- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 October 2015 16:42
- Hits: 1935
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"มีลุ้นรีบาวด์สั้นตามภูมิภาค"
Stock Picks-Oct 2015 : Fundamental : AOT, BBL, CK, CPNRF, LPN
Fundamental Pick -Today: SAMTEL (ดูรายละเอียดในหน้า 3)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, AP, QH, SPALI, SNC, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : THAI 15%, BEC 12%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ การซื้อขายเน้นตามด้วยค่าบวก
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1410-1420 ต่ำกว่า 1390
SET50 ซื้อค่าบวก 920-930 ต่ำกว่า 900
Technical Picks- Today : MTLS, EPG, LH, SAMART, CSS, EFORL, FSMART, BJC
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้ปิดลดลงเล็กน้อย 1.61 จุดที่ 1405.08 จุด โดยมีแรงขายทำกำไรแบบ Sell on fact ต่อในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งลดพอร์ตการลงทุนในกลุ่มพลังงาน&ปิโตรเคมี และกลุ่มธนาคารพาณิชย์หลังดัชนีตลาดปรับขึ้นเหนือ 1400 จุด โดยความไม่แน่นอนเรื่องการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดกลับมาอีกรอบหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนออกมาหนุนให้เฟดเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่ปลายปีนี้ รวมถึงวิตกการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกหลังมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของจีนหดตัวและ CPI เดือนก.ย.ของจีนกลับมาลดลงอีกครั้งในรอบ 3 เดือน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 930 กว่าล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มเป็นซื้อสุทธิแต่ไม่มาก
ตัวเลขค้าปลีกเดือนก.ย.ของสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด และดัชนี PPI ติดลบเมื่อเทียบ MoM ตอกย้ำความเชื่อของนักเศรษฐศาสตร์กลุ่มที่มองว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ รวมถึงคาดการณ์ว่าจีนอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังภาคการผลิตและการค้าระหว่างประเทศอ่อนแอลง ทำให้ตลาดมีโอกาสรีบาวด์ในช่วงสั้น แต่ยังต้องระวังว่าระยะทางของการปรับขึ้นของตลาดหุ้นอาจจะจำกัด และอาจถูกกดดันให้อ่อนตัวลงอีกรอบถ้าผลประกอบการ 3Q58 แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยนั้นเป็นเรื่องบวก แต่ผลดีที่จะเกิดกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่เห็นในระยะสั้นเพราะต้องใช้เวลาส่งผ่าน ซึ่งเราคาดว่าจะเห็นผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจนในปี 59 ส่วนกลุ่มสื่อสาร ยังมีปัญหาเรื่องการนำคลื่น 900 MHz มาเปิดประมูล (TOT อาจฟ้องศาลปกครองกรณีกสทช.จะนำคลื่นนี้มาเปิดประมูล แต่เชื่อว่าในที่สุดน่าจะตกลงกันได้) ส่วนคลื่น 1800 MHz ยังเป็นไปตามแผน เรามองว่าการลงทุนในโครงข่ายและการวางระบบสื่อสารโทรคมนาคมจะมีมากขึ้นในปี 59 หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น SAMTEL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1420-1430 จุด ค่าลบ/ต่ำกว่า 1390 จุด ดูไม่ดี สำหรับผลการ SCAN เห็นว่าหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี สามารถเลือกซื้อเก็งกำไรระยะสั้น (แต่ไม่บวกไม่เล่น) ได้แก่ ACAP, WHA, MTLS, EPG, LH, EFORL, FSMART, BJC ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วสามารถถือต่อหรือพิจารณา Take Profit เมื่อราคาปรับขึ้นต่อ คือ HMPRO, NCH, AP, APCS, SAMART, PYLON, CK, FORTH, KAMART
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- ยูโรโซน : การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ชะลอลง การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ลดลง 0.5%MoM แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.9%YoY เนื่องจากการผลิตภาคพลังงานหดตัว 3.0%MoM และการผลิตสินค้าทุนลดลง 1.0%MoM ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมของทั้งยุโรปหดตัว 0.3%MoM แต่เพิ่ม 1.9%YoY
