายทำกำไรเมื่อเกิด Technical Rebound" ทั้งนี้กลยุทธ์รวมกลับมาใช้ในลักษณะ Trading ระยะสั้น คือ ขึ้นแรงขาย ลงแรงซื้อ เหมือนช่วงก่อนอีกครั้ง หลังภาพรวมการลงทุนกลับมาไม่ชัดเจนอีกครั้ง
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: ADVANC/ KTB
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. KTB : ราคาปิด 17.00 บาท ราคาเหมาะสม 18.00 บาท (อิง Consensus)
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะฟื้นตัวได้ หลังรองนายกฯสมคิด เตรียมเสนอแผนกระตุ้นภาคเอกชนเข้าสู่ครม.ในสัปดาห์หน้า
a) ผลการดำเนินงานของ KTB คาดว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีแล้วใน 3Q58 ที่ผ่านมา จากผลกระทบของการตั้งสำรองหนี้สูญของ SSI และคาดว่ากำไรสุทธิจะกลับเข้าสู่การขยายตัว qoq ใน 4Q58 จากการตั้งสำรองที่ลดลง
b) คาดสินเชื่อกลับมาขยายตัวใน 4Q58 จากแรงหนุนของการเบิกจ่ายสินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อยที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ รวมทั้งเป็น High Season ของภาคธุรกิจเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียน
c) KTB จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง โดยเราคาดการณ์เงินปันผลปี 2558 หุ้นละ 0.70 บาท คิดเป็น Dividend Yield 4.1%
d) Valuation ถูก เนื่องจากซื้อขายต่ำกว่า BV ที่ระดับ PBV2559 เพียง 0.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 1.1 เท่า
2. ADVANC : ราคาปิด 230.00 บาท ราคาเหมาะสม 286.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มสื่อสาร และคาดว่าราคาหุ้นจะ Outperform ตลาดได้ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า จากการประมูลใบอนุญาต 4G คลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ในวันที่ 11 และ 12 พ.ย. ตามลำดับ
b) ADAVNC ได้ประโยชน์สูงสุด และคาดว่าจะเป็นผู้ชนะการประมูลใบอนุญาตคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz อย่างละ 1 ใบ และช่วยปลดล็อกความเสี่ยงของรอยต่อสัมปทานคลื่น 900 MHz ที่หมดอายุลงในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
c) ดังนั้น ภายใต้ใบอนุญาตใหม่ จะส่งผลให้บริษัทกลับมาเร่งขยายและพัฒนาโครงข่าย 4G ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบรับความต้องการใช้บริการด้าน Data ที่มีการเติบโตสูงกว่า Double Digit ได้ต่อเนื่อง
d) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +23.9% yoy เป็น 46,433 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลดีเกณฑ์ดีราว 6% ต่อปี
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$380 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$282 ล้าน
โดยเป็นการขายสุทธิทุกตลาด ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยในอัตราเร่ง
นักลงทุนต่างชาติ คงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 2,895 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ขายสุทธิ 5,698 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิสูงกว่า 1.0 แสนล้านบาทเป็นวันที่ 3 เท่ากับ 105,080 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 11,113 สัญญา รวม 3 วันทำการ Short สุทธิ 26,927 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิลดลงเหลือ 61,257 สัญญา กดดันให้ S50Z15 และ SET50 Index ปิดต่ำกว่า 900 จุด อีกครั้ง โดย S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 3 กว้างมากถึง 9.03 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 3.06 จุด และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเหลือเพียง 533 สัญญา
แต่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 1,512 ล้านบาท เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 8,265 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยลดลงต่อเนื่อง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 เล็กน้อย 1.13bps จากวันก่อนหน้าลดลงมากถึง 3.65bps ปิดที่ 2.650%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 อีก 1,819 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,343 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ ยังคงเน้นลดน้ำหนักกลุ่มธนาคาร
