- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 October 2015 18:00
- Hits: 1291
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“คาดแกว่งแคบ เผชิญแรงขายทำกำไร”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้น 7.52 จุดปิดที่ 1370.69 โดยนักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นหลังจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นช้ากว่าคาดการณ์เดิมประมาณ 1 ไตรมาส ซึ่งเป็นไปตามที่เราประเมินไว้ใน 1-2 วันก่อนหลังมีรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐประจำเดือนก.ย.ที่ต่ำกว่าคาด นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 1.2 พันล้านบาท สถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ก็ซื้อสุทธิเช่นกันส่วนรายย่อยขายสุทธิ 2 พันล้านบาท
สำหรับ วันนี้ การที่ IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกทั้งปีนี้และปีหน้าลง ย่อมเป็นข่าวลบทางด้านพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย ในเรื่องการส่งออกการลงทุน และการบริโภค สอดคล้องกับกกร.ไทยที่ปรับลดอัตราการเติบโต GDP ของไทยลง แรงพยุงหุ้นตอนนี้เป็นข่าวเดิมคือ เฟดมีแนวโน้มจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป โดยเฉพาะตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐที่พุ่งขึ้นมาก หากรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็จะยิ่งส่งผลกระทบทางลบได้ ส่วนผลการประชุมครม.วานนี้ แม้ได้มีมาตรการบางประการออกมา แต่ที่ตลาดฯอาจผิดหวังได้คือ ไม่มีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ออกมาและหลังจากรัฐมีมาตรการช่วยเหลือ SME และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ฐานราก โดยเฉพาะที่ต่างจังหวัด ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องเมกะโปรเจ็กต์ที่เห็นได้ชัดๆออกมา อีกทั้งเรื่อง TPP ที่ไทยยังไม่ได้เข้าร่วม ทำให้อาจส่งผลลบต่อมาเรื่องการแข่งขันในระยะยาวได้ แต่ไทยก็ยังต้องมีเรื่องพิจารณาในเรื่องที่อาจสูญเสีย เช่น สิทธิบัตรยา เราจึงคาดว่าดัชนีฯมีโอกาสที่จะแกว่งตัวในกรอบแคบ และให้ระมัดระวังแรงขายทำกำไรออกมา หลังจากปรับเพิ่มติดต่อกันมา 3 วันทำการแล้ว สำหรับ หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น CPN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดวันนี้แกว่งแบบมีลุ้นรีบาวด์ แต่ควรระวังการแกว่งลงตามมา แนวต้านระยะสั้น 1380-1390, 1400 จุด การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี สามารถเลือกซื้อเก็งกำไรระยะสั้น (แต่ไม่บวกไม่เล่น) หุ้นที่เข้ามาใหม่ได้แก่ CPN, AUCT ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและอยู่ใน List ต่อ คือ SIM, AAV, SCCC, IRPC, CPALL ส่วนหุ้นที่ปรับขึ้นมาแล้ว & อยู่ในพื้นที่Take Profit เป็น TOP หุ้นที่หลุด List คือ WORK
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- IMF : ปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้และปีหน้า IMF โดยได้ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ3.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2009 โดยลดลง0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.3% และต่ำกว่าการขยายตัวในปีที่แล้วที่ 3.4% ทั้งนี้ IMF ระบุว่าการร่วงลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความผันผวนในตลาดการเงิน ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อตลาดโลก ขณะที่ความเสี่ยงในช่วงขาลงได้ปรากฎเด่นชัดขึ้นมากกว่าในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ปีหน้าสู่ระดับ 3.6% โดยลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.8%
-/+ สหรัฐ: ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานวันนี้ว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น15.6% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 4.833 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดิ่งลง และการขยายตัวที่ซบเซาในต่างประเทศ แต่มีข้อดีคือ เฟดพิจารณาว่าไม่ควรรีบขึ้นดอกเบี้ย
+/• เศรษฐกิจโลก: ควรใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน การชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางในหลายประเทศยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป เป็นบวกในประเด็นหลายประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย แต่อาจมีผลกระทบน้อย เพราะเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง
+ ดาวโจนส์: ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย ดาวโจนส์ปิดที่ 16,790.19 จุดเพิ่มขึ้น 13.76 จุด หรือ +0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,979.92 จุดลดลง 7.13 จุด หรือ -0.36% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,748.36 จุด ลดลง32.90 จุด หรือ -0.69%
+น้ำมัน: ปรับขึ้น อุปทานมีแนวโน้มลดลง สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.27 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 48.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.67ดอลลาร์ หรือ 5.4% ปิดที่ 51.92 ดอลลาร์/บาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในเดือนก.ย. พร้อมกับคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงไปจนถึงช่วงกลางปี 2559 ซึ่งรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
+ ทองคำ: ปรับขึ้นเล็กน้อย สัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 8.8 ดอลลาร์ หรือ0.77% ปิดที่ระดับ 1,146.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ทองคำมีการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการแล้ว เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ที่ออกมาน่าผิดหวังนั้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
• กกร.ปรับลด GDP Growth ของไทยปี 58 เป็น 2.5-3.0% (จากเดิม3.0-3.5%) โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน หรือ กกร. ซึ่งประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เห็นว่าการส่งออกในปีนี้จะหดตัวราว 5% กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศยังอ่อนแอ แต่ไตรมาส 4 จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.3 แสนล้านบาท และภาคท่องเที่ยวเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้เศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยการปรับลดคาดการณ์ของกกร.นับว่าสอดคล้องกับประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์ในสถาบันวิจัยต่างๆ รวมถึง DBS Group Research ดังนั้นจึงคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดเท่าใดนัก สิ่งที่จับตาจะเป็นตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 59 มากกว่าว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เนื่องจากตัวเลขคาดการณ์ของทางการไทย สำนักวิจัยต่างๆ และธนาคารโลกค่อนข้างขัดแย้งกัน (โดยของทางการไทยและสำนักวิจัยต่างๆ อยู่ที่ 3.2-3.8% ส่วนของธนาคารโลกอยู่ที่ 2%)
-/• ข้อตกลงทางการค้า TPP: ไทยยังไม่เข้าร่วม สหรัฐเป็น 1 ในกลุ่ม 12ประเทศรอบมหาสมุทรแปซิฟิกที่ได้บรรลุข้อตกลงการค้าในสัปดาห์นี้ แต่สภาคองเกรสจะต้องให้การรับรองต่อข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ซึ่งทางโอบามาคาดว่าจะผ่านไปได้ อย่างไรก็ดีรัฐสภาของแต่ละประเทศจะต้องให้การรับรองข้อตกลงดังกล่าวก่อน ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาหลายเดือน โดยเฉพาะการรับรองของรัฐสภาญี่ปุ่นและสหรัฐนั้น คาดว่าจะยังไม่เกิดขึ้นภายในปีนี้
ความเห็น: เป็นแนวโน้มค่อนไปในทางลบ หากไทยไม่เข้าร่วม ทาง"กกร."วิตกกรณีหลายประเทศเริ่ม ทำข้อตกลง TPP โดยเฉพาะเวียดนามหวั่นจะกระทบการค้าไทยในอนาคตได้แม้ระยะสั้นจะยังไม่มีผลกระทบ จะมีการตั้งคณะทำงานศึกษาลงลึกภายใน 2 เดือน หรือภายในสิ้นปีแล้วเสร็จเพื่อเตรียมเสนอให้รัฐบาลแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อไป อย่างไรก็ตามมีหลายอย่างที่ต้องพิจารณา เช่น ไทยอาจจะเสียเปรียบเรื่องสิทธิบัตรยาได้
•/- กลุ่มที่พักอาศัย : วานนี้ (6 ต.ค.) ครม.ยังไม่มีการพิจารณามาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ตลาดฯอาจมีความผิดหวัง และยังไม่แน่นอนว่าจะพิจารณามาตรการนี้เมื่อไร ทำให้หลักทรัพย์หมวดที่อยู่อาศัยมีแรงขายทำ กำ ไรออกมาบ้าง ขณะที่ผู้ประกอบการบางรายมีการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าไปเอง เพื่อกระตุ้นให้มีการโอน แต่ค่าใช้จ่ายขาย-บริหารในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้น
+ CPN (ราคาปิด 45.50 บาท, ราคาพื้นฐาน 60 บาท) เป็นบริษัทที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวของไทยไม่มาก เมื่อพิจารณาจากอัตราเติบโตของรายได้จากสาขาเดิม (SSSG) ในรอบ 1H58 ที่ยังขยายตัวได้ 3.9% y-o-y และเมื่อรวมผลดีจากการเปิดสาขาใหม่ทำให้รายได้เพิ่ม 7% y-o-y บริษัทมีการบริหารต้นทุนดำเนินงานได้ดีและดอกเบี้ยจ่ายลดลง ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 17% y-o-y
ฝ่ายวิจัยฯ DBS ได้ปรับสมมุติฐานในการจัดทำประมาณการในเรื่องอัตรการเช่า (OR) และค่าเช่าที่อนุรักษ์นิยมมากขึ้น และเมื่อต้นเดือนก.ย.58 ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 58-60 ลงในอัตรา 2-3% แต่อัตราการเติบโตในช่วง 3 ปีข้างหน้ายังเติบโตดีเป็น 14% ต่อปี ซึ่งในปัจจุบันเห็นว่าสมมติฐานดังกล่าวยังคงใช้ได้
แนะนำซื้อลงทุน ให้ราคาพื้นฐาน 60.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี sum-ofpartsเราชอบ CPN ในประเด็นกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจากการความสำเร็จในการบริหารศูนย์การค้า 28 แห่ง และจะเป็น 29 แห่งหลังจากเปิดให้บริการโครงการใหม่ที่รามอินทรา
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : Tel 7835 [email protected]
Update อุตสาหกรรม & หุ้นในเชิงกลยุทธ์
+ BMCL : มีโอกาสได้งานบริหารเดินรถสายสีน้ำเงินมากขึ้นครม. มีมติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2553 ในการดำเนินการคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและรับจ้างดำเนิน กิจการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแคและช่วงเตาปูน-ท่าพระ ตามพ.ร.บ. ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 มาดำเนินการ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการ ของรัฐ พ.ศ.2556
ความเห็น: เป็นบวกกับ BMCL (not rated) และ CK (แนะนำ ซื้อราคาพื้นฐาน 33.00 บาท) เพราะจากเดิมที่จะต้องมีการประมูลเปลี่ยนมาเป็นการเจรจาตรง คาดว่าทางการเริ่มมองเห็นว่าหากดำเนินการประมูลจะล่าช้ากว่านี้ และการใช้ผู้บริหารสัมปทานสายสีน้ำเงินเดิมจะประหยัดได้มากกว่าในการต่อเชื่อม ปัจจัยพื้นฐานBMCL ดีขึ้นในปีหน้าหลังรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเริ่มวิ่ง ประมาณ ส.ค.59 ทำให้มีรายได้บริหารเดินรถเข้ามา และอยู่ในช่วงการรวมกิจการกับBECL ส่วน CK ก็มีโอกาสได้งานรับเหมาช่วงต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจาก BMCL มูลค่าสูงประมาณ 25 พันล้านบาท
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค
[email protected]