- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 30 June 2014 16:12
- Hits: 2725
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อยืนเหนือ 1470”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
• ภาพตลาดวันก่อน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปรับขึ้น 5.76 จุด ปิดที่ 1483.24 จุด มูลค่าซื้อขาย 3 หมื่นกว่าล้านบาท นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะได้อานิสงค์ทางบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น ทำให้ใน 2Q57 จะมีกำไรจากสต็อกเข้ามาช่วยเสริม รวมถึงการซื้อเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กกระจายไปในกลุ่มต่างๆ ด้วย โดยประเด็นที่เก็งกำไรกันมากคือ การเข้าซื้อกิจการ (M&A) – เห็นชัดเจนในกลุ่มโรงพยาบาล และการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT – เห็นชัดเจนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนต่างชาติ, สถาบันในประเทศ และพอร์ตบล.ซื้อสุทธิ ส่วนรายย่อยขายสุทธิ
• ปัจจัยและกลยุทธ์ : ในสัปดาห์นี้ปัจจัยหลัก คือ การทำ Preview ผลประกอบการ 2Q57 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเราคาดว่าจะเติบโตได้ดี YoYโดยมีรายได้ดอกเบี้ยเป็นปัจจัยหนุน แต่อาจอ่อนเล็กน้อย QoQ แนวโน้มสดใส โดยคาดว่ากำไร 2H57 จะเติบโตดีขึ้น และขยายตัวแกร่ง 22% ในปี 58จาก 9% ในปีนี้เราจึงให้น้ำหนักลงทุน Overweight ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทย โดย Top Picks คือ BBL, KBANK, KTB ส่วนปัจจัยภายนอกที่ติดตาม คือ ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำต่างๆ รวมถึงความคืบหน้าของการชี้แจงสถานการณ์ค้ามนุษย์ของไทยต่อสหรัฐ และความสัมพันธ์ของไทยกับอียู ว่าจะเป็นอย่างไร
เพราะส่วนนี้มีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของภาคส่งออกไทยอยู่บ้าง (ไทยส่งออกไปสหรัฐ 10% และส่งออกไปอียู 28 ประเทศคิดเป็น 10% ของทั้งหมด) โดยรายได้จากส่งออกคิดเป็น 70% ต้นๆ ของ GDP โดยรวมในช่วงนี้ เรายังเน้นการลงทุนที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศเป็นหลัก เพราะความเสี่ยงเรื่องการส่งออกมีมากขึ้น สำหรับหุ้น Top Picks ของเดือนก.ค.57 (ใน Wealth Perspective Equity) เป็น AP, BBL,ROJNA, SVI, VGI ส่วน Dark Horse คือ BLAND, SGP สำหรับกลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก การอ่อนตัวต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ 1470จุด มีแนวเด้ง 1450-1440 จุด ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1490, 1500 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนระยะยาววันนี้เป็น IVL
Fundamental Pick
IVL แนะนำซื้อปิด 27.75 บาท เป้าหมาย 28 บาท(กำลังปรับปรุง)
• ปัจจัยบวกที่เป็น Catalyst คือ ผลประกอบการฟื้นตัวเป็นกำไร โดย Spread ของ PTA เพิ่มเป็น 85 เหรียญสหรัฐ/ตันในช่วง YTD เทียบกับ 72 เหรียญสหรัฐ/ตันใน 4Q56 เนื่องจากกำลังการผลิตใหม่เข้ามาน้อยกว่าที่เคยประเมินกันไว้ (10 ล้านตัน) ซึ่งส่วนนี้ทำให้ราคา PX ซึ่งเป็นวัตถุดิบของ PTA ลดลงมากเป็น 1,180 เหรียญสหรัฐ/ตัน ต่ำสุดนับตั้งแต่ 4Q53 และ Spreadของ PX (บน Naphtha) ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ปีที่ 215 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งเป็นบวกกับ IVL โดยการเพิ่มขึ้นของ Spread PTA ทุกๆ 10 เหรียญสหรัฐ/ตันจะทำให้กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น 14%ด้านปริมาณขาย มีการเติบโตที่ดี โดยบริษัทเพิ่มเป้าหมายปีนี้เป็น 6.5 ล้านตัน (เดิม 5.8 ล้านตัน) เพราะโรงงาน MEG ที่สหรัฐผลิตเต็มที่ (ใน 2Q56 ปิดซ่อมบำรุงไป 2 เดือน) และโรงงานไฟเบอร์ใหม่ที่อินโดนีเซียเริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ใน 3Q57 (กำลังการผลิต 3.18 แสนตัน/ปี)รวมทั้งมีการเพิ่มการผลิตโรงงาน PTA และ PET ที่มีอยู่เดิมด้วย หากตัดปริมาณการผลิต PTAเพื่อใช้ในการทำ PET ออกไป 1.2 ล้านตัน พบว่าปริมาณขายปีนี้จะเติบโต 15%YoY และการปรับขึ้นของ Spread PTA ใน 2H57 คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญในครึ่งหลังของปีนี้ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 28 บาท (อยู่ระหว่างปรับปรุง)
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+ ญี่ปุ่น : ธนาคารโลกคาดการบริโภคจะพลิกฟื้นได้ตั้งแต่ก.ย.57 เมื่อผู้บริโภคปรับตัวกับอัตราภาษีขายใหม่ที่ 8% ได้แล้ว
+ นายจิม ยอง คิม ประธานธนาคารโลก คาดว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคญี่ปุ่นจะเริ่มฟื้นตัวในราวเดือนก.ย.57 หลังจากที่การใช้จ่ายลดลงชั่วคราว อันเป็นผลมาจากการปรับขึ้นภาษีการขายนอกจากนี้ ยังระบุว่าคำมั่นสัญญาของนายอาเบะในการเพิ่มการจ้างงานสตรีและแรงงานจากต่างประเทศนั้น เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนอย่างมาก
+/• สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นแต่การใช้จ่ายยังไม่แกร่ง
+/• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนมิ.ย.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะที่ 82.5 จากระดับ 81.9 ในช่วงท้ายเดือนพ.ค. เนื่องจากภาคครัวเรือนในสหรัฐมีความรู้สึกที่ดีขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน แต่การใช้จ่ายยังไม่ขยายตัวมากนัก โดยยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคที่แท้จริงในเดือนพ.ค.ปรับตัวลดลง 0.1%
• ตลาดหุ้นสหรัฐทรงตัว
• ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 5.71 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 16,851.84 จุด ดัชนี S&P500 ขยับขึ้น 3.74 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 1,960.96 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 18.88 จุด หรือ0.43% ปิดที่ 4,397.93 จุด
• สัญญาน้ำมันดิบแกว่งแคบ
• สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.1% แตะที่ 105.74ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ปิดเพิ่มขึ้น 9 เซนต์ ที่ 113.3 ดอลลาร์/บาร์เรล แม้ว่าเหตุการณ์ในอิรักดูเหมือนว่าจตะทวีความรุนแรงขึ้น แต่ความตึงเครียดในตลาดกำลังลดน้อยลงจากสัญญาณบ่งชี้ที่ว่าการผลิตน้ำมันดิบจากทางภาคใต้ของอิรักยังไม่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ โดยภาคใต้ของอิรักผลิตน้ำมันกว่า 3ใน 4 ของการผลิตน้ำมันทั้งประเทศ
+ สัญญาทองคำ COMEX ดีดขึ้น
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดบวก 3ดอลลาร์ หรือ 0.23% ที่ 1,320 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
•/+ เริ่มทำ Preview ผลประกอบการ 2Q57กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ... คาดกำไรโต YoYแต่อาจอ่อนเล็กน้อย QoQ ให้น้ำหนักลงทุนOverweight หุ้นเด่น BBL, KBANK, KTB
