- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 October 2015 17:49
- Hits: 2246
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อเก็งกำไร/ถือต่อเมื่อ SET ยืนเหนือ 1400'
Stock Picks-Oct 2015 : Fundamental : AOT, BBL, CK, CPNRF, LPN
Fundamental Pick -Today: GUNKUL
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, AP, QH, SPALI, SNC, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : PS 32%, DTAC 12%, PTTEP 11%
Technical View ภาพตลาดเริ่มเป็นลบเล็กๆ แต่ยังมีโอกาสรีบาวด์ก่อนลงต่ำได้
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1430-1440 ต่ำกว่า 1400
SET50 ซื้อค่าบวก 930-940 ต่ำกว่า 910
Technical Picks- Today : TTCL, S, JMART, TOP, TAPAC, SIAM, EA, RS
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PACE (ปรับจากซื้อเป็นถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้แกว่งในกรอบแคบ ปิดตลาดลดลง 1.47 จุดที่ 1416.91 โดยการเลือกซื้อหุ้นใกนลุ่มธนาคารพาณิชย์ และพลังงานบางตัว เช่น PTT, TOP ช่วยพยุงตลาดเอาไว้ นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิอีก 1.1 พันล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิแต่ไม่มาก (ราว 170 กว่าล้านบาท) ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับแข็งค่าขึ้น (ล่าสุด DXYO อยู่ที่ 94.9 จากระดับต่ำสุด 93.9 ใน 4 วันทำการก่อน) ทั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดบางรายมองว่าเฟดควรเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ธ.ค.ปีนี้, ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง โดยเฉพาะภาคแรงงานและการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งการแข็งค่าของเงินดอลลาร์กดดันราคาทองคำและตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นในช่วงนี้ยังมีปัจจัยกระตุ้นจากการซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q58 และคาดการณ์แนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งของกลุ่มพลังงานทางเลือก (หุ้นเด่น EA, GUNKUL), ทีวีดิจิตอล (หุ้นเด่น WORK, RS), ท่องเที่ยว & สนามบินและสายการบิน (หุ้นเด่น AOT, CENTEL, MINT, AAV), รับเหมา & วัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่น CK, STEC, SCC) เป็นต้น สำหรับหุ้นพื้นฐานที่น่าสนใจแนะนำวันนี้เป็น GUNKUL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ แต่ยังไม่ทิ้งโอกาสรีบาวด์ก่อนลงต่ำ การซื้อใหม่ก็แนะนำให้ตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1430-1440, 1450 จุด ค่าลบ/ต่ำกว่า 1400 จุด ดูไม่ดี ควรลดพอร์ตตาม สำหรับผลการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสทำ New High โดยสามารถเลือกซื้อเก็งกำไรระยะสั้น (แต่ไม่บวกไม่เล่น) ที่เข้ามาใหม่ คือ TOP, JMART ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วสามารถถือต่อหรือพิจารณา Take Profit เมื่อราคาปรับขึ้นต่อ ได้แก่ HMPRO, NCH, ANAN, IFEC, CBG, CWT, ACAP, BIGC, EA
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- จีน : GDP Growth ประจำ 3Q58 เติบโต 6.9%YoY ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำกว่า 7% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี บ่งชี้ถึงสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว (เศรษฐกิจจีนใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ)
อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีน
+ สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านต.ค.58 เพิ่มเป็น 64 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 62 และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.48 โดยได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และอัตราเงินกู้จำนองที่ระดับต่ำ
- เมียนมาร์ : ตลาดเงินปั่นป่วน เนื่องจากทางการประกาศยกเลิกใบอนุญาตถือครองเงินตราต่างประเทศที่เคยออกให้ธุรกิจหลายพันแห่ง ทั้งนี้เพื่อสกัดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ค่าเงินจ๊าดร่วงลงถึง 25%YTD เป็น 1,283 จ๊าด/ดอลลาร์เมื่อวานนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่าการดำเนินการของรัฐบาลอาจทำให้ดอลลาร์ในตลาดมืดได้รับความนิยมมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้เงินดอลลาร์
อินเดีย : S&P ประกาศคงอันดับเครดิตไว้ที่ BBB- แนวโน้มมีเสถียรภาพ ทั้งนี้แม้ว่าสถานะการคลังจะยังอ่อนแอ แต่การค้ากับภายนอกประเทศหนุนความน่าเชื่อถือ
ตลาดหุ้นสหรัฐทรงตัว โดยดัชนี DJIA ปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 14.57 จุด เนื่องจากกังวลเศรษฐกิจจีน หลัง GDP Growth ประจำ 3Q58 ขยายตัวน้อยลง อย่างไรก็ตาม แรงซื้อในกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นบางบริษัทช่วยพยุงตลาดไว้
- ราคาน้ำมันดิบอ่อนลง โดยสัญญา WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 45.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ลดลง 1.85 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 48.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยกดดันคือ การชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจจีน
- ราคาทองคำดิ่งลง ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบธ.ค.ร่วงลง 10.3 ดอลลาร์ หรือ -0.87% ปิดที่ระดับ 1,172.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับแข็งค่าขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
TOT หาพันธมิตรทางธุรกิจร่วมทุน และพลิกฟื้นองค์กร ลดปัญหาผลขาดทุน โดยวันนี้ (20 ต.ค.58) บอร์ดจะพิจารณาหาพันธมิตรจากผู้ประกอบการโทรคมนาคมในประเทศ 5 รายที่ยื่นข้อเสนอมา คือ ADVANC, TRUE, โมบายแอลทีอี, SAMART และ LOXLEY ทั้งนี้ทาง TOT ได้ว่าจ้างให้ดีลอยท์เป็นที่ปรึกษาในกรณีนี้
+ AOT : ยอดผู้ใช้สนามบิน 6 แห่งของบริษัทงวดปีนี้เพิ่มเป็น 106 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นราว 22%YoY จากปีก่อนที่ 87.5 ล้านคน ด้านเที่ยวบินมี 707,362 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 16%YoY ยังผลให้รายได้และ Core Profit ปีนี้จะขยายตัวสูง สำหรับแนวโน้มปีหน้า คาดว่ายังไปได้ดี โดยการเปิดให้บริการอาคาร 2 ที่ดอนเมืองและสนามบินภูเก็ตจะช่วยให้กำลังรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ฝ่ายวิจัยฯ DBS ประมาณการกำไรสุทธิปี 58-59 เติบโต 28% และ 18% ตามลำดับ ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ EV/EBITDA 14.5 เท่า และ 13 เท่า ตามลำดับ ฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยเป็นเงินสดสุทธิ เรายังคงชอบ AOT และให้เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มท่องเที่ยว แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 366 บาท
SCB : ธนาคารรายงานกำไรสุทธิ 3Q58 เท่ากับ 9.0 พันล้านบาท (-32%YoY) เนื่องจากตั้งสำรองค่าเผื่อฯเพิ่มขึ้น รองรับการด้อยคุณภาพของหนี้ SSI แต่ส่วนหนึ่งได้รับการชดเชยด้วยกำไรจากการขายเงินลงทุน สำหรับ NII ลดลงเล็กน้อย 3.7%YoY แต่หากไม่รวมกรณี SSI รายได้นี้จะทรงตัว YoY ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มมาก 75%YoY เพราะมีกำไรจากการขายเงินลงทุน 7.7 พันล้านบาท หากไม่รวมรายการนี้กำไรส่วนนี้จะเติบโต 5%YoY ด้านการกันสำรองฯ ไตรมาสนี้ได้ทำเพิ่ม 1.1 หมื่นล้านบาทรองรับหนี้ SSI ที่กลายเป็น NPL ส่วนสำรองปกติอยู่ที่ 5 พันล้านบาท (แต่ก็มากขึ้นจากสำรองปกติที่ทำใน 3Q57 ที่ 3.2 พันล้านบาท) สำหรับ NPL Ratio ณ สิ้นก.ย.58 อยู่ที่ 3.02% (จาก 2.11% ในสิ้นมิ.ย.58) ด้าน Coverage Ratio ณ สิ้นก.ย.58 อยู่ที่ 100.8% จาก 134.8% ในสิ้นมิ.ย.58 นับว่าธนาคารได้ผ่านจุดต่ำสุดในรอบนี้ไปแล้ว และแนวโน้มกำไร 4Q58 จะดีขึ้นเพราะคาดว่าจะไม่มีการตั้งสำรองพิเศษขนาดใหญ่เข้ามาอีก
+ TCAP : ธนาคารแจ้งกำไรสุทธิ 3Q58 เท่ากับ 2.7 พันล้านบาท (+12%YoY) โดยกำไรก่อนสำรองฯเพิ่มขึ้น 3%YoY และการตั้งสำรองฯลดลง 4%YoY เพราะบริหารหนี้ได้ดีขึ้น ส่วน NPL Ratio ลดลงสู่ระดับ 3.42% ในสิ้นก.ย.58 จาก 4.53% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้าน Coverage Ratio ปรับขึ้นเป็น 111.6% ในสิ้นก.ย.58 และมี CAR 17.63% นับได้ว่าผลดำเนินงานของธนาคารมีเสถียรภาพมากขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม อาจจะยังหวังเรื่องการเติบโตในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวได้ไม่มาก รวมทั้งธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ก็ต้องรอเวลาการฟื้นตัว ซึ่งอาจจะเห็นในปี 60
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค [email protected]