WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Positive Momentum

ตลาดหุ้นวานนี้:
     ตลาดหุ้นไทยวานนี้เปิดดีดตัวขึ้นอย่างโดดเด่น สอดคล้องกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค อีกทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ผลักดันให้ SET INDEX ทดสอบและทะลุ 1,420 จุด ทั้งนี้หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / อสังหาฯ / วัสดุก่อสร้าง ขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,425.32 จุด บวกทั้งสิ้น 20.24 จุด หรือ 1.44% มูลค่าการซื้อขาย 44,223 ล้านบาท
ทั้งนี้เงินทุนต่างชาติกลับมาหนาแน่นอีกครั้ง ด้วยการซื้อสุทธิตลาดหุ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 918 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 มากถึง 11,067 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 11,830 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่า 10-12 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวานนี้

ปัจจัยสำคัญวันนี้
เงินทุนต่างชาติกลับมาหนาแน่นต่อการลงทุนในไทยอีกครั้ง
รองนายกฯ ดร.สมคิด ยืนยัน เดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เกิดความสมดุลย์ ด้วยการผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และ เศรษฐกิจดิจิตอล เพื่อเป็นตัวเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
    ติดตามการประกาศงบ 3Q58 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันที่ 21 ต.ค. และจะตามมาด้วยกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคาร เราให้น้ำหนักกับหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารเป็นสำคัญ
การประชุม ครม. วันอังคารที่ 20 ต.ค. คาดว่าจะมีการนำเสนอโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ค้างการพิจารณามาเสนอ
ติดตาม GDP ใน 3Q58 ของจีน ประกาศวันที่ 19 ต.ค. ณ ปัจจุบัน Bloomberg consensus คาด 6.8% yoy ชะลอตัวจาก 2Q58 ที่ 7.0% yoy
และการประชุม ECB ต่อมุมมองของภาวะเงินเฟ้อ และโอกาสของการเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ในอนาคต

มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุน "กลางถึงบวก" วันที่ 7 หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,420 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นวานนี้ เป็นการยืนยันภาพของ SET INDEX ในมุมมองของเราต่อการขยับขึ้นลักษณะ Sideways-to-Sideways-Up สู่ด่าน 1,440-1,450 จุด ผลักดันด้วยกลุ่มหลักที่เกี่ยวข้องเกาะไปกับนโยบายด้านเศรษฐกิจจากนี้ไปของ ทีมเศรษฐกิจ นำโดย รองนายกฯ ดร.สมคิด ที่กล่าวไว้ในงานสัมมนาวานนี้
ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เกิดความสมดุลย์ระหว่างเศรษฐกิจภายในประเทศ และภาคการส่งออก เพื่อสร้างเข้มแข็งในระบบสังคม มุ่งเน้นพื้นที่ และประชาชนในพื้นที่เป็นที่ตั้ง
การยกระดับภาคการผลิตที่มุ่งสู่นวัตกรรม การเพิ่มมูลค่าเพิ่ม ในสินค้าและบริการ มากกว่า การมุ่งเน้นผลิตเชิงปริมาณที่จะเสียความสามารถเชิงการแข่งขันในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น
การสร้างคลัสเตอร์ และซุปเปอร์คลัสเตอร์ เพื่อเป็น Product Champion นำไปสู่ S Curve ใหม่ของเศรษฐกิจ ด้วยการนำระบบเชื่อมโยงเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น / คลัสเตอร์ / ประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านการลงทุนภาคขนส่ง และเศรษฐกิจดิจิตอล
การเงิน การคลัง ที่จะเป็นตัวผลักดันและสนับสนุนแผนการลงทุน ยืนยันที่จะผลักดันให้เกิด PPP และกองทุน Infrastructure Fund จากนี้ไปกรอบการทำงาน 4 ข้อจากนี้ไป จะเป็นการผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุดจากนี้ไป ซึ่งแน่นอนว่า หากตีความกลับมายังภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2559 เป็นต้นไป การลงทุนภาครัฐ และเอกชน จะร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจ นำไปสู่การเรียกความเชื่อมั่น และการใช้จ่ายภาคการบริโภค ฟื้นตัวกลับมา เราเชื่อว่ากลุ่มหลักได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร จะยังเป็นกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์ในการผลักดันแผนงานจากนี้ไป จึงไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มดังกล่าวมีความแข็งแกร่งกว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยโดยรวม นอกเหนือไปจากกลุ่มอสังหาฯ และ กลุ่ม ICT ที่มีประเด็นเชิงบวกระยะสั้นรออยู่

กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนถือพอร์ตรอขายทำกำไรรอบนี้บริเวณ 1,440 จุด +/- แต่หากหุ้นเป้าหมายกลับปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย กลายเป็นจังหวะของการเพิ่มน้ำหนักเก็งกำไรมากขึ้น"

Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: ITD / TPIPL

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. ITD : ราคาปิด 8.90 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) ราคาหุ้นมี Sentiment เชิงบวก เนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทลูกคือ ITD Cementation ที่ตลาดหุ้นอินเดีย ซึ่ง ITD ถือในสัดส่วน 51.6% ปรับตัวขึ้นโดดเด่นและทำระดับสูงสุดใหม่วานนี้ปิดที่ 102.30 รูปี เพิ่มขึ้นถึง +108% YTD
b) ITD เป็นตัวเก็งที่จะได้งานสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่ง AOT จะเปิดประมูลงานก่อสร้าง 2 สัญญาแรก มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท ในเดือน ธ.ค. 2558 และคาดว่าจะทราบผลเพื่อจ้างผู้รับเหมาในเดือน มี.ค. 2559 ขณะที่อีก 3 สัญญาที่เหลือ คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงต้นปี 2559 และทราบผลเพื่อจ้างผู้รับเหมาในช่วงกลางปี 2559
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างสำหรับการลงทุนในปี 2559 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะมีกระแสข่าวบวกต่อเนื่อง จากการประมูลงานขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากของภาครัฐฯ
d) คาดผลประกอบการ 3Q58 พลิกกลับเป็นกำไร qoq จากผลประกอบการของบริษัทลูกในอินเดียที่ดีขึ้น ขณะที่รายได้จากงานในประเทศยังทรงตัวในระดับสูง
e) ความคืบหน้าของโครงการเหมืองแร่โปรแตซจะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนข้างหน้า โดยปัจจุบันเสร็จสิ้นการพิจารณาระดับจังหวัดแล้ว และขั้นตอนต่อไปคือส่งเรื่องให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาเพื่อจัดทำประชาพิจารณ์ทั้งจังหวัดครั้งสุดท้ายในช่วงปลายเดือน ต.ค. - ต้น พ.ย.
2. TPIPL : ราคาปิด 2.76 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะตอบรับเชิงบวก เนื่องจากคาดว่าครม.จะพิจารณาแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ภายในเดือน ต.ค. และส่งผลให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างขยายตัวในปี 2559 โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจปูนซีเมนต์
b) TPIPL มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์เป็นอันดับ 3 ของประเทศ และจะขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 หลังการขยายกำลังการผลิตปูนซีเมนต์อีก 4.5 ล้านต้นจะเสร็จสิ้นในช่วงปลายปี 4Q58 หรือ 1Q59 และส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 ล้านตัน
c) คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติใน 3Q58 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงไฟฟ้าขยะอีก 55 MW เริ่มจ่ายไฟเข้าสู่ระบบแล้วในกลางเดือนส.ค. น่าจะมาชดเชยกับการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ TPIPL แปลงหนี้สกุลเงินยูโร 163 ล้าน เป็นเงินบาท หลังออกหุ้นกู้สำเร็จ
d) Valuation ของ TPIPL ณ ปัจจุบันซื้อขาย PBV58 ต่ำ 1.0 เท่า เป็น 0.95 เท่า เทียบกับ SCC ที่ 2.80 เท่า และ SCCC ที่ 3.66 เท่า

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียกลับมาซื้อสุทธิ US$399 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$200 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
เม็ดเงินต่างชาติกลับมาหนาแน่นในเชิงบวกอีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 918 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 1,005 ล้านบาท แต่ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงสูงกว่า 1.0 แสนล้านบาท เป็น 101,357 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 11,067 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 11,660 สัญญา เชื่อว่าจะเป็นการ Long สุทธิต่อเนื่อง ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิมากถึง 77,111 สัญญา กดดันให้ S50Z15 กลับมาปิดสูงกว่า SET50 Index เท่ากับ 1.27 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ 4.47 จุด และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิขยับขึ้นเป็น 16,387 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง มากถึง 11,830 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงมากถึง 8.29bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 0.55bps ปิดที่ 2.548%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันที่ 3 เหลือ 394 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 419 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 9 ลักษณะ Basket Orders อีกครั้ง และกลับมาสะสม ICT อีกครั้ง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิหนาแน่นถึง 2,498 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า ซื้อสุทธิเพียง 381 ล้านบาท รวม 9 วันทำการซื้อสุทธิ 10,836 ล้านบาท เป็นลักษณะ Basket order ที่เน้น กลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 5 เร่งขึ้นเป็น 985 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 496 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 352 ล้านบาท พลิกจากขายสุทธิในวันก่อนหน้าที่ 88 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 328 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 68 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 204 ล้านบาท และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 107 ฃ่สยลสม
2. ส่วนกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 17 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
รมว.คลังสหรัฐฯ ขยับเส้นตายเพดานก่อหนี้เร็วขึ้นมา 2 วัน: เป็นวันที่ 3 พ.ย. ที่สภาคองเกรสจะต้องพิจารณาและเพิ่มเพดานก่อหนี้สาธารณะของประเทศขึ้น จากเดิมที่ประเมินเส้นตายไว้ที่ 5 พ.ย. หลังประเมินสภาพคล่องทางการเงินของรัฐบาลลดลงเป็น US$6 พันล้าน ลดลง จากเดิมที่คาดไว้ US$1.0 หมื่นล้าน และหลังจากเส้นตายดังกล่าว รัฐบาลจะเหลือเงินสำหรับการบริหารหน่วยงานราชการได้อีก US$3.0 หมื่นล้าน ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อวันอยู่ที่ US$6.0 หมื่นล้าน
ตัวเลขเศรษฐกิจ ออกมาเป็นกลางถึงลบ
อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. หดตัว 0.2% mom เท่ากับที่ Bloomberg consensus คาด และหดตัวในอัตราเร่ง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.1% mom เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง 4.7% mom
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.55 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg cosnenus คาด 2.70 แสนตำแหน่ง และดีกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.62 แสนตำแหน่ง
ดัชนี Empire State ภาคการผลิต เดือนต.ค. หดตัว 11.36 จุด แย่กว่าที่ Bloomberg consensus คาด -7.00 จุด แต่ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -14.67 จุด โดยคำสั่งซื้อใหม่หดตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน เท่ากับ -18.92 จุด