• เริ่มเทศกาล Preview กำไร 2Q57 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในเบื้องต้นคาดว่ากำไรสุทธิจะยังคงเติบโตเมื่อเทียบ YoY ทั้งนี้ฐานของสินเชื่อที่แต่ละธนาคารมีอยู่บวกกับการเติบโตแม้ไม่มาก แต่ก็ช่วยให้รายได้ดอกเบี้ยขยายตัวได้ YoY การตั้งสำรองค่าเผื่อฯมีแนวโน้มจะทรงตัวถึงลดลง เพราะธนาคารบริหารจัดการเรื่องความเสี่ยงได้มากขึ้น นอกจากนั้นแต่ละธนาคารก็บริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเทียบ QoQ คาดว่ากำไรจะอ่อนลงเล็กน้อย
+ แนวโน้ม 2H57 และปี 58 ดีขึ้น ทั้งในด้านการปล่อยสินเชื่อและการขยายรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น โดยเฉพาะภาคลงทุน รวมทั้งการส่งออกที่ฟื้นตัวชัดเจนในปี 58 เราประมาณการว่ากำไรสุทธิกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในปี 58 จะเติบโต 22% จาก 9% ในปีนี้
ความเห็น Retail Research : เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุน Overweight กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตดีขึ้นในช่วง 2H57 และปี 58 หลังจากการบริโภคและการลงทุนฟื้นตัว โดยเราชอบธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น BBL, KBANK, KTBเนื่องจากมีจุดแข็งของตัวเองและเป็นจุดที่จะมีการเติบโตที่ดีขึ้นในระยะกลาง-ยาวด้วย ทั้งนี้BBL มีฐานลูกค้า Corporate แข็งแกร่ง ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการลงทุนของภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วน KBANK มีเครือข่าย SME ที่กว้างขวาง และให้ Loan Yield สูง ด้าน KTBได้รับประโยชน์จากการเติบโตของการลงทุนภาครัฐ
• ธปท.คาดเศรษฐกิจ 2H57 ของไทยจะฟื้นตัวเป็น V-Shape และขยายตัวแกร่ง 5.5%ในปี 58
• ธปท.คาดเศรษฐกิจไทย 1H57 ติดลบ 0.5% และฟื้นแบบ V-Shape เป็นบวก 3.4% ใน 2H57ทำให้ทั้งปี 57 โต 1.5% ส่วนปี 58 ประมาณการว่าจะขยายตัวสูงขึ้นเป็น 5.5% จากการใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐ และการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น ธปท.ได้ปรับสมมติฐานเงินเฟ้อขึ้นเล็กน้อยในปี57-58 แต่ไม่ได้กดดันให้ต้องรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ความเห็น Retail Research : เราเห็นว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มฟื้นตัวและเติบโตดีในปี58 และในระยะยาว คือ ธนาคารพาณิชย์ (หุ้นเด่น BBL, KTB, KBANK), รับเหมาก่อสร้าง(หุ้นเด่น CK, STEC), วัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่น SCC, SCCC, TASCO), นิคมอุตสาหกรรม(หุ้นเด่น AMATA, ROJNA, HEMRAJ) และท่องเที่ยว (หุ้นเด่น AOT, CENTEL, MINT)แนะนำให้หาจังหวะเลือกซื้อสะสมช่วงอ่อนตัวเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว
• คตร.ยกเลิกและทบทวนโครงการใหญ่บางแห่ง...เราเชื่อว่าบางโครงการยังต้องดำเนินการเพียงแต่ทบทวนให้เหมาะสมยิ่งขึ้นก่อน เช่น สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ,แจกคูปองทีวีดิจิตอล เป็นต้น
• ทาง Retail Research เห็นว่าการที่คตร.สั่งยกเลิกและทบทวนโครงการใหญ่ที่ใช้งบประมาณสูงเกินจริง เช่น การจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ 115 คน, การจัดหาหัวรถจักร 126 คันของรฟท.,ยกเลิกแท็บเล็ตกระทรวงศึกษาธิการ, ทบทวนโครงการก่อสร้างสุวรรณภูมิเฟส 2, พิจารณาราคาคูปอง Set top box ฯลฯ นั้นเป็นเรื่องที่อยู่ในตลาดแล้ว และราคาหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องได้ปรับลงมารับข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน
• อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่ามีบางโครงการที่ต้องดำเนินการต่อ เพียงแต่ใช้เวลาในการทบทวนให้เกิดความเหมาะสมมากขึ้น คือ การขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 เพราะการจราจรเริ่มแออัด และกำลังจะเข้า AEC ซึ่งอุปสงค์การใช้บริการสนามบินจะเพิ่มขึ้นไปอีก ยังคงคำแนะนำซื้อ AOTโดยให้ราคาพื้นฐาน 237 บาท ส่วนโครงการแจกคูปองซื้อ Set top box ก็ต้องเกิดขึ้นเช่นกันแต่ต้องรอทำประชาพิจารณ์ช่วงต้นเดือนก.ค.ก่อน แล้วสรุปราคาคูปองและแจกในกลางเดือนก.ค. ในเชิงกลยุทธ์ยังแนะนำซื้อ SIM, SAMART (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในข่าวเช้าวันที่26 มิ.ย.57)
• โครงการโซลาร์รูฟท็อปชุมชน 800 MWเลื่อนออกไปก่อน...กระทบ Sentiment หุ้นที่เกี่ยวข้อง เช่น SPCG, AKR, SOLAR เป็นต้นแต่ไม่มีผลต่อคาดการณ์กำไร
• นายวิลาศ งามแสงรุ่งสาโรจน์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA เปิดเผยว่าขณะนี้ PEA ได้ชะลอโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน (โซลาร์รูฟท็อป ชุมชน)กำลังการผลิต 800 เมกะวัตต์ (MW) ออกไปก่อน ทั้งนี้ต้องรอผลการพิจารณาของคสช.ก่อนว่าโครงการนี้จะต้องทบทวนรายละเอียด เช่น การจัดสรรให้กับแต่ละกลุ่ม/บริษัทไม่มากเกินไป,อัตราผลตอบแทนหรือ IRR ของผู้ประกอบการไม่สูงเกินไป เป็นต้น
ความเห็น Retail Research : คาดว่าจะกระทบผู้ประกอบการที่สนใจเข้าประมูล เช่น SPCG,AKR และผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแผง คือ SOLAR ในแง่ของ Sentiment การลงทุนบ้าง แต่ไม่มีผลต่อคาดการณ์กำไรสุทธิ เพราะเป็นส่วนที่นักวิเคราะห์ยังไม่ได้นำมารวมไว้ในประมาณการปี 58
• การเมือง : หัวหน้าคสช.คาดจะประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวได้ในเดือนก.ค.-ส.ค.นี้ส่วนสภาปฏิรูปฯเริ่มปฏิบัติหน้าที่ต.ค.57โดยใช้เวลาในการปฏิรูปทุกด้านประมาณ10 เดือน ซึ่งจะเสร็จสิ้นในปี 58 แล้วค่อยเลือกตั้งทั่วไป
• พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติคาดว่าจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวในเดือนก.ค.57 หรือเกินกว่านั้นเล็กน้อย และจะมีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ได้ในเดือนก.ย.57 ในส่วนสภาปฏิรูปแห่งชาตินั้นเนื่องจากต้องใช้กระบวนการในการสรรหา เพื่อให้ได้ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้มีประสบการณ์จากทุกภาคส่วน ต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือน นับตั้งแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ก็คาดว่าสภาปฏิรูปแห่งชาติ จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ในต้นเดือนต.ค.57
• ทั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวจะกำหนดให้สภาปฏิรูปทำการปฏิรูปในทุกๆ ด้าน โดยสภาปฏิรูปแห่งชาติจะจัดทำข้อเสนอแนะเหล่านั้นต่อคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรให้แล้วเสร็จก่อน ส่วนช่วงเวลาในการปฏิรูประยะที่ 2 คาดจะใช้เวลาประมาณ 10 เดือน หัวหน้าคสช.คาดว่าภายในปี 58 ทุกอย่างจะเสร็จสิ้น และจะได้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยสมบูรณ์ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นปี 59
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]