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาขายสุทธิ 352 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,149 ล้านบาท โดยยังคงเน้นลดน้ำหนักกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง สรุปภาพรวมการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 8 อีก 551 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,211 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 97 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 468 ล้านบาท กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซื้อสุทธิ 81 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 6 อีก 494 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 440 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้างขายสุทธิ 226 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 165 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 79 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าที่คาด
GDP ใน 3Q58 เติบโต 1.5% qoq ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 1.7% qoq และชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 3.9% qoq
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.60 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consenus เล็กน้อยที่ 2.65 แสนตำแหน่ง และใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.59 แสนตำแหน่ง
ยอดขายบ้านมือสอง เดือนก.ย. หดตัว 2.3% mom สวนทางกับ Bloomberg consensus คาดที่ 1.0% mom เดือนก่อนหน้าหดตัว 1.4% mom
ยุโรป
ดัชนีราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือน: ราคาบ้านเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% mom เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.5% mom ทำให้ราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ GBP196,807
จีน
สรุปแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี หลังเสร็จสิ้นการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์
เป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ 5 ปี (2559-2563) เป็น 6.53% ปรับลดลงจากแผนปัจจุบันที่ 7.0%
ธนาคารกลางจีน ไม่ควรใช้นโยบายการเงินด้วยเครื่องมือ QE เพื่อนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ
จีนยืนยันที่จะไม่ใช้นโยบายค่าเงินหยวนอ่อนค่า เพื่อเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นภาคการส่งออก การก่อนค่าของเงินหยวนในปัจจุบัน เป็นการสะท้อนจากตลาด
ความเสี่ยงด้านนโยบายการคลัง และ ตลาดเงิน ยังคงเพิ่มขึ้น การปรับฐานของตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากการให้มาร์จิ้นซื้อขายหุ้นที่เพิ่มขึ้น
จีนและเยอรมันตกลงด้านอัตราแลกเปลี่ยน: ถือเป็นการเปิดการเชื่อมโยงด้านการเงินระหว่างจีน และ เยอรมัน โดยจะเริ่มที่ตลาด Interbank, การแลกเปลี่ยนเงินสกุลหยวน และ การซื้อขายอัตราดอกเบี้ย ในช่วงแรก โดย CFET ที่บริหารจัดการโดยธนาคารกลางจีน จะเสนอด้านการซื้อขาย และข้อมูลด้าน interbank bonds และ อัตราแลกเปลี่ยน บริการเหล่านี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 18 พ.ย.
เอเชียแปซิฟิก
อัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นหดตัวต่อเป็นเดือนที่ 2: เดือนก.ย. ลดลง 0.1% mom แต่ดีกว่า Bloomberg consensus คาดหดตัว 0.2% mom
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ขยายตัวมากสุดในรอบ 14 เดือน: เพิ่มขึ้น 2.4% yoy ในเดือน ก.ย. ขยายตัวมากสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2557 เร่งตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.1% yoy และมากกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด +0.4% yoy นำโดยการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, โทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้น 46% yoy และรถยนต์เพิ่มขึ้น 14.5% yoy เป็นผลจากการบริโภคที่มีสัญญาณบวกและการผลิตสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้นตามอุปสงค์จากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส
เศรษฐกิจไต้หวันต่ำสุดในรอบ 6 ปี: หดตัว 1.01% yoy ใน 3Q58 นับเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 จากไตรมาสก่อนที่เติบโต 0.52% yoy และแย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดว่าจะหดตัว 0.50% yoy นำโดยภาคส่งออกที่หดตัวแรง นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเปราะบางกระทบภาคการบริโภคในประเทศ
ไทย
คลังดัน PPP 6 โครงการเซ็นปีหน้า: สคร.เร่งผลัดดันโครงการรวมทุนภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) 6 โครงการมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบและดำเนินโครงการได้กลางปีหน้า สำหรับโครงการพีพีพี 6 โครงการ ตอนนี้มี 2 โครงการส่งให้ สคร. พิจารณาแล้ว ได้แก่รถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ส่วนโครงการที่จะตามมาได้แก่ รถไฟฟ้าสานสีน้ำเงิน โครงการมอเตอร์เวย์ โครงการโรงไฟฟ้าขยะ และโครงการท่าเรือ ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพีพีพีที่จะดำเนินการภายใน 5 ปี จำนวน 66 โครงการ มูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530