ยุโรป
สมาชิก ECB ส่งสัญญาณเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมาย: นาย Nowotny ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อ และ อัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงของอียู มีความชัดเจนที่จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ ECB กำหนดไว้ โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในปีนี้ จะอยู่ที่ 0.1% และปีหน้า ที่ 1.1% จากผลกระทบของราคาน้ำมันและวัตถุดิบที่ปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งด้วยปัจจัยนี้ ทำให้ ECB ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักกับปัจจัยดังกล่าว

จีน
ยอดสินเชื่อใหม่สกุลเงินหยวนเพิ่มขึ้นดีกว่าคาด: เดือนส.ค. ยอดเพิ่มขึ้นเป็น 1.05 ล้านล้านหยวน ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 9.0 แสนล้านหยวน

เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4: อยู่ที่ระดับ 1.50% ตามที่ตลาดประเมิน อย่างไรก็ตามปรับลดคาดการณ์ GDP ในปีนี้และปีหน้าลงอยู่ที่ 2.7% และ 3.2% ตามลำดับ จากคาดการณ์ในเดือน ก.ค.เติบโต 2.8% และ 3.3%

ธนาคารกลางอินโดนีเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเดือนที่ 8: อยู่ที่ระดับ 7.50% เท่ากับที่ Bloomberg Consensus ประเมิน ทั้งนี้ธนาคารกลางระบุว่าค่าเงินรูเปียห์ที่แข็งค่าขึ้น รวมถึงโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มีลดลง ทำให้ธนาคารกลางมีช่องว่างในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ยอดส่งออกอินโดนีเซียหดตัวแรงกว่าคาด: หดตัว 17.98% yoy ในเดือน ก.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 12.12% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาดหดตัว 15.00% yoy ทั้งนี้การส่งออกไปยังจีนและเยอรมันหดตัวแรง 5.43% mom และ 13.43% mom ตามลำดับ ด้านการนำเข้าหดตัวแรงเช่นกัน 25.95% yoy ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลที่ US$1.017 พันล้าน
ยอดส่งออกสิงคโปร์ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน: เพิ่มขึ้น 0.3% yoy ในเดือน ก.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 8.4% yoy และสวนทางกับที่ Bloomberg Consensus คาดหดตัว 3.9% yoy นอกจากนี้ยอดส่งออกยังเป็นการเพิ่มขึ้น 2.85 mom นำโดยการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัว 5.7% yoy รวมถึงเวชภัณฑ์ที่ +6.6% yoy ขณะที่ปิโตรเคมีลดลง 19.1% yoy

ไทย
รมว.ICT ชู 5 วาระเร่งด่วนดันเศรษฐกิจดิจิทัลใน 3 เดือน: กระทรวงไอซีทีมีหน้าที่หลอมรวมเทคโนโลยี เพื่อมาสนับสนุน ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลมีเป้าหมาย ยกระดับโครงสร้างการบริหารงานของประเทศด้วย ไอซีที และตั้งเป้าไปสู่ "ดิจิทัล ไทยแลนด์" เพื่อให้ใช้เทคโนโลยีตอบโจทย์เศรษฐกิจ และยกระดับความเป็นอยู่คุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีมากขึ้น นำเสนอเป้าหมายการทำงาน 5 วาระ 1. เพิ่มสมรรถนะและขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นเครื่องมือหรือกลไกหลัก 2.เพิ่มมูลค่าเพิ่มและประสิทธิภาพให้ภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะธุรกิจฐานราก และเอสเอ็มอี 3.สร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม เพื่อสร้างสังคมคุณภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทุกกลุ่ม 4.พัฒนาทุนมนุษย์สำหรับโลกยุคดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้ชาญฉลาดและมีความรับผิดชอบ และ 5.เปลี่ยนกระบวนทัศน์การทำงานและบริการภาครัฐ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ การบริหารจัดการภาครัฐที่ ทันสมัย มั่นคง ปลอดภัยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!