สหรัฐ : รายงงาน Beige Book ของเฟดระบุว่าเศรษฐกิจขยายตัวเล็กน้อยในครึ่งหลังของเดือนส.ค.58 โดยรายงานกล่าวว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคของสหรัฐขยายตัวเพียงเล็กน้อยในช่วงกลางเดือนส.ค.จนถึงต้นเดือนต.ค.58 เพราะกิจกรรมภาคการผลิตถูกกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
เฟดแอตแลนตาคาดการณ์ GDP Growth ของสหรัฐใน 3Q58 เติบโต 0.9% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ของตลาดที่ 1.0% เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง
/- สหรัฐ : ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.58 เพิ่มขึ้น 0.1%MoM น้อยกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 0.2%MoM
- สหรัฐ : ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ก.ย.ร่วงลง 0.5% MoM บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อด้านต้นทุนอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของราคาน้ำมัน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และการผลิตที่ไม่แข็งแกร่งมากนัก
สหรัฐ : ปัจจัยจับตาในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ วันพฤหัสฯมีรายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย., ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนต.ค.58 และผลการสำรวจภาวะธุรกิจเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย สำหรับวันศุกร์เป็น การผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ความเชื่อมั่นที่ปรึกษาการเงินต่อตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน โดยผู้ที่มีความเชื่อมั่นเพิ่มเป็น 36.5% จาก 30.2% ในสัปดาห์ก่อนหน้า และผู้ไม่มีความเชื่อมั่นลดลงเป็น 31.2% จาก 34.4% แต่จะสังเกตได้ว่าสัดส่วนของผู้มีความเชื่อมั่นและไม่เชื่อมั่นอยู่ในระดับ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่ได้ห่างกันมาก (สำรวจโดย Investors Intelligence)
- ดัชนี DJIA ของสหรัฐร่วงลง 157.14 จุด เนื่องจากกังวลผลประกอบการในกลุ่มค้าปลีก หลังวอลมาร์ทฯ ปรับลดแนวโน้มยอดขายปีนี้ และการลงทุนในระบบดิจิตอลกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ก็จะส่งผลกระทบต่อกำไรในปี 59 และผลประกอบการถูกกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่าที่คาดไว้ ส่วนเจพี มอร์แกน ก็มีรายได้ใน 3Q58 ลดลงเพราะตลาดการเงินผันผวนและดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
ราคาน้ำมันดิบทรงตัว โดยสัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบพ.ย.58 อ่อนลง 2 เซนต์ และ 9 เซนต์ ปิดที่ 46.64 และ 49.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ โดยตลาดรอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ EIA จะรายงานออกมาในวันนี้ และยังมีความกังวลกับปัญหาอุปทานล้นตลาด ซึ่ง IEA คาดว่าจะเป็นไปถึงปี 59
+ ราคาทองคำปรับขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาอ่อนกว่าคาด โดยสัญญาตลาด COMEX ส่งมอบธ.ค.58 พุ่งขึ้น 14.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1179.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงของสหรัฐทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการถือครองทองคำมากขึ้น ทั้งนี้ปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นมาก คือ ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
+ ไทย : ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.กระเตื้องขึ้น ประธานส.อ.ท. เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.58 ขยับขึ้นเป็น 82.8 จาก 82.4 ในเดือน ส.ค.58 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน โดยเป็นผลจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มเพื่อขายในช่วง 4Q และการอ่อนค่าของเงินบาทในเดือนก.ย.ช่วยหนุนภาคส่งออกด้วย ส่วนดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นเป็น 102.6 จาก 102.0 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนนี้มาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นหลัก สำหรับข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการ คือ อยากให้ภาครัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ขยายตลาดและลดอุปสรรคทางการค้า และสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือลงทุนระหว่างภาครัฐ & เอกชน (Public and Private Partnership : PPP)
