- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 October 2015 16:08
- Hits: 1791
บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) : Market Comment
ประชุม ECB วันนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบ ได้แรงหนุนจาดผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เช่น General Motors ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด -0.28%, -0.84%, -0.58%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัว จากนักลงทุนรอดูผลการประชุม ECB และแรงกดดันจากหุ้นเครดิตสวิส จากผลประกอบการที่ย่ำแย่ ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด 0.18%, 0.05%, 0.46%, -0.44%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.2 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 0.86 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.85 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยEIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มมากขึ้นเกินคาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ช่วงเข้าผันผวนในแดนบวกตามภูมิภาค โดยตลาดยังคงไม่มีปัจจัยอะไรใหม่และรอผลการประชุม ECB ขณะที่ตลาดมีแรงขายในหุ้นกลุ่มแบงก์ เช่น KBANK แต่มีแรงซื้อใน BBL พยุงตลาดไว้ ทำให้แกว่งตัวแคบในช่วงเช้า ช่วงบ่ายตลาดปรับตัวลงตามตลาดหุ้นจีนที่ลงไปกว่า 3% ในขณะที่ World Bank ได้ปรับประมาณการณ์ราคาน้ำมันดิบในปี 2015 ลงมาเป็น 52ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ 57 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะจีนและตลาดเกิดใหม่ รวมไปถึงอิหร่านที่จะส่งออกน้ำมันเพิ่มหลังสหรัฐยกเลิกการคว่ำบาตร แต่จริงๆแล้วการที่ราคาน้ำมันต่ำก็มีผลดี คือจะไม่กดดันเงินเฟ้อโลก โดยเฉพาะสหรัฐและยูโรโซนที่ต้องการกระตุ้นเงินเฟ้อ สำหรับฝั่งธปท นายวิรไท สันติประภพ(ผู้ว่าธปทคนใหม่) กล่าวว่าที่ประชุมระหว่าง IMF และ Worldbank ยังคงเป็นกังวลความเสี่ยงที่จะมีต่อเศรษฐกิจโลกใน3ปัจจัยคือ 1.ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน 2. ราคา Commodities ตกต่ำ 3. ทิศทางนโยบายการเงินโดยเฉพาะสหรัฐ เนื่องจากช่วงหลังๆมานี้ประเทศในตลาดเกิดใหม่มีการออกตราสารหนี้ค่อนข้างมากทำให้ระดับหนี้ภาคเอกชนสูงและหากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ สำหรับไทยน่าจะมียอดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6% ของ GDP และมีระดับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศค่อนข้างสูง ซึ่งแสดงถึงเสถียรภาพของไทยค่อนข้างแข็งแกร่ง
ส่วนมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ออกมาส่วนใหญ่น่าจะส่งผลเต็มที่ในปีหน้าและการส่งออกน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้บ้าง จึงประเมิณว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2559 อยู่ที่ 3.7% ส่วนปีนี้น่าจะ 2.7% สำหรับการเข้าร่วม TPP นั้นถึงแม้ว่ายังมีเวลาอีก 1-2 ปีที่จะวิเคราะห์ถึงผลกระทบต่อไทยแต่ก็ไม่ควรนิ่งเฉย ปัจจุบันTPP (Trans Pacific Partnership) มีสมาชิก12ประเทศโดยมาสหรัฐเป็นแกนนำและมีประเทศสมาชิกจากอาเซียนคือ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนามและบรูไน เมื่อพูดถึง TPP มักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับ RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) ที่มีสมาชิกกว่า 16ประเทศ คืออาเซียน10ประเทศ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย โดยมีจีนเป็นแกนนำ ในแง่ของขนาดแล้ว RCEP มีประชากร 3500 ล้านคน TPP มี800 ล้านคน แต่ในแง่ขนาดเศรษฐกิจแล้ว RCEP คิดเป็น 29% และ TPP คิดเป็น 38% ของ GDP โลก กลับมาที่ไทยที่มีประชากรประมาณ 1% ของโลก และ GDP 0.5% ของโลก ซึ่งแปลว่าไทยเป็นแค่ส่วนเล็กๆของโลกทำให้เราไม่ควรที่จะเลือกข้างระหว่างมหาอำนาจ แต่ควรรวมกลุ่มเป็น ASEAN เพื่อเชื่อมโยงระหว่าง3 เขตเศรษฐกิจสำคัญคือ RCEP, TPP และ EU ไว้ จึงจะเป็นการปรับตัวที่ดีที่สุด
กลยุทธ์การลงทุน
Trading : ไม่ต่ำกว่าแนวรับแถว ๆ 1,400 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรได้
Saravut Tachochavalit, Analyst
TEL : +66 (0) 2682 9754 Ext. 9754
EMAIL : [email protected]