- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 02 October 2015 16:24
- Hits: 1069
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Slowdown
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ขยับขึ้นมาแกว่งแคบ 1,355 จุด +/- ทั้งนี้หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร/ ICT ทรงตัวได้ดี แม้ว่าจะมีประเด็นกดดันทั้ง 2 กลุ่มก็ตาม ขณะที่แรงเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางเป็นรายตัวยังคงเด่น เช่น TIPCO / IRPC / BEAUTY อย่างไรก็ตาม เกิดแรงขายในช่วงท้ายตลาด กดให้ SET INDEX หลุดแนว 1,350 จุด มาปิดที่ 1,345.15 จุด ลบ 3.85 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 29,224 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 3 ตลาดอีกครั้ง ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ เพียง 198 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 1,075 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 1,647 ล้านบาท เป็นจุดที่น่าสนใจ
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการสรุปชื่อประธาน กรธ และ สปช. หลังนายกฯ กลับจากเยือนสหรัฐฯ
ติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ คืนนี้
ตลาดหุ้นจีน ปิดทำการระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. เนื่องในวันชาติจีน
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
การประชุมครม. เพื่อพิจารณามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ
การประชุมธนาคารกลางที่สำคัญ BoJ / ECB / BoE
รายงานการประชุมเฟดวันที่ 16-17 ก.ค. ฉบับเต็ม เพื่อประเมินมุมมองต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 3 ด้วยภาพ SET INDEX แกว่งในกรอบระหว่าง 1,340-1,355 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง ต่อเนื่อง สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลกที่ขาดปัจจัยใหม่เข้ากำหนดทิศทางการลงทุนในองค์รวม อาจเห็นตลาดหุ้นบางแห่งขยับขึ้น / ลง ตามปัจจัยเฉพาะภายในประเทศเท่านั้น แต่หากพิจารณาจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเภทของสินทรัพย์ สินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ กับ สินทรัพย์เสี่ยงต่ำ อย่างตลาดตราสารหนี้ และอัตราแลกเปลี่ยน ต่างแกว่งในกรอบแคบทั้งสิ้น สะท้อนนักลงทุนทั่วโลกต่างเลือกที่จะถือเงินสดมากกว่าจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่ง
ปัจจัยในประเทศสำคัญวันนี้ ติดตามการตัดสินใจของนายกฯ ต่อการเชิญประธาน กรธ. และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ รวม 21 ท่าน รวมถึง สปช. เพื่อประเมินถึงแนวทางการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ และกรอบเวลา ตามที่นายกฯ ประเมินไว้ 6-4-6-4 ก่อนหน้านี้
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศสำคัญวันนี้ ติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ Bloomberg consensus คาดการจ้างงานนอกภาคการเกษตร 2.0 แสนตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.73 แสนตำแหน่ง และการจ้างงานภาคเอกชน คาดเพิ่มขึ้น 1.96 แสนตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.40 แสนตำแหน่ง เพื่อประเมินโอกาสที่เฟดจะยืนยันขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปีนี้ได้หรือไม่ ขณะที่ Fed Fund Rate Futures ประเมินว่าเฟดจะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนมี.ค. 2559
สำหรับสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับการประชุม ครม. วันอังคารที่ 6 ต.ค. นอกจากการพิจารณามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ แล้ว การพิจารณาแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมหรือไม่ เพราะเลื่อนการพิจารณามาถึง 2 สัปดาห์ กลายเป็นปัจจัยที่กลับมากดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอีกครั้ง จากความไม่ต่อเนื่องของการทำงาน
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายที่เบาบางไม่ถึง 3.0 หมื่นล้านบาท/วัน ย่อมทำให้ SET INDEX มีความผันผวนที่มากขึ้น หรือ อาจเป็นการเลือกซึมตัวลงไปทดสอบและปิดแก๊ปบริเวณ 1,330-1,335 จุด ทั้งๆ ที่ไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามาในช่วงนี้ก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนวันนี้อาจเลือกเก็งกำไรแบบจำกัดวงเงิน พร้อมกับกำหนดจุด Cut loss ของหุ้นที่เลือกเก็งกำไร โดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มอสังหาฯ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง" เพื่อเกาะกระแสกับมาตรการกระตุ้นและการทำงานของรัฐบาล
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: LPN
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. LPN : ราคาปิด 17.20 บาท ราคาเหมาะสม 19.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะ Outperform ตลาดได้ในสัปดาห์หน้า จากแรงเก็งกำไรการออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่คาดว่าจะเสนอให้ครม.พิจารณาในวันอังคารหน้า (6 ต.ค.)
b) ราคาหุ้นยัง Laggard โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา (YTD) หุ้น LPN -21.8% เทียบกับ SET PROP -10.9% และหุ้นในกลุ่ม เช่น AP -5.1%, LH -10.5%, PS -1.7% ANAN +15.8%
c) คาดผลประกอบการ 2H58 เติบโตเด่นจาก 1H58 เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้คอนโดมีเนียมหลายโครงการ เช่น LPN พระราม 9 และรังสิต คลอง 1 ฯลฯ
d) Valuation น่าสนใจซื้อขายระดับ PER2559 ที่ 8.1 เท่า เทียบกับกลุ่มที่ราว 10 เท่า และให้ Dividend Yield ในเกณฑ์ดีราว 5-6% ต่อปี
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น US$198 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$111 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 3 ตลาดอีกครั้ง แม้จะเป็นไปอย่างเบาบางก็ตาม
นักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ เพียง 198 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 16,256 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงสูงกว่า 1.0 แสนล้านบาท เป็น 107,344 ล้านบาท
ส่วน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 3 ชะลอตัวลงเหลือ 1,075 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิ 14,546 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 10,418 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ทั้งหมด และกลับมาถือสถานะ Long บางส่วนราว 4,128 สัญญา เมื่อ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เท่ากับ 15.03 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 14.41 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิลดลงเป็น 59,649 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 1,647 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 6,855 ล้านบาท เทียบกับ 7 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 7,008 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 3.62bps จากวันก่อนหน้าลดลง 3.10bps ปิดที่ 2.767%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 1,058 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าที่ 1,034 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 7 คงการขายกลุ่ม ICT และธนาคาร
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิเท่ากับ 430 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 574 ล้านบาท รวม 7 วันทำการขายสุทธิเป็น 5,399 ล้านบาท เทียบกับ 7 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 7,262 ล้านบาท สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่ม ICT กลับมาถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 239 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 153 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ขายสุทธิ 144 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 66 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมีขายสุทธิ 91 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 166 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มค้าปลีกถูกซื้อสุทธิ สูงสุด 134 ล้านบาท ตามาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 71 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
สภาผ่านร่างกฎหมายค่าใช้จ่ายทันเวลา: สภาล่างผ่านด้วยเสียง 277-151 เสียง หลังวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายนี้ไปก่อนหน้า ส่งผลให้หน่วยงานราชการไม่เผชิญกับความเสี่ยงที่จะปิดการให้บริการลง (Government Shutdown) ในวันที่ 1 ต.ค. อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวเป็นการผ่านงบประมาณชั่วคราวจนถึงวันที่ 11 ธ.ค. เท่านั้น สร้างความเสี่ยงต่อโครงการ Planned Parenthood, โครงการสุขภาพของผู้หญิง แต่ก่อนจะไปถึงประเด็นเหล่านี้ สภาคองเกรสจะต้องพิจารณาขยายเพดานก่อหนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.77 แสนตำแหน่ง แย่กว่า Bloomberg consensus คาด 2.72 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.67 แสนตำแหน่ง
ดัชนี PMI การผลิต เดือนก.ย. เท่ากับ 53.1 จุด ใกล้เคียง Bloomberg consensus คาดที่ 53.0 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 53.0 จุด ทั้งนี้คำสั่งซื้อใหม่และการผลิตชะลอตัว ส่งผลต่อการจ้างงานให้อยู่ในระดับต่ำสุดรอบ 2 ปี
ดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือนก.ย. เท่ากับ 50.2 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 50.5 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 51.1 จุด เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2556 โดยคำสั่งซื้อใหม่ เท่ากับ 50.1 จุด ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2555
ค่าใช้จ่ายการก่อสร้าง เดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 0.7% mom ดีกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยที่ 0.6% mom และเดือนก่อนหน้าที่ 0.4% mom โดยเป็นการก่อสร้างบ้านเดี่ยวที่แข็งแกร่ง 0.7% mom
ประธานธนาคารโลกส่งสัญญาณเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ชะลอตัว: ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลงและจะลงต่อเนื่อง โดยผลกระทบหลักมาจากการชะลอการเติบโตของจีน ขณะที่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดเกิดใหม่อย่างจำกัด ด้วยปัจจัยเหล่านี้ คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตช้าลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเกิดใหม่
ยุโรป
ไม่มี
จีน
