- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 08 October 2015 16:47
- Hits: 975
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
หลัง SET ดีดขึ้นแรง ต้องระวังอ่อนตัวก่อนขึ้นต่อ น่ารอซื้ออ่อน!
กลยุทธ์ : หลัง SET ขยับขึ้นมาแรงพอควรแล้ว ทำให้มีสิทธิแกว่งพักตัวลง ก่อนขยับขึ้นต่อได้ ดังนั้นถ้าจะเลือกหุ้นซื้อเพิ่มช่วงนี้ แนะนำให้รอทยอยซื้อช่วง SET อ่อนตัวดีกว่า แล้วเน้นถือเพื่อรอลุ้นเป้าหมายดัชนีปีนี้ที่ 1450 จุดต่อ
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SAMTEL, LIT, GLOBAL(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง ด้วยแรงซื้อในหุ้นมาเก็ตแค็ปใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานที่ขยับขึ้นแรง หลังจากวันก่อนหน้าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกบวกขึ้นเกือบ 5% รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาอ่อนแอในช่วงที่ผ่านมา ยังช่วยหนุนความมั่นใจที่ว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วนักด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ยังปิดบวกได้ดี จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน เหมืองแร่และกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังเปิดบวกสดใสด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การที่นักลงทุนต่างประเทศยังมียอดซื้อสุทธิต่อเนื่องทั้งในตลาดหุ้น และตลาดฟิวเจอร์ส ก็น่าจะช่วยทำให้ SET ยังมีโอกาสที่จะขยับบวกต่อได้ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่มีจังหวะปรับพักตัวย้อนลงให้เห็น และการเริ่มแกว่งผันผวนย้อนลบของตลาดเอเชียบางแห่งเช้านี้ รวมทั้งการที่ SET ดีดขึ้นมาพอควรแล้วในรอบสัปดาห์ ซึ่งอาจทำให้มีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมากดดันมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอยู่ น่าจะส่งผลให้ SET เริ่มมีจังหวะผันผวนและมีรอบปรับพักตัวลงก่อนได้ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ซื้อในลักษณะไล่ราคาช่วงบวกมากนัก แต่แนะนำให้รอซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวก่อนดีกว่า
แนวรับ 1390-1385 , 1380-1370 จุด
แนวต้าน 1397-1400 , 1403-1408 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเป็นวันที่สอง US$263ล้าน เงินทุนไหลเข้าไต้หวันมากที่สุด US$179.5ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$43.5ล้าน และไทย US$30.9ล้าน ขณะที่ไหลออกฟิลิปปินส์ประเทศเดียว US$14ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงแต่คาดว่าเป็นระยะสั้นเนื่องจากการคาดการณ์ว่า Fed จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป และคาดหวังจีนจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยตลาดหุ้นจีนเริ่มเปิดทำการซื้อขายเป็นวันแรกในวันนี้หลังปิดทำการเนื่องในวันชาติติดต่อกัน 7 วัน
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) TFG ทำธุรกิจเลี้ยงและจำหน่ายไก่ สุกร และอาหารสัตว์ ครบวงจรรายใหญ่ มีกำลังผลิตไก่เป็นอันดับ 3 ของประเทศรองจาก CPF และเบทาโกร และมีขนาดใกล้เคียงกับสหฟาร์ม มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไก่ 68% สุกร 24% และอาหารสัตว์ 8% ส่วนใหญ่ขายในประเทศ เพิ่งเริ่มทำตลาดส่งออกต้นปีนี้ เน้นญี่ปุ่นและ EU เราคาดว่าปี 2015 TFG จะมีผลขาดทุน 358 ล้านบาทจากปัญหาราคาเนื้อสัตว์ตกต่ำ คาดปี 2016 มีกำไร 1.1 พันล้านบาทเพราะ Demand-Supply ไก่เริ่มเข้าสู่สมดุล และโตต่อ 34% Y-Y ในปี 2017 ที่ราคา IPO คิดเป็น PE ปีหน้า 8.86 เท่า เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2016 ได้ 2.80 บาท (PE 13 เท่า) (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ TFG)