-/ กลุ่มยานยนต์ : ปรับลดเป้าหมายการผลิตรถรยต์ปีนี้สะท้อนยอดขายในประเทศที่ซบเซาแต่ส่งออกยังเป็นไปตามเป้าหมาย ส.อ.ท.ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของไทยปี 58 ลงเป็น 1.95-2.0 ล้านคัน (เดิม 2.0-2.05 ล้านคัน) โดยเป็นยอดผลิตเพื่อขายในประเทศ 0.75-0.80 ล้านคัน (เดิม 0.85 ล้านคัน) และผลิตเพื่อส่งออก 1.2 ล้านคัน (คงเดิม) สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศ 9M58 อยู่ที่ 553,826 คัน ลดลง 14.6%YoY โดยเป็นผลกระทบจากจบโครงการรถยนต์คันแรก ภาวะเศรษฐกิจซบเซายาว และระดับหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูง
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : เรามีมุมมองที่เป็น Neutral กับกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน โดยประเมินว่าอุตสาหกรรมได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วแต่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนาน โดยเฉพาะยอดขายในประเทศที่จะยังซบเซาไปอีกในปี 59 เพราะกำลังซื้อผู้บริโภคที่ฟื้นตัวช้า อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณบวกจากการส่งออกที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น สำหรับผลประกอบการกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนคาดว่าในปี 58 ยังไม่สดใสเพราะถูกต่อรองราคาลงมากจากค่ายรถยนต์และผู้ซื้อใน Tier-1 (บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ส่วนใหญ่อยู่ใน Tier-2) ส่วนในปี 59 คาดว่าจะกระเตื้องขึ้นในแง่ของปริมาณขายและมาริ์จิ้นจะยังไม่ดีมากนัก กลยุทธ์ แนะนำทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว หุ้นเด่น AH, SAT, STANLY
/- กลุ่มสื่อสาร : TOT จะฟ้องกสทช.เรื่องนำคลื่น 900 MHz ไปเปิดประมูล บอร์ด TOT จะประชุมวันที่ 20 ต.ค.นี้ แหล่งข่าวคาดว่าจะมีการอนุมัติให้ยื่นฟ้องกสทช.ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อคัดค้านการเปิดประมูล 4G คลื่น 900 MHz จำนวน 20 MHz โดยกล่าวว่าเป็นทรัพย์สินของ TOT (ที่มา : แนวหน้า ฉบับวันที่ 15 ต.ค.58)...ความไม่แน่นอนและความขัดแย้งขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบเป็นลบต่อ Sentiment การลงทุนในกลุ่มสื่อสารทั้งที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานและการวางระบบ กลยุทธ์ เน้นซื้อจังหวะอ่อนตัว หุ้นเด่น INTUCH, SAMTEL
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค
[email protected]
Update อุตสาหกรรม & หุ้นในเชิงกลยุทธ์
# SAMTEL (ราคาปิด 21.10 บาท, ราคาพื้นฐาน 27.50 บาท) : บริษัทได้ลงนามในสัญญารวม 6.4 พันล้านบาท ในงวด 8M58 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากจากระดับ 1.9 พันล้านบาท ณ สิ้นสุด มิ.ย.58 จึงคาดว่าผลการดำเนินงานในงวด 2H58 จะแข็งแกร่งขึ้นมาก
ผู้บริหารกล่าวว่ามีโอกาสที่จะลงนามในสัญญาเพิ่มอีก 5.4 พันล้านบาทในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ ซึ่งประมาณ 3.4 พันล้านบาท มาจากโครงการดิจิตอลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หากการได้งานเป็นไปตามคาด ปลายปีนี้จะมีงานในมือ (Backlog) สูงถึง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 60-70% จะรับรู้เป็นรายได้ในงวดปี 59
สำหรับการรับรู้รายได้ ผุ้บริหารบริษัทคาดว่าปี 59 มีโอกาสแตะ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 43% จากปี 58 ที่ 7 พันล้านบาท ดังนั้นแนวโน้มผลดำเนินงานของ SAMTEL จะฟื้นตัวดีขึ้นใน 2H58 และเติบโตแกร่งในปี 59 (คาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรใน Consensus อยู่ที่ +22%)
แนวโน้มระยะยาวยังไปได้ดี เพราะหลังประมูล 4G แล้วคาดว่างานเกี่ยวกับการวางระบบไอทียังจะมีเข้ามาอีกมาก โดยทางกสทช.คาดการณ์ตัวเลขลงทุนในโครงข่ายและวางระบบที่เกี่ยวกับ 4G ไว้สูงถึง 1.5 แสนล้านบาท
ในเชิงกลยุทธ์ เราแนะนำซื้อ SAMTEL ปัจจัยหนุนคือ งานใหม่ที่เข้ามาเพิ่มช่วยหนุนการเติบโตทั้งในระยะสั้น-ยาว นักวิเคราะห์ในให้ราคาพื้นฐานที่เป็น Consensus ไว้เท่ากับ 27.50 บาท (เทียบเท่ากับ P/E ปี 59 ที่ 20 เท่า) ซึ่งมี Upside จากราคาปิดเมื่อวานนี้ 30%
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค
[email protected]