- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 October 2015 15:55
- Hits: 1005
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
การพักฐานของราคาน้ำมันดิบโลก
SET View
ภาวะตลาดหุ้น คาดวันนี้ SET พักตัว ด้วยแรงกดดันจากการปรับฐานของราคาน้ำมันดิบโลกทั้ง Brent และ WTI ร่วงแรงมากถึง 5% หลังจากมีการรายงานกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC ขึ้นไปแตะระดับ 31.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555 ประเมินแนวรับ SET วันนี้ 1400 จุด และแนวต้าน 1420 จุด
ประเด็นข่าว / ดัชนีเศรษฐกิจ
•การประชุม ครม.วันนี้ จะมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯระยะสั้น ตลาดคาดเน้นวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 3 ล้านบาท, ขยายเวลาชำระหนี้สูงสุดเป็น 35-40 ปี จากเดิม 30 ปี, ลดค่าธรรมเนียมการโอน (เดิม 2%) และจดจำนอง (เดิม 1%) เหลือแค่ 0.01% ของราคาประเมิน ส่วนภาษีธุรกิจเฉพาะ น่าจะคงไว้ เพื่อป้องกันการเก็งกำไรอสังหาฯมากเกินไป ในเชิงกลยุทธ์ แม้ข่าวนี้เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหาฯ แต่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นพอสมควรเพื่อมารอข่าวแล้ว ดังนั้น นักลงทุนต้องระวังการ Sell on fact ในวันนี้
•วันนี้ มีหุ้น IPO คือ SCI เข้าซื้อขายวันแรกในกลุ่มพลังงาน ใน SET ราคา IPO 5.90 บาท ราคาพาร์ 1 บาท
•วานนี้ LHBANK รายงานกำไรสุทธิ 3Q58 เท่ากับ 443 ล้านบาท (+5%QoQ, +21%YoY) ดีกว่าตลาดคาด 16%
กลยุทธ์การลงทุน : รอดูสถานการณ์ หรือเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว
Top Daily Pick : SAMTEL (มูลค่าเหมาะสม 23 บาท) คาดกำไร 2H15 เติบโตโดดเด่น (คาดโต 100% เทียบกับ 1H15) จาก Backlog รอบันทึกรายได้กว่า 1.8 พันล้านบาทและการประมูลงานใหม่ และ MC (มูลค่าเหมาะสม 15.70 บาท) ได้ประโยชน์จากนโยบายกองทุนหมู่บ้าน, Valuation ไม่แพง (P/E ratio 14 เท่า, Dividend yield 5%), เชิงเทคนิค ราคายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน มีโมเมนตัวเชิงบวกในการฟื้นตัวต่อ
Technical Pick : LPN AP CBG SEAFCO SPALI (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน)
Theme Plays : หุ้นท่องเที่ยวหลังจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเริ่มคลี่คลาย (MINT, ERW)/ เก็งมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ (PS, LPN, SPALI, SIRI)/ หุ้นเกี่ยวข้องกับการลงทุนภาครัฐ (CK, ITD, STEC, SEAFCO, SAMTEL)
Strategy Talk
ว่าด้วยเรื่องของ TPP (Trans-Pacific Partnership)
วานนี้ เราเข้าร่วมงานสัมมนาสาธารณะเรื่อง “TPP (กับทางเลือกของประเทศไทย” จัดโดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (Thailand Development Research Institute หรือ TDRI) โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
•เนื้อหาข้อตกลง TPP ฉบับสมบูรณ์ ยังไม่มีการรายงานออกมาอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้น การวิเคราะห์ของฝ่ายวิจัยหรือหน่วยงานต่างๆ เป็นการคาดการณ์ผลกระทบในเบื้องต้น
•กลุ่มสมาชิก TPP มีความสำคัญต่อการค้าของไทย เพราะไทยมีการส่งออกไปใน 12 ประเทศในกลุ่ม TPP มากถึง 40% ของยอดส่งออกรวมของไทย ขณะที่ไทยมีข้อตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement หรือ FTA) กับสมาชิกของ TPP เป็นส่วนใหญ่แล้ว ยกเว้น สหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก
•TDRI คาดว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบเชิงลบค่อนข้างมาก คือ กลุ่มสิ่งทอ ซึ่งปัจจุบัน การส่งออกไปสหรัฐฯมีกำแพงภาษีสูง (ช่วง 5-25%) ขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม กำลังจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการเข้าร่วมกลุ่ม TPP
•สำหรับกลุ่มยานยนต์ ประเด็นสำคัญคือ (1) กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) เกี่ยวกับการใช้สัดส่วนวัตถุดิบภายในประเทศ (Local content) ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะญี่ปุ่นเสนอให้ใช้ 30% เนื่องจากญี่ปุ่นมีฐานการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศไทยค่อนข้างมาก ขณะที่แคนาดาและเม็กซิโก เสนอให้ใช้สัดส่วน 50% (2) นโยบายภาษี 0% ที่จะให้กับผู้ส่งออกในกลุ่ม TPP ต้องใช้เวลาในการทยอยปรับลดภาษีลงมานานถึง 30 ปี (ไม่ใช่ภาษี 0% ในทันที) ซึ่งเรามองว่า จะมีผลกระทบต่อกลุ่มยานยนต์ในไทย ในระยะยาวมากกว่า (รายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ Analyst Note กลุ่มยานยนต์เช้านี้)
•เนื่องจากหากไทยต้องการเข้าร่วมกลุ่ม TPP ต้องใช้เวลานานไม่น้อยกว่า 2 ปี (จากบทวิเคราะห์ของบริษัท ไบรอัน เคลฟ (ประเทศไทย) จำกัด) ดังนั้น ทางเลือกของประเทศไทยในตอนนี้ ที่ TDRI นำเสนอ ได้แก่ เร่งการเจรจาความร่วมมือทางการค้าอื่นๆ เช่น RCEP (ASEAN+6), FTA กับยุโรป, สร้างฐานการผลิตในเวียดนามหรือมาเลเซีย เพื่อให้เข้าถึงตลาด TPP
Smart Port Note
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.04
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.95
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.85
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.65