(+) THCOM 3Q15 เป็นไตรมาสที่ดีของบริษัทจาก Utilization rate ของไทยคม 7 ที่เพิ่มต่อเนื่อง และเงินบาทอ่อนค่าแต่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นเงินบาท เราคาดกำไรปกติ 606 ล้านบาท +14.6% Q-Q, +29.4% Y-Y แต่จะมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน (ทางบัญชี) 300 ล้านบาทจากเงินกู้ที่เป็นดอลลาร์ ผลประกอบการหลักยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ปีหน้าจะรับรู้รายได้จากไทยคม 7 เต็มปี เราคาดกำไรปกติปีนี้ +21% Y-Y ปีหน้า +10% Y-Y ปัจจุบันมี PE 2016 เพียง 15 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 24 เท่า เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้า 52 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
(+) CPF เราคาดกำไรปกติ 3Q15 ฟื้นจากขาดทุนในไตรมาสก่อนเป็น 1,237 ล้านบาทจากราคาหมูที่สูงขึ้นและเงินบาทอ่อนค่า แต่หดตัว 46% Y-Y จากราคาเนื้อสัตว์ที่สูงในปีก่อน ส่วนกำไรปกติ 4Q15 แม้เป็น Low season แต่มี M&A ธุรกิจไก่รัสเซียเข้ามาหนุน ทำให้กำไรปกติทั้งปีลดลง 62% Y-Y แต่จะโต 180% Y-Y ในปี 2016 จากฐานต่ำในปีนี้ เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2016 ที่ 28 บาท มี upside กว่า 30% และผ่านผลการดำเนินต่ำสุดปีนี้แล้วใน 2Q15 จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อลงทุน
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้กว่า 100 จุดโดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ปัจจุบันนักลงทุนเริ่มจับตาดูผลประกอบการ 3Q15 ของบริษัทจดทะเบียนรวมถึงการเปิดเผยรายงานการประชุม FED ของวันที่ 16-17 ก.ย. ที่ผ่านมา
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดในแดนบวกได้ต่อเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นซึ่งหนุนหุ้นในกลุ่มยานยนต์และเหมือง
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังคงสดใสและไม่มีปัจจัยลบใหม่มากดดัน
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นค่อนข้างแรงวานนี้ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.80-36..00 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดที่ 47.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.72 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,148.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ขยับขึ้น 2.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังมีรายงานว่าธนาคารกลางหลายแห่งเข้าซื้อทองคำไว้ในทุนสำรองเดือน ส.ค. รวมถึงยังได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์เรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่อาจเลื่อนเป็นปีหน้า รวมถึงการปรับลดคาดการณ์ GDP ของ IMF
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8-10 ต.ค. - ประชุม World Bank-IMF ที่ประเทศเปรู
8-ต.ค. - ไทย: TFG เริ่มเทรด (ราคา IPO 1.95 บาท)
- สหรัฐ:ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์
- อังกฤษ:ธนาคารกลาง (BOE)ประชุม
- ยูโรโซน:ธนาคารกลาง (ECB)ประชุม
9 ต.ค. - ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และไต้หวันปิดทำการ
- สหรัฐ:รายงาน Fed Minutes ของวันที่16-17ก.ย.
10 ต.ค. - จีน: ยอดสินเชื่อเดือน ก.ย.
12 ต.ต. - ไทย: TISCOประกาศผลประกอบการ 3Q15
- สหรัฐ: ตลาดการเงินปิดทำการ เนื่องในวัน Columbus Day
13-ต.ค. - ไทย: SCIเริ่มเทรด (ราคา IPO 5.90 บาท)
- จีน: ดุลการค้า (ก.ย.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ต.ค.)
14-ต.ค. - ตลาดหุ้นมาเลเซีย และอินโดนีเซียปิดทำการ
- สหรัฐ:ยอดค้าปลีก (ก.ย.)
15-ต.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK)ประชุม
- สหรัฐ:Fed Beige Book
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch