- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 12 October 2015 17:20
- Hits: 1037
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ SET INDEX เปิดยืนเหนือ 1,400 จุด ผลักดันด้วยกลุ่มพลังงาน / กลุ่มปิโตรเคมีอย่างโดดเด่น หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX ขยับขึ้นทดสอบด่าน US$50/barrel ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย อีกทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างโดดเด่นสู่ 35.50-35.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ สร้างบรรยากาศเก็งกำไร ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,411.33 จุด บวก 19.18 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 54,492 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติน่าสนใจต่อเนื่อง ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,324 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 9 มากถึง 11,817 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 หนาแน่นถึง 27,108 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่หนาแน่น รวมถึงตลาดหุ้นไทย
•ความตึงเครียดในซีเรีย ล่าสุดซาอุฯ ได้ส่งอาวุธสนับสนุนกลุ่มกบฎ เพื่อใช้ต่อสู้กับทหารของรัสเซียที่เข้ามาช่วยรัฐบาลอัสสาสของซีเรีย ส่งผลให้บวกต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
•ติดตามค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อประเมินกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้น และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ของไทย
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุน “กลางถึงบวก” วันที่ 3 หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,410 จุดวันศุกร์ที่ผ่านมา เท่ากับเป็นการยกเลิก Downward Trend ของ SET INDEX ที่เกิดขึ้นมาตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา รอบการฟื้นตัวนี้ มีด่านถัดไปบริเวณ 1,440-1,450 จุด ผลักดันด้วยกลุ่มพลังงาน/ ปิโตรเคมี เป็นหลัก ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เราเชื่อว่า NYMEX จะกลับมาแกว่งเหนือ US$50/barrel ในเร็วๆ นี้
ด้านกลุ่มอสังหาฯ เราคาดว่าจะเป็นกลุ่มหลักที่รอการดีดตัวขึ้น หาก การประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ สามารถพิจารณาและอนุมัติมาตรการกระตุ้นได้ กลุ่มอสังหาฯ ซึ่ง Valuation และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่อยู่ในระดับสูง จะกลายเป็นเป้าหมายของการลงทุนของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างชาติ
ขณะที่กลุ่มธนาคาร เราเชื่อว่าจะเป็นกลุ่มหลักที่พักฐานช่วงสั้น เพื่อรอดูผลการดำเนินงานใน 3Q58 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกรณี SSI ซึ่ง TISCO รายงานงบเป็นธนาคารแรกพบว่า ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดราว 30% เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่าคาด และ การตั้งสำรองหนี้ของ SSI เท่ากับ 2.17 พันล้านบาท น้อยกว่าคาดที่ 2.33 พันล้านบาท ดังนั้น หุ้น KTB / SCB มีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ในวันนี้เช่นกัน จากความกังวลต่อกรณี SSI ที่คลายตัวลง
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ กับขาดความโดดเด่นในช่วงสั้นนี้ นักลงทุนทั่วโลกต่างเชื่อว่าเฟดจะยังไม่สามารถพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปีนี้ได้ ด้วยปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่เสี่ยงต่อการทรงตัวในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนที่เก็งกำไรมาก่อนหน้านี้ ควรถือเพื่อรอขายทำกำไรรอบนี้บริเวณ 1,440 จุด +/- แต่หากหุ้นเป้าหมายกลับปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย กลายเป็นจังหวะของการเพิ่มน้ำหนักเก็งกำไรมากขึ้น”
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: QH/ TPIPL
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.QH : ราคาปิด 2.58 บาท ราคาเหมาะสม 3.22 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะมี Momentum เชิงบวก จากแรงเก็งกำไรการออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าครม.จะพิจารณาในสัปดาห์นี้ หรือ สัปดาห์หน้า
b)ราคาหุ้น Laggard และปรับตัวลงมาก YTD โดย QH -29% เทียบกับหุ้นในกลุ่ม เช่น LH -7%, LPN -20%, AP -2%, SIRI +4% และ SET Property -9%
c)Downside Risk ของราคาหุ้นจำกัด เนื่องจาก NAV จากการถือหุ้นใน LHBANK, HMPRO, QHPF และ QHHR คิดเป็นหุ้นละ 2.32 บาท
d)และซื้อขายระดับ PER 2559 เพียง 8.3 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 5.5%
2.TPIPL : ราคาปิด 2.62 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่ม High Beta เช่น TPIPL จะปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาด ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากคาดว่าเฟดอาจจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และส่งผลให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเอเซียเกิดใหม่อีกครั้ง
