- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 09 October 2015 16:26
- Hits: 883
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Break 1400
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แม้ว่า SET INDEX จะเปิดย่อตัวลงทดสอบด่าน 1,390 จุด จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ซึมตัวลง แต่ด้วยแรงเก็งกำไรในหุ้นหลักกลุ่ม ICT อย่างหนาแน่น รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ทำให้ SET INDEX ฟื้นตัวขึ้นไปทดสอบด่าน 1,400 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แต่ยังไม่สามารถปิดยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบเล็กน้อย 1.51 จุด มาอยู่ที่ 1,392.15 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 52,753 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติยังน่าสนใจ ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 1,715 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 8 ชะลอตัวเหลือ 2,434 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้วันที่ 3 มากถึง 10,384 ล้านบาท แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่ากลับไปยืนเหนือ 36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ตาม
ปัจจัยสำคัญวันนี้
BoE คงนโยบายการเงินตามคาด
รายงานประชุมเฟดเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ส่งสัญญาณกังวลต่อเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าหมาย
DJIA ปิดเหนือ 17,000 จุด และราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดเหนือ US$49/barrel เป็นบวกต่อบรรยากาศการลงทุนทั่วเอเชียเช้านี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
การประชุม ครม. อาจมีการพิจารณาโครงการลงทุนขนาดใหญ่บางส่วน และมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ในสัปดาห์หน้า
ติดตามการประกาศงบ 3Q58 ของกลุ่มธนาคาร เริ่มด้วยธนาคารขนาดเล็กปลายสัปดาห์หน้า
ติดตามรายงาน Beige Book วันที่ 14 ต.ค. เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนการประชุมเฟดปลายเดือนนี้
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุน "กลางถึงบวก" วันที่ 2 พร้อมให้น้ำหนักที่ SET INDEX จะขยับขึ้นทดสอบด่าน 1,400 จุดช่วงเปิดวันนี้ ด้วยบรรยากาศการเก็งกำไรที่เอื้อต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียต่อเนื่อง รวมถึงการทำ Covered short ของนักลงทุนต่างชาติที่ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แม้ว่าปัจจัยการลงทุน ณ ปัจจุบันไร้ปัจจัยเชิงบวก หรือ ลบ ใหม่ ที่มีนัยยะสำคัญต่อการลงทุน
อย่างไรก็ตามกลุ่ม Domestic Play ยังคงมีประเด็นเก็งกำไรรอบสั้น ต่อการประชุมครม.วันอังคารหน้า อาจมีการพิจารณาโครงการลงทุนขนาดใหญ่บางโครงการ และ/หรือ มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ที่เลื่อนการเสนอจากสัปดาห์ที่แล้ว ปัจจัยเหล่านี้ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มอสังหาฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับภาพรวมของตลาดหุ้นในวันนี้ ที่น่าจะแกว่งในกรอบ 1,390-1,405 จุด และให้โอกาสปิดยืนเหนือ 1,400 จุด
สำหรับปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับการประชุม ครม. เช่นเดิม และรายงาน Beige Book ของเฟด เพื่อประเมินโอกาสที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนนี้มีน้ำหนักหรือไม่ ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าเฟดจะกลับมาพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนมี.ค.ปีหน้า เพราะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ยังมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย ซึ่งหากเป็นไปตามคาด บรรยากาศการเก็งกำไรต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดเกิดใหม่ (EM) จะมีความโดดเด่น ทั้งนี้ติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าสู่ระดับ 35.50-35.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบนี้
ส่วนกลุ่มธนาคาร เราเชื่อว่าจะแกว่งในกรอบแคบ (Sideways) เพื่อรอดูผลการดำเนินงาน 3Q58 ในช่วงปลายสัปดาห์หน้า นำโดยหุ้นธนาคารขนาดเล็ก ส่วนธนาคารขนาดใหญ่ อย่าง KBANK / SCB / BBL ในสัปดาห์ถัดไปช่วง วันที่ 20 ต.ค.
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play หากราคาหุ้นเป้าหมายย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย" โดยมีระยะหวังผลผ่าน SET INDEX บริเวณ 1,410-1,420 จุดในสัปดาห์หน้า
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: IRPC/ITD
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. ITD : ราคาปิด 8.35 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะปรับตัวขึ้นได้ดี จากความคาดหวังเชิงบวกว่าการประชุมครม.ในสัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาอนุมัติแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟฟ้า 3 เส้นทาง มูลค่ารวมราว 2 แสนล้านบาท
b) ความคืบหน้าของโครงการเหมืองแร่โปรแตซจะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนข้างหน้า โดยปัจจุบันเสร็จสิ้นการพิจารณาระดับจังหวัดแล้ว และขั้นตอนต่อไปคือส่งเรื่องให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาเพื่อจัดทำประชาพิจารณ์ทั้งจังหวัดครั้งสุดท้ายในช่วงปลายเดือน ต.ค. - ต้น พ.ย.
