- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 October 2015 16:58
- Hits: 1049
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อ ต่างชาติกลับมาซื้อหนุนจิตวิทยา
KGI คาด SET วันพุธบวกต่อ (เมื่อวานขึ้นแต่ผันผวน คามคาด) หนุนโดยยอดซื้อสุทธิของต่างชาติเมื่อวาน หนุนจิตวิทยา และหุ้นพลังงานมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังราคาน้ำมันพุ่งเกือบ 5% รับข่าวสหรัฐฯ ประเมินการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ลดลงในปีหน้า และแนวโน้มการเจรจาระหว่างรัสเซียและกลุ่มโอเปกเพื่อประคองราคาน้ำมัน ในส่วนของ IMF เมื่อวานออกรายงานลด GDP โลกปี 2558 และ 2559 เหลือ 3.1% และ 3.6% ตามลำดับ ซึ่งถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดีและไม่น่าส่งผลต่อตลาดหุ้นโลก ทั้งนี้ IMF มอง GDP จีนปี 2558 และ 2559 ที่ 6.8% และ 6.3% ตามลำดับ ด้านปัจจัยภายใน เรากำลังติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ก.ย. ที่จะออกวันพรุ่งนี้ หากมีสัญญาณฟื้นตัว/สร้างฐานได้ จะส่งผลดีเพิ่มขึ้นต่อหุ้นธีม ความเชื่อมั่นในประเทศ
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร EPG* / สะสม SAMART*, IFEC
EPG* (เป้า Consensus 12 บาท) 1) เราประเมินราคาเริ่มสร้างฐานที่บริเวณ ±8.2 บาท (Stop loss 8 บาท) แนวต้านใกล้ 8.5 บาท หากผ่านได้มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน ±8.8 บาท 2) ราคาอ่อนตัวลงจน PE เข้าสู่ระดับน่าสนใจ โดย PE ปี 2559 (ปิดงบ มี.ค.) ±15 เท่า และ PE ปี 2560 (ปิดงบ มี.ค.) ±13 เท่า ... ข้อมูล Bloomberg consensus … ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 (ก.ค.58 – ก.ย.58) คาดจะโตเด่น YoY และ QoQ โดยได้อานิสงค์จากต้นทุนวัตถุดิบ (เม็ดพลาสติก) ที่อ่อนตัวลงตามราคาน้ำมัน แต่ราคาขายทรงตัวเนื่องจากเป็นสินค้าที่เน้นคุณภาพและนวัตกรรม (= อัตรากำไรเพิ่มขึ้น) ... วันที่ 8 ต.ค.บริษัทฯจัดประชุมนักวิเคราะห์ + เยี่ยมชมกิจการที่ จ.ระยอง
SAMART* (เป้า Consensus 25.7 บาท) 1) แนะนำ “ซื้อสะสม” ประเมินแนวรับ 21 บาท แนวต้านใกล้ที่ 21.5 บาท (แนวต้านเทรนไลน์ขาลงระสั้น) หากผ่านได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 23.6 บาท 2) ในเชิงพื้นฐานคาดพ้นจุดต่ำสุดแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวโดยเฉพาะ บ.ลูกอย่าง SAMTEL (คาดงานประมูลวางระบบฯ จะเริ่มฟื้นตัวในปลายปีนี้) และ SIM (คาดยอดขายสมาร์ทโฟนจะเริ่มฟื้นรับ 4G) 3) รอเซ็น MOU โรงไฟฟ้าถ่านหินที่กัมพูชาภายในไตรมาส 4/58 นี้ 4) มีโอกาสเข้าร่วมงานประมูลโครงการย้ายสายไฟฟ้าลงใต้ดินของ การไฟฟ้านครหลวง
IFEC (เป้าพื้นฐาน 16.6 บาท) 1) แนะนำ “ซื้อสะสม” ที่แนวรับ 10 บาท ประเมินแนวต้านเทรนไลน์ที่ 10.8 บาท หากผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 11.8 บาท 2) ในเชิงพื้นฐาน กำหนด COD โครงการปากพนังเฟส 1 เดือน ต.ค. (เลื่อนจาก 25 ก.ย. เพราะ กฟภ. ติดตั้งระบบจำหน่ายฯไม่เสร็จ) ขณะที่เดินหน้าก่อสร้างเฟส 2 +เฟส 3 COD ในไตรมาส 2/59 3) โครงการพลังงานลมที่เกาหลีใต้ (IFEC จะเข้าถือหุ้น 1 ใน 3 อยู่ระหว่างการจัดโครงสร้างการถือหุ้น) ปัจจุบันกำลังการผลิต 33MW เตรียมสรุปการลงทุนพลังงานลมนอกชายฝั่งอีก 200MW ต.ค.นี้ 4) รู้ผลประมูลโครงการโซลาร์ส่วนราชการฯ ในเดือน ธ.ค.นี้ เราคาด IFEC ได้ราว 50 – 100MW ... ประชุมผู้ถือหุ้น 9 ต.ค.นี้ อนุมัติโครงการพลังงานลมภาคใต้ เฟส 2 และคาดมีความคืบหน้าโครงการอื่นๆ
