- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 October 2015 16:03
- Hits: 1795
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
หลัง ธ.พ. รายงานงบ 3Q58 เสร็จ น่าจะให้น้ำหนักหุ้น Real sector ที่มีผลกำไรเด่น BA([email protected]), SIAM([email protected]), SYNTEC([email protected]), JMART([email protected]) วันนี้เลือก EASTW(FV@B14) เป็น Top pick คาด 3Q58 กำไรเติบโตแรง และยังมีโอกาสปรับค่าน้ำอีก 5% ในปี 2559-2561
ตลาดหุ้นโลกอาจกระทบ หากสหรัฐเผชิญปัญหาขยายเพดานหนี้เดือน พ.ย. นี้
ภาพรวมจากปัจจัยภายนอกอาจจะมีน้ำหนักน้อยลง โดยเฉพาะการรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐยังคงส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างล่าช้า โดยยังมีดัชนีที่ดีขึ้น และชะลอตัวผสมผสานกัน ทั้งนี้ล่าสุดพบว่าภาคการบริโภคปรับตัวดีขึ้น สะท้อนยอดการขอสินเชื่อบ้านสำรวจถึง 16 ต.ค. เพิ่มขึ้น 11.8%YoY เทียบกับครั้งก่อนหน้าที่หดตัว 27.6%YoY ขณะที่ภาคการผลิตยังชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอ่อนตัวลงมาติดลบ ทำให้ตลาดเชื่อวา Fed จะเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยออกไปเป็นต้นปี 2559 ซึ่งประเด็นนี้ได้กดดันให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา และล่าสุดเริ่มชะลอการอ่อนค่า โดยเริ่มแกว่งตัวบ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้สินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดยังคงฟื้นตัวเช่นทองคำ
แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาสหรัฐจากนี้คงต้องให้ความสำคัญกับประเด็น ปัญหาเพดานหนี้สาธารณะ (Debt Ceiling) ซึ่ง ล่าสุด นายแจ็ค ลูว์ รมว.คลังสหรัฐ ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและสภาคองเกรส ในขยายเพดานหนี้ (เพดานหนี้ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ18.1ล้านล้านดอลลาร์) ซึ่งหากกระแสคัดค้านเป็นไปตาม รมว. คลัง อาจจะทำให้สหรัฐจะต้องเข้าสู่ภาวะเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้อีกครั้ง เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในปี 2556 จนทำให้รัฐบาลต้องประกาศหยุดงานราชการหน่วยงาน (US Government Shutdown) ในช่วง ต.ค. 2556 ซึ่งทำให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐลดลง 3.8% (ปี 2554 ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐลดลง 16 % ในช่วงที่มีการพิจารณาเพิ่มเพดานหนี้)
ทั้งนี้ หากไม่มีการเพิ่มเพดานหนี้ในรอบนี้ ภายในต้นเดือน พ.ย. 2558 กระทรวงการคลังจะมีเงินสดในการบริการงาน ต่ำมากเพียง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ และจะหมดลงหลังจากนั้นไม่นาน ซึ่งจะส่งผลให้การเบิกจ่ายเงินสำหรับกิจกรรมต่างๆ ของรัฐบาลเกิดความล่าช้าและรัฐบาลจะเผชิญกับภาวะผิดนัดชำระหนี้
หุ้น Real sector น่าสนใจมากขึ้น หลัง ธ.พ. รายงานงบเสร็จ 3Q58 จบ
วันนี้นักวิเคราะห์กลุ่ม ธ.พ. ได้สรุปผลการดำเนินงานงวด 3Q58 แนวโน้มในงวด 4Q58 และปี 2559 ของกลุ่ม ธ.พ. แม้โดยรวมกำไรของกลุ่มฯ ในงวด 3Q58 จะต่ำกว่าคาดเล็กน้อยราว 2% แต่ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนประมาณการกำไรในปี 2558 โดยหากยึดประมาณการเดิมคาดว่ากำไรสุทธิของ ธ.พ. ตลอดปี 2558 จะหดตัว 11% แต่จะฟื้นตัวอีกครั้งราว 17% เกิดจากการตั้งสำรองฯ ที่ลดลง และสินเชื่อจะเติบโต 6% จากปี 2558 แต่อย่างไรก็ตามงบกำไรในปี 2558 จะปรับลดลงอีกหรือไม่จะขึ้นกับนโยบายการตั้งสำรองฯ ลูกหนี้ SSI ของ KTB แม้งวด 3Q58 ได้มีตั้งสำรองฯ บางส่วน แต่ด้วยยอดลูกหนี้ที่มีปัญหา (NPLs) ที่สูงขึ้นมาก ทำให้อัตราการตั้งสำรองหนี้ที่มีปัญหา ต่อ NPLs (LLR/NPLs) ลดลงจาก 124.5% เหลือ 100.6% (ขณะที่ SCB, TISCO ได้ตั้งสำรองฯ กรณี SSI ไปจำนวนมากพอแล้ว ทำให้ LLR/NPLs ลดลงมาอยู่ที 134.8% และ 107.2%) ประกอบกับในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นกลุ่ม ธ.พ. ได้ฟื้นตัวเฉลี่ย 8% มากกว่าการฟื้นตัวของตลาดฯ ระยะสั้นจึงคาดว่าน่าจะมีแรงขายทำกำไรรายตัว จึงยังคงน้ำหนักการลงทุนเท่ากับตลาด ยังชอบ KBANK, TCAP แต่เน้นซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว
ส่วนกลุ่มที่มิใช่ ธ.พ. คาดว่า ผลประกอบการงวด 3Q58 มีแนวโน้มชะลอตัวเช่นกัน ทั้งหุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม สายการบิน ที่จะเข้าสุ่ช่วงฤดูกาล หรือหุ้นที่มีประเด็นบวกรายบริษัท ทั้งนี้ยกเว้นหุ้นบางแห่ง ซึ่งจากการสอบถามนักวิเคราะห์ได้แก่ BJCHI และ EASTW กล่าวคือ EASTW(FV@B14) คาดว่างวด 3Q58 กำไรสุทธิจะสูงสุดของปี แม้ต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้ง ต้นทุนค่าสูบน้ำเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รวมรับรู้กำไรพิเศษ (Mark to market) เป็นเงิน 180 ล้านบาท จากบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง คือ บริษัทยูนิเวอร์แซล ยูทิลิตี้ส์ ซึ่งได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทเอ็กคอมธารา (ผลิตน้ำประปาในพื้นที่ราชบุรี –สมุทรสงคราม) จาก 15.88% เป็น 90.07% ขณะที่ธุรกิจน้ำประปาของบริษัทย่อยก็ได้ทยอยมีกำไรแล้ว จึงช่วยเพิ่ม Gross margin โดยรวมทำให้กำไรสุทธิงวดนี้ อยู่ที่ 552 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56%qoq และ 75%yoy และแนวโน้ม 4Q58 แม้กำไรสุทธิจะชะลอตัวลงจากงวด 3Q58 เนื่องจากงวด 4Q58 เป็นงวดวันหยุดยาวติดต่อกันมาก แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากกำไรสุทธิในงวด 9M58 คิดเป็น 94% ของประมาณการกำไรสุทธิโดยรวมตลอดปี 2558 จึงทำให้มีแนวโน้มปรับเพิ่มกำไรสุทธิจากประมาณการเดิมราว 16% ทั้งนี้ ยังไม่รวมประเด็นบวกที่มีแนวโน้มจะปรับขึ้นค่าน้ำได้อีกราว 5% ในปี 2559-2561 ซึ่งจะมีผลทำให้มีการปรับ Fair value ขึ้นในอนาคต
BJCHI([email protected]) (ให้บริการแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กและรับเหมาก่อสร้างงานทางวิศวกรรม ติดตั้งอุปกรณ์ฯ ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงาน) คาดว่าผลประกอบการในงวด 3Q58 น่าจะทำกำไรได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท เทียบกับในงวด 6M58 ทำกำไรสุทธิได้ 341 ล้านบาท ซึ่งทำให้เชื่อว่าประมาณการกำไรทั้งปี 2558 ที่ประเมินไว้ 1,068 ล้านบาท เป็นไปได้สูง และหากพิจารณาจาก Backlog ปัจจุบันมีอยู่มากถึง 6.5 พันล้านบาท (จะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ 50%) ยังคาดหวังจะได้งานประมูลใหม่เพิ่มเติมภายใน 2H58 ราว 1,200 ล้านบาท และอีก 5 พันล้านบาทในปี 2559 ซึ่งทำให้ประมาณการกำไรปี 2559 จะเติบโต 20% เป็น 1,288 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาราคาหุ้นปัจจุบันลดลงมาจนมี upside 30.77% จึงแนะนำให้ซื้อ อย่างไรก็ตามติดตามรายละเอียดอีกครั้ง หลังจากนักวิเคราะห์ ASPS เข้าร่วมประชุม Analyst meeting ในวันนี้
DELTA(FV59@B92) คาดกำไรงวด 3Q58 ขึ้นทำจุดสูงสุด ในรอบปี ผลจากฤดูกาลส่งออกช่วยหนุน รวมทั้งการปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ไปสู่กลุ่มที่มี margin สูงขึ้น และได้อานิสงส์เงินบาทที่อ่อนค่า สำหรับแนวโน้มงวด 4Q58 จะอ่อนตัวลง เนื่องจากพ้นฤดูกาลส่งออกของอุตสาหกรรม ส่วนปี 2559 คาดธุรกิจหลักยังเติบโตต่อเนื่อง และธุรกิจยานยนต์ที่คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานจะสามารถทำระดับคุ้มทุนได้ในปี 2559 จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เชิงพาณิชย์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นวิ่งไกลสะท้อนพื้นฐานปี 2559 แล้ว จึงยังแนะนำเพียงถือรับเงินปันผลเช่นเดิม
CHG([email protected]) คาดการณ์งวด 3Q58 เติบโต 16.4%yoy ตามช่วงฤดูกาล และการขยายการให้บริการศูนย์โรคหัวใจ ต่อเนื่องไปตลอดช่วงที่เหลือของปี ขณะที่ปี 2559 จะมีการเปิดให้บริการส่วนต่อขยาย รวมทั้งอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการช่วยหนุนผลประกอบการ (ยังไม่รวมในประมาณการ) อย่างไรก็ตาม upside จากราคาปัจจุบันเทียบกับ Fair Value ปี 2559 ค่อนข้างจำกัด จึงแนะนำเพียง ถือ แต่สามารถซื้อเก็งกำไรช่วงสั้นได้
ส่วนหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการงวด 3Q58 ยังชะลอตัวได้แก่
IVL(FV@B33) คาดงวด 3Q58 ผลการดำเนินงานปกติปรับตัวลดลงราว 16.4%qoq จากปริมาณขายที่ลดลง และ Spreadผลิตภัณฑ์โดยรวมปรับตัวลดลง ตามราคาสินค้า commodities ในตลาดโลก 3Q58 แต่เชื่อว่าน่าจะทำระดับต่ำสุดของปี จากนี้ไปน่าจะเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยแนวโน้มกำไร 4Q58 จะพลิกกลับมาเติบโต และต่อเนื่องในปี 2559 หนุนโดยปริมาณขายที่พิ่มขึ้นเป็นหลัก โดยเฉพาะจากโครงการใหม่ที่ทำ M&A ที่จะทยอยสร้างกำไร ผลักดันกำไรขึ้นทำ New high ได้ต่อเนื่อง
M(FV59@B65) คาดการณ์กำไรงวด 3Q58 ลดลง 18%yoy ยอดขายหดตัว 5%yoy จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ยอดขาย
ร้านอาหารเดิมหดตัวรวมกันกว่า 15% ไม่สามารถชดเชยด้วยการขยายสาขาร้านอาหารใหม่ที่เพิ่มขึ้นถึง 37 สาขา ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายการขายและบริหารเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ก็เชื่อว่าน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว และจะฟื้นตัวในงวด 4Q58 จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรปี 2558-59 ลง 17% และ 22% ตามลำดับ
ทั้งนี้แม้ปี 2558 คาดว่าผลกำไรโดยรวมจะชะลอต่ำกว่าคาด แต่คาดว่าในปี 2559 หลายๆ กลุ่มอุตสาหกรรมจะกลับมาเติบโตได้ดีกว่าตลาด ที่เติบโตราว 16% อิง EPS ที่ระดับ 101.95 บาท อาทิ กลุ่ม ธ.พ. เติบโต 18% ค้าปลีก โต 19% รับเหมาฯ โต 25% พลังงาน 24% ปิโตรเคมี 17% ขนส่ง 63% ซึ่งฝ่ายวิจัยจะทยอยรายงานหุ้นที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตกว่าตลาดในปีหน้า หลังจากทำ Earning Preview งวด 3Q58
ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยเล็กน้อย
วานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคราว 99 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนือ่งเป็นวันที่ 3) แต่เป็นการขายสุทธิอยู่ 2 ประเทศ คือ เกาหลีใต้ถูกขายสุทธิราว 45 ล้านเหรียญ (หลังจากซื้อสุทธิต่อเนือ่งเป็น 2 วัน) และฟิลิปปินส์ถูกขายสุทธิราว 2 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4) ส่วนที่เหลืออีก 3 ประเทศต่างชาติยังคงซื้อสุทธิคือ ไต้หวันถูกซื้อสุทธิสูงสุดในภูมิภาคราว 118 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 5) ตามมาด้วยอินโดนีเซียที่ถูกซื้อสุทธิราว 27 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนือ่งเป็นวันที่ 3) ส่วนไทยต่างชาติซื้อสุทธิเล็กน้อยราว 1 ล้านเหรียญ หรือ 29 ล้านบาท (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 2) ต่างกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิราว 903 ล้านบาท (ซึ่งเป็นการขายสุทธิติดต่อกัน 4 วัน โดยมียอดขายสุทธิรวมกว่า 4 พันล้านบาท)
ส่วนทางด้านตราสารหนี้นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 12,038 ล้านบาท ต่างกับนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิราว 1,950 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง โดยล่าสุดอยู่ที่ 35.61 บาท/ดอลลาร์
ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์