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเริ่มทรงตัว: เดือนก.ย. ดัชนี PMI ภาคการผลิต เท่ากับ 49.8 จุด ใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus คาดที่ 49.7 จุด โดยผลผลิตเท่ากับ 52.3 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.7 จุด คำสั่งซื้อใหม่ แข็งแกร่งที่ 50.2 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 49.7 จุด และการจ้างงานทรงตัวที่ 47.9 จุด
ดัชนี PMI ภาคบริการทรงตัว: เดือนก.ย. เท่ากับ 53.4 จุด เท่ากับเดือนก่อนหน้า แต่เป็นระดับที่แข็งแกร่ง เหนือ 50 จุด ภายใต้ภาคการผลิตที่ชะลอตัว โดยคำสั่งซื้อใหม่ภาคการส่งออก ขยับขึ้นเป็น 51.1 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 46.6 จุด
เอเชียแปซิฟิก
ราคาที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์ปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8: ราคาที่อยู่อาศัยใน 3Q58 ลดลง 1.3% qoq เป็นการลดลงต่อเนื่องไตรมาสที่ 8 และเป็นหดตัวลงแรงสุดนับตั้งแต่ 2Q52 เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์
กองทุนบำเหน็จบำนาญใหญ่สุดในโลก เริ่มเข้า Junk Bond และหุ้นกู้ในตลาดเกิดใหม่: กองทุนบำเหน็จบำนาญของญี่ปุ่น ขนาดสินทรัพย์ US$1.2 ล้านล้าน เริ่มปรับพอร์ตตราสารหนี้ ด้วยการเลือก Nomura Asset Management เพื่อดูตราสารหนี้ High-Yield ในสหรัฐฯ ส่วน UBS Global Asset Management (Japan) เพื่อดูโอกาสการลงทุนในตราสารหนี้ Speculative-grade ในยุโรป ส่วน Janus Capital Manangement จะดูแลในส่วนของการลงทุนตราสารหนี้ของสหรัฐฯ
การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นฟื้นตัว: เดือนส.ค. การใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 2.9% yoy เป็นการฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และมากกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 0.3% yoy โดยเป็นการใช้จ่ายด้านอาหารและเสื้อผ้าเป็นสำคัญ
อัตราเงินเฟ้ออินโดนีเซียชะลอตัวลง: เพิ่มขึ้น 6.83% yoy ในเดือน ก.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 7.18% yoy และต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด 7.00% yoy โดยราคาอาหาร, ค่าขนส่งและที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง
ตัวเลขการผลิตเดือน ก.ย.ในเอเชียส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น:
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 51.0 จุด จากเดือน ส.ค. 50.9 จุด
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 49.2 จุด จากเดือน ส.ค. 47.9 จุด
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของไต้หวันเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 46.9 จุด จากเดือน ส.ค. 46.1 จุด
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของมาเลเซียเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 48.3 จุด จากเดือน ส.ค. 47.2 จุด
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของเวียดนามลดลงอยู่ที่ระดับ 49.5 จุด จากเดือน ส.ค. 51.3 จุด
ดัชนี Nikkei PMI ภาคการผลิตของอินโดนีเซียลดลงอยู่ที่ระดับ 47.4 จุด จากเดือน ส.ค. 48.4 จุด
ไทย
ปลัดคมนาคมยันปีนี้ประมูลมอเตอร์เวย์ 3 เส้น: ปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังเข้ารับตำแหน่งเป็นวันแรกว่า งานเร่งด่วนที่จะเร่งรัดเป็นอันดับแรก คือ การประกวดราคาโครงการมอเตอร์เวย์ 3 สายภายในปี 2558 โดยขณะนี้ สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กม. วงเงิน 20,200 ล้านบาทได้เปิดประกาดราคาแล้ว ส่วนสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร วงเงิน 55,620 ล้านบาทและ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร วงเงิน 84,600 ล้านบาท ได้จัดทำร่างเอกสารประกวดราคาเสร็จแล้ว จะเร่งรัดให้มีการประกวดราคาในปีนี้เพื่อให้ได้ผู้รับจ้างก่อสร้างเร็วที่สุด และภายในเดือนต.ค.นี้ จะสามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ด้านตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ระยะทาง 21.1 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 95,000 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างสอบถามความเห็นหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
ฟิทช์ ชี้ปลายปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทย ปรับเป้าเหลือ 2.7% ปีนี้: บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยปีนี้เหลือเติบโตได้ ราว 2.7% และในปี 59 จะขยายตัวได้ 3.5% ขณะที่ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะเติบโตราว 2.3% และปีหน้าจะเติบโตได้ 2.7% ฟิทช์ฯ ยังคงสถานะความน่าเชื่อถือด้านต่างประเทศในระยะยาวของประเทศไทย ไว้ที่ระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable เช่นเดิม โดยพิจารณาจากภาพรวม ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบข้อมูลเดียวกันกับประเทศอื่นๆ
เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9: ลดลง 1.07% yoy ในเดือน ก.ย. มาจากดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 2.36% โดยสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง 23.58% ค่าบริการมือถือและอินเทอร์เน็ต 0.02% ส่วนสินค้าที่ราคาแพงขึ้น เช่น หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ 2.15% ค่าโดยสารสาธารณะ 1.39% ขณะที่หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 1.31% นอกจากนี้เป็นการลดลง 0.05% mom ทำให้ใน 9M58 เงินเฟ้อลดลง 0.90% yoy โดยกระทรวงพาณิชย์ปรับประมาณการเงินเฟ้อในปีนี้เหลือ -1% ถึง -0.2% เป็นการประเมินติดลบครั้งแรกในรอบ 6 ปีนับจากปี 2552
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530