(+ BMCL*) วานนี้ ครม มีมติไฟเขียวการคัดเลือกเอกชนรับงานเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน คาดเป็น Sentiment บวกต่อ BMCL* ที่มีโอกาสเข้าร่วมงานนี้ + หากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเริ่มเปิดดำเนินการ คาดจะทำให้จำนวนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าใต้ดินของ BMCL* มากขึ้น แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 1.78 บาท (Stop loss 1.76 บาท) แนวต้าน 1.86 บาท (และแนวต้านถัดไป 1.92 บาท)
… กลุ่มสินค้าไอที (SYNEX, COM7) เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้นกลุ่มสินค้าไอที โดยเฉพาะ SYNEX และ COM7 ที่คาดจะได้อานิสงค์จากการเปลี่ยนเข้าสู่ยุค 4G (ประเมินผู้บริโภคมีโอกาสเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือจาก 2G และรวมถึงสมาร์ทโฟนที่ยังไม่ รองรับ 4G ในปลายปี) โดย SYNEX เป็นตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทโฟน “หัวเว่ย” ส่วน COM7 เป็นตัวแทนจำหน่าย iPhone
1) SYNEX (เป้า Consensus 5.25 บาท) i) ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 เด่น (High season + กำไรอัตราแลกเปลี่ยน) ii) PE ต่ำเพียง ±10 เท่า + ปันผล >5% ต่อปี (1H58 จ่ายแล้ว 0.08 บาท คาดจ่ายที่เหลืออีก 0.14 บาท) iii) วานนี้ปิด 4.32 บาท ดีดพ้นแนวต้านใกล้ที่ 4.22 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.66 บาท
2) COM7 (เป้าพื้นฐาน 4.2 บาท) i) ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 ทรงตัว แต่คาดจะเด่นในไตรมาส 4/58 (iPhone 6s และ 6s plus เริ่มวางจำหน่ายในไทยปลายเดือน ต.ค.) ii) วานนี้ปิด 3.7 บาท ดีดพ้นแนวต้าน 3.5 บาทได้ สำหรับนักลงทุนที่ซื้อตามที่เราแนะนำวันที่ 1 ต.ค. แนะนำ “Let profit run” ประเมินแนวรับ ±3.64 บาท แนวต้าน 3.9 และ 4.2 บาท ตามลำดับ (นักเก็งกำไรสั้น อาจพิจารณาเก็งกำไรในกรอบแนวรับ – แนวต้านดังกล่าว)
… CPALL* (เป้าพื้นฐาน 65 บาท) 1) รูปแบบราคาตัดผ่านเทรนไลน์ขาลงระยะสั้น + MACD ตัด Signal line ในแดนบวก มีโอกาสแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านแรกที่ 51.75 บาท และถัดไปที่ ±53.5 บาท (กรอบ Uptrend line channel) ประเมินแนวรับ 49.25 บาท (Stop loss 47.5 บาท) 2) ในเชิงพื้นฐานฝ่ายวิจัยฯยังคงประเมินกำไรปีนี้เติบโต 30% YoY และโต 27% YoY ในปีหน้า ประเมินภาพรวมการบริโภคในประเทศจะฟื้นตัวในปลายปีนี้ (ผลจากมาตรการภาครัฐฯ)
… กลุ่มการบริโภคในประเทศ (สะสม ROBINS*, TSR) ธีมหลักเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า ที่คาดจะเริ่มอัดฉีดเม็ดเงินต้นไตรมาส 4/58 ประเมิน ROBINS* และ TSR เป็นหุ้นที่ได้อานิสงค์โดยตรง (ประเมิน ROBINS* กำไรปีนี้โต >20% YoY และ TSR คาดกำไรปีนี้โต >30% YoY) ขณะที่ราคาหุ้นยัง Laggard ... ROBINS* แนวรับ 37 บาท / TSR แนวรับ 6 บาท
… UWC และ CEN มีธีมการลงทุนเรื่องการขยายสายส่งไฟฟ้าฯทั่วประเทศ (UWC มีส่วนแบ่งตลาดฯ ±30%) และการเข้าซื้อธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล >100MW (ล่าสุดซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 2 โรง กำลังการผลิตรวม 17.4MW มี PPA แล้ว) ขณะที่ CEN ถือหุ้น UWC อยู่ 40.5%
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ถือต่อได้แนวโน้มยังดี: SCC*, KTB*, SAMART*, BANPU*, IFEC, TSR
ขายตัดขาดทุน: SCN (หลุด Stop loss 7.9 บาท)
สรุป Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
WORK แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 51 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรไตรมาส 3/58 = 95 ล้านบาท +251% YoY จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ WORKPOINT TV โดยคาดว่าทั้งอัตราค่าโฆษณาและ u-rate จะเพิ่มขึ้น แต่คาดจะอ่อนลง QoQ เพราะคอนเสิร์ตและงานอีเวนต์ลดลง
ข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
(+) ครม. เห็นชอบอนุมัติวันหยุดเพิ่มเติมประจำปี 2559 อีก 2 วัน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในช่วงโลว์ซีซั่น (เดอะ เนชั่น) เรามีมุมมองที่เป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว เนื่องจากเชื่อมั่นว่า จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในปีหน้า โดยวันหยุดเพิ่มเติมจะส่งผลให้เกิดวันหยุดต่อเนื่อง 4-5 วันในช่วงวันฉัตรมงคล และเทศกาลเข้าพรรษา ทั้งนี้ เราคาดว่า ภาคเอกชนบางส่วนก็จะประกาศให้มีวันหยุดเพิ่มเติมตามภาครัฐในลำดับต่อไป เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย โดยเชื่อว่าจะมีการฟื้นตัวแข็งแกร่งจากปัจจัยฤดูกาลในช่วงไตรมาส 4 เรายังคงแนะนำซื้อหุ้น AOT* และ AAV* โดยมีราคาเป้าหมาย 345 และ 6.09 บาท ตามลำดับ
(+) CK* ลุ้นเซ็นงานใหม่ 2 หมื่นล้าน (ข่าวหุ้น) ประเด็นดังกล่าวเป็นไปตามคาด โดย 3 งานจากการดูแลระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายและสายสีม่วง และปรับปรุงระบบการสื่อสารสายสีน้ำเงิน MRT (เฉลิมรัชมงคล) และอีก 1 งานจากการก่อสร้างโครงการน้ำบากที่ประเทศลาว จะช่วยหนุนให้งานในมือเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1 แสนล้านบาท และส่งผลให้กำไรปกติปี 2558 ยังยืนได้ที่ระดับ 919 ล้านบาทจาก 965 ล้านบาทในปี 2557 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านบาทในปี 2559 ดังนั้น ภาพรวมธุรกิจที่ยังโตโดดเด่น ทำให้เราแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2559 เท่ากับ 36.50 บาท
(0) IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงสู่ 3.1% ปีนี้และ 3.6% ปีหน้า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ โดยระบุถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนแอและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน พร้อมทั้งเตือนว่า จำเป็นต้องมีการดำเนินนโยบายเพื่อเพิ่มอุปสงค์ (Bisnews) เป็นไปตามที่เราคาด เราคาดว่าประมาณการเศรษฐกิจโลกปีนี้ และ ปีหน้าของ IMF ใน 2016 World Economic Outlook จะให้น้ำหนักมากเกินไปต่อการขยายตัวเศรษฐกิจฝั่งตะวันตกแต่จะลดน้ำหนักการขยายตัวเศรษฐกิจจีนลง และจะให้น้ำหนักการขยายตัวเศรษฐกิจโลกปีหน้ามากเกินไปแต่ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ลง เป็นรูปแบบเดิมที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้ ส่วน GDP ไทย IMF คาดว่าปีนี้จะขยายตัว 2.5% ปีหน้า 3.2% ตัวเลข 3.2% เป็นตัวเลขที่สมเหตุผลมากกว่าตัวเลขของ World Bank ที่ 2.0% ในปีหน้า โดยคาดว่าการลงทุนจะขยายตัวเพียง 0.8% ซึ่งแทบไม่ได้ให้น้ำหนักการขยายตัวของการรลงทุนในประเทศเลย ไม่น่าจะเป็นไปได้ในสถานการณ์ปกติ ขณะที่เราและธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าปีหน้า GDP จะขยายตัว 3.7%
(+) UNIQ* ชูธงคว้าโครงการรัฐฟันรายได้เข้าเป้าหมื่นล้าน (ทันหุ้น) UNIQ ตัวเต็งคว้าทุกสัญญาโครงการลงทุนขนาดใหญ่รัฐ ดันผลงานพุ่งหมื่นล้านคาดทยอยรับรู้ปีละ 20% พร้อมการันตีผลงานปี 2558 ทำได้ตามเป้า 10,000 ล้านบาท รับผลดีงานในมือ 30,000 ล้านบาทหนุน
(+) TKS โชว์ผลงานอู้ฟู่รับทรัพย์ SYNEX แสตมป์เซเว่นหนุน (ทันหุ้น) TKS ผลงานโดดเด้งรับรายได้แสตมป์เซเว่น กำไร SYNEX หนุน ลุ้นงานประมูล Soft Packaging มูลค่าหลายร้อยล้านบาท พร้อมปิดดีลร่วมทุนญี่ปุ่น พ.ย.นี้
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘นัยสั้น 1367 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1367 จุดนั้น อาจคงรักษาแรงผลักขึ้นทดสอบต้าน 1380 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1367 จุดนั้น อาจกดราคาลงสู่แนวรับ 1356 จุด
แนวรับวันนี้: 1367/1356 แนวต้านวันนี้: 1374/1379
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]