- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 12 October 2015 17:40
- Hits: 1676
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
มุมมองเป็นบวกอย่างระมัดระวัง
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกแต่ขณะเดียวกันก็ระมัดระวังด้วย ต่อปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ข่าวเศรษฐกิจดิจิตอล และความพยายามเร่งโครงการรถไฟไทย-จีนเป็นปัจจัยบวก ขณะที่มุมมองว่า Fed ยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย สภาพกรีซที่ดีขึ้น ก็เป็นบวกเช่นกัน
หุ้นเด่นวันนี้ : CENTEL (ราคาปิด 40.00 บาท, ราคาเป้าหมายปี 58 AWS 42.00 บาท, Bloomberg 41.56 บาท)
บมจ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่องไปในปีหน้า ซึ่งภาคธุรกิจท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจซึ่งรัฐบาลตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวที่ 2.3 ล้านล้านบาทในปี 59, 2.5 ล้านล้านบาทในปี 60 จากเป้าหมายปีนี้ที่ 2.2 ล้านล้านบาท ในช่วงแปดเดือนแรกของปี 58 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาประเทศไทยเติบโต 30% YoY เป็น 20.1 ล้านคน และยังคงมีแนวโน้มสดใสจากไทยได้เข้าสู่ช่วงพีคของฤดูกาลท่องเที่ยวในไตรมาสสุดท้ายของปีแล้ว การเปิด AEC ตั้งแต่สิ้นปีนี้จะยิ่งช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวภายในภูมิภาคมากยิ่งขึ้น เรายังคงประมาณการเดิมว่าบริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้เติบโตแข็งแกร่ง 36% YoY และยังเติบโตที่ 9% YoY ต่อเนื่องในปี 59 Price Pattern ของ CENTEL ขณะนี้อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่งโดยเกิดสัญญาณซื้อทั้งรายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน และกำลังปรับตัวขึ้นไปเพื่อทดสอบราคาสูงสุดเดิมที่ 41.25 บาท ก่อนจะทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่ 44.50 บาท (แนวต้าน: 40.25, 40.50, 41.00; แนวรับ: 39.75, 39.50, 39.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
พัฒนาที่ดินกรมธนารักษ์ กรมธนารักษ์ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำแผนพัฒนาที่ดิน 12.5 ล้านไร่ คาดแล้วเสร็จปีนี้ โดยมุ่งเป้าพัฒนาที่ดิน 3 ลักษณะคือสำนักงานราชการ สวนสาธารณะและโลจิสติกส์ (Bangkok Post)
ไทยจีนมุ่งเร่งโครงการระบบราง รมว.ต่างประเทศไทยได้กล่าวว่าไทยจีนตกลงที่จะเร่งโครงการร่วมทุนระบบรางโดยการก่อสร้างจะเริ่มก่อนสิ้นปี สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่าจีนหวังว่าจะได้เริ่มโครงการโดยเร็ว (Bangkok Post)
บทลงโทษนอมินีไทยกำลังจะมา กรมการพัฒนาธุรกิจการค้ามีแผนที่จะพิจารณาบริษัทสัญชาติไทยที่เป็นนอมินีในการควบคุมของบริษัทต่างชาติใน 10 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม, การท่องเที่ยว, อสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า, การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์, การเช่ารถยนต์, สปา, สินค้าหัตถกรรมและของที่ระลึก, การขายทางอินเตอร์เนต, ขายตรงและธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการศึกษา
รัฐบาลประกาศ 6 โครงการสำคัญของเศรษฐกิจดิจิตอล รมว. กระทรวงไอซีที ได้ประกาศ 6 โครงการหลักเพื่อสนับสนุนวาระเศรษฐกิจดิจิตอล ในแผนได้รวมถึงการพัฒนาภูเก็ตและเชียงใหม่ให้เป็นเมืองต้นแบบด้วย (The Nation)
TISCO รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3/58 หดตัวลง 25.6% YoY แต่ยังมากกว่าการคาดการณ์เฉลี่ยของนักวิเคราะห์ เนื่องจากการตั้งสำรองพิเศษจากปัญหา NPLs ของ SSI UK อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการยังออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 695 ลบ. ส่งผลให้ผลประกอบการรวมเก้าเดือนแรกอยู่ที่ 3,006 ลบ. ลดลง 0.3% YoY (SET)
ต่างประเทศ :
นักลงทุนยังมองในแง่บวก อารมณ์ตลาดทั่วโลกเป็นไปในแง่ดีมากขึ้นหลังจากการเผยแพร่รายงานการประชุมเฟดฉบับเดือนก.ย. และเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงต้นปีหน้าเพราะเกรงว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลกนั้นจะทำเศรษฐกิจสหรัฐไม่เติบโตตามแผน เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นมากในสัปดาห์ก่อนและนักลงทุนคาดผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทในสหรัฐว่าจะอ่อนแอ จึงเป็นผลให้เกิดการทำกำไรในตลาด อย่างไรก็ตาม มีความคาดหวังว่าธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่นจะออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มขึ้นอีก (Reuters)