b)คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากจะได้ประโยชน์โดยตรงจากงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐใน 2H58 และจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 2559
c)TPIPL มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์เป็นอันดับ 3 ของประเทศ และจะขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 หลังการขยายกำลังการผลิตปูนซีเมนต์อีก 4.5 ล้านต้นจะเสร็จสิ้นในช่วงปลายปี 4Q58 หรือ 1Q58 และส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 ล้านตัน
d)คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติใน 3Q58 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงไฟฟ้าขยะอีก 55 MW เริ่มจ่ายไฟเข้าสู่ระบบแล้วในกลางเดือนส.ค. น่าจะมาชดเชยกับการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ TPIPL แปลงหนี้สกุลเงินยูโร 163 ล้าน เป็นเงินบาท หลังออกหุ้นกู้สำเร็จ
e)Valuation ของ TPIPL ณ ปัจจุบันซื้อขาย PBV58 ต่ำ 1.0 เท่า เป็น 0.88 เท่า เทียบกับ SCC ที่ 2.70 เท่า และ SCCC ที่ 3.63 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 ซื้อสุทธิ US$88 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$303 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 30.5 30.6 3,436.4 13,190.4 9,188.0
KOSPI n.a 142.5 741.9 6,165.50 4,875.1
JSE 13.2 49.3 -730.6 3,750.60 -1,806.4
PSE 0.2 -2.9 -878.0 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 7.3 35.1 211.4 135.6 263.2
SET INDEX 37.3 47.9 -2,919.6 -1,091.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติ ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้หนาแน่นเป็นวันที่ 2
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,324 +1,715
SET50 Index Futures (สัญญา) +11,817 +2,434
SSF (สัญญา) +1,307 +131
Metal Futures (สัญญา) -1,556 -84
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +27,108 +10,384
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,324 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 5,368 ล้านบาท สอดคล้องกับเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้างตลาดเอเชียเกิดใหม่ แต่ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงสูงกว่า 1.0 แสนล้านบาท เป็น 102,071 ล้านบาท
ส่วน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 9 มากถึง 11,817 สัญญา รวม 9 วันทำการ Long สุทธิ 74,046 สัญญา ทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิ 60,575 สัญญา กดดันให้ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 3.90 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 4.37 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเหลือเพียง 149 สัญญา เท่านั้น
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 สูงถึง 27,108 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ซื้อสุทธิ 39,589 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นอีกครั้ง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 4.65bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.86bps ปิดที่ 2.625%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 797 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 477 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 206.70 8.62% 272.94
PTTEP 142.90 7.82% 76.96
PTTGC 102.53 9.64% 60.40
KBANK 55.39 2.01% 183.12
ADVANC 43.05 3.63% 235.49
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 โดยกลับมาเน้นกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 1,508 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,419 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 3,504 ล้านบาท น่าสนใจกับการกลับมาสะสมหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่นอีกครั้ง สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มธนาคาร ถูกซื้อสุทธิสูงสุดมากถึง 1,192 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 329 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 853 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 87 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 76 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 157 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 311 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 83 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 942.01 27.26 JAS -336.04 6.40
SCB 270.77 11.88 PTTGC -97.41 8.02
PTTEP 146.88 5.02 TASCO -79.76 5.11
PTT 127.58 3.99 TCAP -76.81 23.27
AOT 105.14 5.53 CENTEL -61.77 21.99
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong