- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 05 October 2015 17:36
- Hits: 1747
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
เฟดอาจไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็ว…แต่ศก.โลกที่ซบเซายังท้าทาย
Stock Picks-Oct 2015 : Fundamental : AOT, BBL, CK, CPNRF, LPN
Fundamental Pick -Today: PS
(ดู Theme เก็งกำไร+วิเคราะห์เทคนิคด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, AP, QH, SPALI, SNC, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : M 37%, HMPRO 23%, TTA 22%, DTAC 17%, AMATA 16%, MONO, 16%, IVL 15%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวก แต่ยังควรระวังการแกว่งลงหลังรีบาวด์
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1360-1370,1380 ค่าลบ
SET50 ซื้อค่าบวก 880-890,900 ค่าลบ
Technical Picks- Today : KTC, PS, SVI, SGP, CENTEL, BLA, MAJOR, BIGC
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SIRI (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์แกว่งแคบรอข้อมูลสำคัญด้านแรงงานของสหรัฐที่จะรายงานออกมา ซึ่งปรากฎว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาด (ออกมา 1.42 แสนตำแหน่ง/คาดไว้ 2 แสนตำแหน่ง) ผนวกกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก ทำให้มุมมองเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเปลี่ยนไป จากเดิมเทรดเดอร์ในตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นในเดือนต.ค.หรือธ.ค.58 ก็ขยับออกไปเป็นเดือนมี.ค.59 แทน ซึ่งการเลื่อนเวลาปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปของสหรัฐทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงในช่วงสั้นและแนวโน้มการแข็งค่าจะช้าลง ซึ่งเป็นบวกต่อตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยังมีปัจจัยเสี่ยงและแรงกดดันอื่นๆอีก ที่สำคัญคือ ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกที่ทำให้อุปสงค์อยู่ในระดับต่ำ ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า ดังนั้นแม้ว่าตลาดจะดีดขึ้นในช่วงสั้นได้ แต่ก็ควรระวังความผันผวนและการอ่อนตัวตามมา หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น PS
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกและมีโอกาสรีบาวด์ต่อ แต่ควรระวังการแกว่งลงตามมา แนวต้านระยะสั้น 1360-1370, 1380 จุด การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี สามารถเลือกซื้อเก็งกำไรระยะสั้น (แต่ไม่บวกไม่เล่น) หุ้นที่เข้ามาใหม่ได้แก่ KTC, PS, BLA, SVI, SGP ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและอยู่ใน List ต่อ คือ CENTEL, MAJOR, BIGC, MCS, SIM, WORK เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ปรับขึ้นมาแล้ว & อยู่ในพื้นที่ Take Profit เป็น DCC หุ้นที่หลุด List คือ VIBHA
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- สหรัฐ : ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.51 ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.1%
+ สหรัฐ : ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐกำลังลดลง โดยปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐปรับลดลงจาก 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อประมาณช่วงปลายเดือนพ.ค.ถึงกลางเดือนก.ค. มาอยู่ที่ราว 9.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ล่าสุด ขณะที่เบเกอร์ ฮิวจส์ รายงานวันก่อนว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐลดลงไป 35 หลุดในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา เหลือ 640 หลุม