มีสัญญาณว่าอารมณ์ของนักลงทุนจ่อตลาดเกิดใหม่อาจเปลี่ยนทิศทางแล้ว รายงานกระแสการไหลของเงินทุน (fund flow) จาก Bank of America Merrill Lynch แสดงถึงปริมาณเงินไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ต่ำสุดนับแต่เดือนก.ค. หุ้นในตลาดเกิดใหม่มีการซื้อคืนเป็นจำนวนเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 9 เดือนของปี 58 เป็นเงินไหลออกครั้ง 13 ติดต่อกันซึ่งยาวนานที่สุดนับแต่ต้นปี 2557 อย่างไรก็ตาม มีความหวังริบหรี่เนื่องจากเงินลงทุนที่ไหลออกจำนวน 600 ล้านดอลลาร์ในครั้งนี้เป็นจำนวนน้อยที่สุดนับแต่เดือนก.ค. (Reuters)
ผู้นำทางการเงินโลกหลายชาติยังมองเศรษฐกิจจีนในแง่ดี บรรดาผู้นำทางการเงินระดับโลกหลายรายเชื่อว่าจีนจะรอดพ้นจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวและสามารถจัดการส่งผ่านการเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จจากการส่งออกไปยังเศรษฐกิจผู้บริโภคถึงแม้จีนจะมีหนี้ภายในประเทศจำนวนมหาศาล เป็นข้อความจากการประชุมประจำปีของ IMF/ธนาคารโลกที่กรุงลิมา ประเทศเปรู (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีหุ้นในตลาดวอลล์สตรีทปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.3% ในสัปดาห์ก่อน ดีที่สุดตั้งแต่ ธ.ค. 57 เนื่องจากนักลงทุนกลับมามีมุมมองเชิงบวกหลังจากที่ตลาดผันผวนอย่างหนักตั้งแต่ปลายเดือนส.ค. จากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกและความไม่แน่นอนในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ (Reuters)
หุ้นในกลุ่มการเงินเป็นประเด็นจับตามองในสัปดาห์นี้ เนื่องจาก Goldman Sachs Group, Bank of America Corp และธนาคารขนาดใหญ่อื่น ๆ จะประกาศผลการดำเนินงาน (Reuters)
ผู้กำหนดนโยบายเฟดมีแนวโน้มจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้แต่เป็นแค่ “การคาดการณ์” ไม่ใช่ “ข้อผูกมัด” และอาจเปลี่ยนแปลงได้ถ้าเศรษฐกิจโลกผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐเปลี่ยนทิศทาง เป็นคำกล่าวของนาย Stanley Fischer รองประธานคณะผู้ว่าเฟด (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวสูงขึ้นในรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ประกอบกับความคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง (Reuters)
คณะกรรมาธิการยุโรปคาดจะเห็นการเติบโตของเศรษฐกิจกรีซในช่วงกลางปี 2559 หากกรีซมีความพยายามที่จะเรียกเสถียรภาพทางการเงินกลับมาได้ โดยในปี 2557 เศรษฐกิจกรีซกลับมาเติบโตอีกครั้งในอัตรา 0.8% และก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการยุโรปคาดว่าจะเติบโตในปีนี้ได้ราว 2.5% แต่กลับโดนกดดันจากรัฐบาลซ้ายจัดของ Alexis Tsipras ที่ทำให้เศรษฐกิจกลับไปหดตัวอีกครั้ง (Reuters)
เอเชีย :
จีนเดินหน้าข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศตามติดข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ของสหรัฐฯ จีนและอินเดียมีกำหนดเจรจาร่วมกันเป็นการเร่งด่วนในประเด็นการค้าระหว่างประเทศทั่วเอเชียในสัปดาห์นี้ หลังจากที่สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศต่างๆ ใน Trans-Pacific Partnership ได้บรรลุข้อตกลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้จีนถือเป็นผู้ผลักดันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RECP) ซึ่งประกอบไปด้วย 16 ประเทศภายใต้การค้าเสรีซึ่งจะเป็นเขตการค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก ครอบคลุมประชากรกว่า 3.4 พันล้านคน (Reuters)
จับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีนสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลข CPI/PPI ในวันพุธ และข้อมูลการค้าเดือน ก.ย. ในวันอังคาร โดยเฉพาะการส่งออกและการนำเข้า (คาดการณ์การส่งออกหดตัว 6.3% YoY และการนำเข้าหดตัว 15.0% YoY) (Reuters)
นาย Akira Amari รมว. เศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่ยินยอมที่จะให้มีการเจรจาข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ใหม่อีกครั้ง หลังจากที่นาง Hillary Clinton กล่าวคัดค้านการค้าเสรีดังกล่าว (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ทองขึ้นเพราะ Fed ยังผ่อนคลายดอกเบี้ย ทองตลาดจรปรับขึ้น 18.57 ดอลลาร์หรือ 1.63% มาอยู่ที่ 1,157.13 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังแตะจุดสูงสุดรอบ 7 สัปดาห์ที่ 1,159.80 ดอลลาร์สหรัฐเพราะโลหะมีค่าได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าหลังรายงานประชุม Fed ระบุว่า Fed ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย (Reuters)
ความกังวลอุปสงค์ยังคงอยู่ แม้แท่นขุดเจาะลดลง Baker Hugh Inc. รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐลดลง 9 แท่นสู่ 605 สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด 9 ต.ค. ช่วยหนุนน้ำมันได้บ้าง แต่นักวิเคราะห์ยังคงกังวลว่าจำนวนแท่นที่ลดไม่พอที่จะหยุดราคาน้ำมันให้ไม่ลงได้ NYMEX บวก 20 เซนต์ ปิดที่ 49.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล Brent ปิดลง 40 เซนต์แตะ 52.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094