- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 October 2015 17:27
- Hits: 1249
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +13.76, NASDAQ -32.90, S&P -7.13, FTSE +27.24, CAC +43.74 และ DAX +88.04 ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน จาก (1) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์ GDP ของโลก ในปีนี้ จาก 3.3% (คาดการณ์เมื่อกค. ที่ผ่านมา) อยู่ที่ 3.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี’52 และต่ำกว่า 3.4% เมื่อปี’57 ภายใต้ความเสี่ยงจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาลดลง และความผันผวนในตลาดการเงิน พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP ปี’59 จากเดิมที่ 3.8% เป็น 3.6% และ (2) ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ – สค. เพิ่มขึ้น 15.6% ในเดือนส.ค. อยู่ที่ 4.833 หมื่นล้านUSD ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่มีค. ที่ผ่านมา โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินสหรัฐฯ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง และการขยายตัวที่ซบเซาในต่างประเทศ ขณะที่ตัวเลขการส่งออก – สค. ลดลง 2.0% อยู่ที่ 1.851 แสนล้านUSD ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่ตค.’55 อย่างไรก็ตามยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยออกไปเป็นปี’59 จากเดิมคาดไว้ในช่วงที่เหลือของปีนี้
.....ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป เคลื่อนไหวในแดนบวก ภายใต้มุมมองภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา คาดเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ธนาคารกลางในหลายประเทศยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ย. +US$2.27 อยู่ที่ US$48.53 ต่อบาร์เรล จากรายงานแนวโน้มด้านพลังงานในระยะสั้น (Short-Term Energy Outlook ) ของ EIA ซึ่งระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ – กย. ลดลง 120,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับของเดือนสค. และคาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะลดลงไปจนถึงช่วงกลางปี’59 รวมถึงได้รับปัจจัยบวกจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง
.....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$8.8 อยู่ที่ US$1,146.4 ต่อออนซ์ ภายใต้มุมมองที่เป็นบวกว่าเฟดยังไม่ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,210 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -106,229 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : ผันผวน? ภายใต้ปัจจัยต่างประเทศที่คาดได้รับปัจจัยกดดันบ้างจากการที่ IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP ลง แต่ทำให้เพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางหลายประเทศยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อกระตุ้นศรษฐกิจต่อไป เช่นเดียวกับเฟดที่คาดเลื่อนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปในปี’59 (เฟดเหลือการประชุม 2 ครั้งในปีนี้ วันที่ 27 – 28/10/58 และ 15 – 16/12/58)
.....ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดมีน้ำหนักเป็นบวก และอาจทำให้ตลาดฯ สามารถปรับขึ้นได้ จาก (1) แรงซื้อสุทธิของต่างชาติที่กลับเข้ามา ประมาณ 1,200 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทล่าสุดแข็งค่าขึ้นจากช่วงก่อนหน้า คาดในระยะสั้นอาจเห็น Fund Flow ไหลเข้ามาได้บ้าง และ (2) หุ้นในกลุ่มพลังงานที่คาดได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันล่าสุดที่ปรับเพิ่มขึ้น
....โดยยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น ITD, STEC, TRC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 36.29 – 36.30 แข็งค่าขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ 36.50 บาท (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO และ VNG เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (CENTEL) และหุ้นกลุ่มสายการบิน (เช่น AAV, BA) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มทรงตัว และคาดดีขึ้น โดยเฉพาะช่วง High season ในช่วง 4Q/58 (6) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) หลัง กสทช. จะเปิดประมูลใบอนุญาต 4G คลื่นความถี่ 1,800 MHz และ 900 เมกะเฮิร์ตซ์ (MHz) ในวันที่ 11/11/58 และ15/12/58 ตามลำดับ และ (7) เข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน – 3Q/58 โดยเริ่มจากกลุ่มธนาคาร ประมาณกลางเดือนนี้ คาดอาจกดดันภาพรวมตลาดฯ ภายใต้ความกังวลปัญหา NPL’s
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 2.04% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.14 อยู่ที่ 19.40
หุ้นแนะนำ : CK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (7 - 9 ตค.’58)
7/10/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) สต็อกน้ำมัน
8/10/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
9/10/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ราคานำเข้าและส่งออก - กย. (2) สต็อกสินค้าและยอดค้าส่ง - สค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788