c) คาดผลประกอบการ 3Q58 พลิกกลับเป็นกำไร qoq จากผลประกอบการของบริษัทลูกในอินเดียที่ดีขึ้น ขณะที่รายได้จากงานในประเทศยังทรงตัวในระดับสูง
d) คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากแผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ นอกจากนั้น ยังเป็นหุ้นกลุ่ม High Beta จึงมีแนวโน้มเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดที่ฟื้นตัวจากการไหลกลับของเงินทุนต่างชาติเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเซียเกิดใหม่
2. IRPC : ราคาปิด 4.12 บาท ราคาเหมาะสม 4.20 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะ Outperform ตลาดในวันนี้ จากการเร่งตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่เพิ่มขึ้น +3.4% dod จากเหตุการณ์ตึงเครียดในซีเรีย และอานิสงค์จากการเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวจะช่วยจำกัด Downside ของราคาน้ำมันดิบ
b) แม้ผลประกอบการ 3Q58 จะถูกกดดันจากผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน แต่เชื่อว่า IRPC จะยังเด่นกว่าหุ้นอื่นๆในกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากจะมีการบันทึกกำไรพิเศษเงินประกันรับคืนจากเหตุไฟไหม้ เข้ามาช่วยหักล้างผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันได้ส่วนหนึ่ง
c) ขณะที่ผลประกอบการ 4Q58 คาดว่าจะกลับมาขยายตัวเด่น qoq จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากเข้าสู่ High Season ของฤดูหนาวซึ่งมีความต้องการใช้พลังงานสูง จึงคาดว่าหุ้นกลุ่มโรงกลั่นจะกลับมาบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันใน 4Q58
d) คาดผลประกอบการปี 2558 พลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ 6,556 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 9,374 ล้านบาท ในปี 2557 และเติบโต +23% qoq เป็น 8,078 ล้านบาท จากแรงหนุนของโครงการ Phoenix ที่จะเริ่ม CDO ในช่วงปลายปี 2558
e) Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 8.40 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มพลังงานที่ 10.6 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 มากถึง US$303 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$263 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติ ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้อย่างหนาแน่นอีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 1,715 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 4,044 ล้านบาท สอดคล้องกับเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้างตลาดเอเชียเกิดใหม่ แต่ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงสูงกว่า 1.0 แสนล้านบาท เป็น 103,395 ล้านบาท
ส่วน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 8 แต่ชะลอตัวเหลือ 2,434 สัญญา รวม 8 วันทำการ Long สุทธิ 62,229 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 10,418 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ทั้งหมด และถือสถานะ Long ขยับขึ้นเป็น 51,811 สัญญา และ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิ 48,758 สัญญา แม้ว่า S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.37 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 2.15 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเหลือ 11.966 สัญญา เท่านั้น
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 มากถึง 10,384 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 12,481 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาพันธบัตรไทยกลับปรับฐานลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 1.86bps จากวันก่อนหน้าลดลง 5.34bps ปิดที่ 2.672%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันที่ 3 เป็น 477 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 622 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 หนาแน่นขึ้น โดยเน้นกลุ่มพลังงาน และ ICT
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็น 1,419 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 199 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 1,996 ล้านบาท ทั้งนี้ แรงขายในกลุ่มหลักเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงานถูกซื้อสุทธิสุงสุดเป็นวันที่ 2 มากถึง 853 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 373 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 311 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 150 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 203 ล้านบาท และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 145 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มขนส่ง ถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 76 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 109 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 67 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
รายงานประชุมเฟดเดือนก.ย.ส่งสัญญาณเลื่อนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย: การประชุมเฟดวันที่ 16-17 ก.ย.ที่ผ่านมา ประเด็นสำคัญดังนี้
การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากความเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น จากจีน ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
เฟดจึงต้องการรอดูข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเป็นการยืนยันแนวโน้มเศรษฐกิจจะไม่ได้รับผลกระทบ จากปัจจัยต่างประเทศ
ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคประชาชน, ตลาดอสังหาฯ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลาดแรงงานได้ถึงเป้าหมายหรือใกล้ถึงเป้าหมายในระยะยาวของเฟดแล้วก็ตาม
หากเปรียบเทียบกับการประชุมครั้งก่อนหน้า เริ่มมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่จะชะลอตัว
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นดี
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.63 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus ที่คาดไว้ 2.71 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.76 แสนตำแหน่ง
ยุโรป
การส่งออกเยอรมัน หดตัวลงแรง: เดือนส.ค. หดตัว 5.2% mom เป็นการลดลงแรงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2552 และหดตัวมากกว่าที่ Bloomberg consensus คาด -0.9% mom ส่วนการนำเข้าลดลง 3.1% mom เป็นผลจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของเยอรมัน
BoE ส่งสัญญาณพร้อมคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปอีกระยะหนึ่ง: ด้วยเสียงโหวต 8-1 เสียงในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ Bloomberg consensus คาดการณ์ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว BoE คาดว่าอัตราเงินเฟ้องจะยังคงต่ำกว่า 1.0% ไปจนถึงช่วงกลางปี 2559
รายงานการประชุม ECB ครั้งก่อนให้ความเสี่ยงเงินเฟ้อ: รายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประจำวันที่ 3 ก.ย.ที่มีการเปิดเผยในวันนี้ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของ ECB มองว่าความเสี่ยงในช่วงขาลงต่ออัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ECB ระบุว่า ยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อพิจารณาผลกระทบของความผันผวนของตลาดการเงิน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ที่จะมีต่อการขยายตัว และอัตราเงินเฟ้อของยุโรป ทั้งนี้ ECB ยังเน้นย้ำว่า ทางธนาคารกลางมีความพร้อมในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากมีความจำเป็น เพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากการที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำเกินไป
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงลดลง: ดัชนีความเชื่อผู้บริโภค เดือนก.ย. 2558 จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศจำนวน 2,242 คน ว่า อยู่ที่ 72.1 ลดลงจากเดือนส.ค. ซึ่งอยู่ที่ 72.3 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนตั้งแต่เดือนมิ.ย.2557 เนื่องจากผู้บริโภคกังวลการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกและการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัวขณะที่ราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะยางพารา ข้าวและปศุสัตว์ รวมทั้งภัยแล้งที่เกิดขึ้นได้ส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตร ขณะที่ค่าครองชีพยังคงอยู่ในระดับสูงทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่ารายได้ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530