+ สเปน : สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือขึ้น 1 ขั้นสู่ระดับ BBB+ แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือมีเสถียรภาพ โดย S&P ระบุว่า การปฏิรูปด้านต่างๆที่รัฐบาลสเปนดำเนินการมานั้นได้ส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนปัจจัยที่จับตา คือ การเมืองภายหลังการเลือกตั้งในวันที่ 20 ธ.ค.58 ซึ่งหากมีความระส่ำระสายก็อาจกระทบการปฎิรูปได้ โดยเฉพาะการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ
+ ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน แต่ปิดบวกในที่สุด ในการซื้อขายช่วงแรก ดัชนี DJIA ดิ่งลงกว่า 200 จุด เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ย.บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอ แต่ดัชนีดีดขึ้นในการซื้อขายช่วงหลัง เพราะประเมินว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็ว รวมทั้งได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นกลุ่มพลังงานทะยาน 4.01% หลังจากที่ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ปิดตลาดดัชนี DJIA ปรับตัวขึ้น 200.36 จุด หรือ +1.23% ปิดที่ 16,472.37 จุด
+ ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 45.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ขยับขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 48.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 22.9 ดอลลาร์ หรือ +2.06% ปิดที่ระดับ 1,136.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยหนุน คือ กระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังจากตัวเลขภาคแรงงานอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจโลกซบเซา
- จีน : ปริมาณผลผลิตเหล็กดิบในจีนปรับลดลงต่อในเดือนส.ค.58 (-3.5%YoY เป็น 66.94 ล้านตัน) สำหรับ 8M58 ปริมาณการผลิตลดลง 2%YoY ซึ่งปี 58 ลดลงครั้งแรกในรอบ 20 ปี ส่วนดัชนีราคาเหล็กกระเตื้องเล็กน้อย 0.85%MoM แต่ลดลงมากเมื่อเทียบ YoY สำหรับผลประกอบการแร่เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กของจีนก็ขาดทุนจำนวนมากทั้งจากปริมาณและราคาที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน คาดว่าจะมีการปิดกิจการอีกโดยเฉพาะขนาดเล็ก
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
กลุ่มที่พักอาศัย : จับตามาตรการกระตุ้นที่จะออกมาสัปดาห์นี้ ว่าเป็นไปตามที่ประเมินกันไว้หรือไม่? ซึ่งตามกระแสข่าวจะมีการลดหย่อนค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองให้เหลืออย่างละ 0.01% เป็นเวลา 6 เดือน แต่ไม่มีการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% รวมทั้งการให้ธอส.หาแนวทางปล่อยกู้ให้กับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านแต่ถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ เช่น การยืดอายุหนี้ให้ยาวขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่ามาตรการจะมีผลกับที่พักอาศัยที่มีราคาเท่าใร และครอบคลุมถึงการซื้อที่พักอาศัยหลังแรกเท่านั้นหรือไม่ แต่ตลาดประเมินว่าน่าจะครอบคลุมเฉพาะที่พักอาศัยหลังแรกและมีราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งผู้ประกอบการที่มีความชำนาญในสินค้าระดับกลาง-ล่างในตลาดฯ ได้แก่ LPN, PS, SPALI, LALIN, SENA เป็นต้น
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : อยู่ในช่วงนักวิเคราะห์ทำ Preview ผลประกอบการไตรมาส 3/58 ซึ่งในส่วนของกำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรองค่าเผื่อฯ (Pre-Provision Earnings) ของธนาคารอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวถึงลดลงเล็กน้อย แต่การกันสำรองที่เพิ่มขึ้นมากทำให้กำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายลดลง และคาดว่าหลังทำ Preview กำไร 3Q58 คาดการณ์กำไรสุทธิของทั้งกลุ่มจะหดตัวลงจากประมาณการครั้งก่อน อย่างไรก็ตาม ธปท.กล่าวว่าสถานการณ์ของกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์นิ่งขึ้น ระดับ NPL ในไตรมาส 3/58 ค่อนข้างทรงตัวหลังจากย่ำแย่มาในหลายไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ส่วนสินเชื่อที่เป็นห่วงคือสินเชื่อ SME และสินเชื่อส่วนบุคคลที่อาจเพิ่มอย่างเร่งตัว
ทั้งนี้ แม้ว่า ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็ลดลงมารับข่าวลบมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมี P/BV อยู่ที่ประมาณ -2SD แล้ว นับว่าถูก แต่การที่ยังไม่มีปัจจัยกระตุ้นที่มีนัยสำคัญเข้ามาทำให้ราคาหุ้นอาจทรงตัวในระดับต่ำต่อ การซื้อขายตามรอบจึงไม่ได้มี Gap กำไรมากนัก ส่วนการลงทุน แนะนำเลือกซื้อเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว หุ้นเด่นเป็น BBL (เน้นสินเชื่อรายใหญ่และหนี้ยังเป็นปกติ), TCAP (เน้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ NPL ค่อนข้างนิ่งแล้ว) และ KBANK (เน้นสินเชื่อ SME ทำให้ตลาดกังวลว่าอาจมี NPL เพิ่มขึ้น ซึ่งธนาคารประเมินความเสี่ยงด้าน NPL ว่าจะเข้ามาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ก็ยังมองระดับ NPL Ratio สูงสุดไม่เกิน 2.7-2.8%)
+ ITD : โครงการทวายมีความคืบหน้าเป็นลำดับ ผู้บริหารระดับสูงของเครือ ITD รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เยี่ยมชมเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยโครงการลงทุนในทวายมีแนวโน้มคืบหน้าขึ้น โดยโครงการนี้เป็นการร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐ และมีภาคเอกชน คือ กลุ่ม ITD เข้าไปรับสัมปทานพัฒนาสาธารณูปโภค อายุสัมปทาน 50 ปี
การเมือง : จับตารายชื่อกรธ.และสปท. วันนี้ (5 ต.ค.58) จะมีการประชุมคสช. ซึ่งจะมีการประกาศรายชื่อประธานและกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จำนวน 21 คน และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จำนวน 200 คน หลังจากได้รายชื่อกรธ.แล้ว จะมีเวลาร่างรัฐธรรมนูญ 180 วัน หลังจากนั้นจะให้ประชาชนทำประชามติ ซึ่งคาดว่าจะเป็นประมาณไตรมาส 3/59 หลังผ่านประชามติ ก็ต้องทำกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 180 วัน แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นประมาณกลางปี 60
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค[email protected]
Update อุตสาหกรรม & หุ้นในเชิงกลยุทธ์
-/ SC: ถูกเรียกร้องค่าเสียหายจากการก่อสร้างอาคารสำนักงาน SHIN4 นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จะไปยื่นฟ้อง SC ต่อศาลปกครองกลางในการที่อาคารชุดสายลม ที่อยู่ใกล้การก่อสร้างอาคารสำนักงานของ SC ได้รับความเสียหายจากการชำรุด และแตกร้าว การเรียกร้องค่าเสียหายเบื้องต้นประมาณ 20 ล้านบาท (อินโฟเควสท์)
ความเห็น: จากการสอบถามบริษัทพบว่าทั้งทางบริษัทเอง และผู้รับเหมาก่อสร้างคือ SYNTEC ได้มีการติดต่อกับนิติบุคคลอาคารชุดกับผู้อยู่อาศัยมาตลอด แต่มีผู้อยู่อาศัยบางรายยังไม่พอใจ และจะเรียกร้องเพิ่ม ทาง SC เห็นว่าหากยอมหมดอาจจะเกินเลยกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ทาง SC ได้ตั้งค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งในงบการก่อสร้างไว้แล้ว เราจึงคาดว่าเรื่องนี้อาจจะส่งผลจิตวิทยาทางลบกับ SC แต่หากเทียบเป็นเม็ดเงินแล้วจะมีผลกระทบน้อย ดังนั้นหากราคาหุ้นปรับลง เป็นจังหวะทยอยสะสมได้ คาดว่า 3Q หรือ 4Q58 จะสามารถทำกำไรสูงสุดได้ในรอบปีนี้ กำหนดราคาพื้นฐานเป็น 3.53 บาท ด้วย P/E ปี 58 ที่ 9 เท่า หากภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือลดค่าธรรมเนียมการโอน ในทุกระดับราคาบ้าน คาดว่า SC จะมีกำไรปีนี้และปีหน้าเพิ่ม 2% และ 6% ตามลำดับ โดยสมมุติให้ปีนี้ได้ลด 3 เดือน และปีหน้าอีก 9 เดือน
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : Tel 7835
[email protected]