- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 30 September 2015 18:20
- Hits: 1919
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"มีลุ้นเด้งต่อ...แต่อาจมีระยะทางจำกัด"
Stock Picks-Sep 2015 : Fundamental : CK, INTUCH, KBANK, QH, RATCH
Fundamental Pick -Today: SCB
(ดูรายละเอียดใน Company Focus ด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, AP, QH, SPALI, SNC, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : M 25%, DEMCO 24%, EGCO 20%, BEC 19%, LH 18%
Technical View ตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี
Support Resistance Stop loss
SET 1330-1320 1360-1370 ค่าลบ
SET50 850-840 880,900 ค่าลบ
Technical Picks- Today : RCI, SAMTEL, VNG, ANAN, CENTEL, BLA, TIPCO, STAR
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดภูมิภาคที่เศรษฐกิจเกี่ยวข้องกับจีน ปิดตลาด SET Index ลดลงเพียง 3.29 จุด ที่ 1348.84 ปัจจัยที่กังวล คือ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว และเศรษฐกิจที่ไทยเองก็ซบเซาต่อเนื่องยาวนาน ภาคส่งออกเดือนส.ค.หดตัวมากขึ้น นักลงทุนต่างชาติและพอร์ตบล.ขายสุทธิต่อ ส่วนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิมากขึ้น ด้านรายย่อยซื้อสุทธิเช่นกัน
ระยะสั้นมากตลาดหุ้นมีสิทธิเด้งต่อ หลังจากร่วงลงรับข่าวลบเรื่องเศรษฐกิจจีนชะลอตัวไปพอควรแล้ว และอาจมีการทำราคาปิดสิ้นงวด 3Q (Window Dressing) แต่ความกังวลกับความซบเซาของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศที่พึ่งพิงสินค้าโภคภัณฑ์มากอาจมีจีดีพีลดลงมากในปีนี้และทรงตัวต่ำไปใน 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมัน ก็อาจทำให้การปรับขึ้นของตลาดหุ้นมีระยะทางจำกัด นอกจากนั้นตลาดก็พร้อมแกว่งเมื่อมีประเด็นหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ส่วนในประเทศ อยู่ในช่วงทำ Preview ผลประกอบการ 3Q58 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคาดว่า Core Profit จะไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นนัก แต่กำไรบรรทัดสุดท้ายจะลดลงเพราะการตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่สูงขึ้น ซึ่งหากกำไรไม่ลดลงมาก ราคาหุ้นกลุ่มแบงค์ก็มีสิทธิรีบาวด์ขึ้นได้ หุ้น Top Pick ของกลุ่มคือ KBANK รองลงมาเป็น BBL, SCB ส่วนแบงค์เล็ก แนะนำ TCAP ซึ่งมี P/BV ต่ำเพียง 0.7 เท่าและจ่ายปันผลสูง (ดูรายละเอียดได้ในหน้า 2)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบและค่าลบในวันนี้ดูไม่ดี แต่ก็มีลุ้นเด้งเพื่อปิดงวดไตรมาส 3/58 แนวต้านที่คาดหวังช่วงสั้นอยู่ที่ 1360, 1370-1380 จุด สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี สามารถเลือกซื้อเก็งกำไรระยะสั้น (แต่ไม่บวกไม่เล่น) ได้แก่ RCI, SAMTEL, VNG, ANAN, CENTEL, BLA, TIPCO, STAR
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- เศรษฐกิจโลก : IMF ระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศที่พึ่งพิงการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อาจชะลอตัวในช่วงปี 58-60 เนื่องมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงแรงและมีแนวโน้มทรงตัวต่ำ โดยประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพลังงานจะได้รับผลกระทบ 2 เด้ง ทั้งจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำเพราะปัญหาอุปทานล้นเกินและและแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ
+ สหรัฐ : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก.ย.เพิ่มขึ้นและดีกว่าคาด ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 103.0 ในเดือนก.ย.58 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.58 หลังแตะระดับ 101.3 ในเดือนส.ค.58 และดัชนีประเมินภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี
+ สหรัฐ : ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.7%YoY ในเดือนก.ค.58 สูงกว่า 4.5% ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 10 เมืองเพิ่มขึ้น 4.5%YoY และดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองเพิ่มขึ้น 5.0%YoY
+ จีน : อุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์และไอทีทำกำไรเพิ่ม 17% ในช่วง 7M58 โดยมีกำไรรวมกัน 2.6 แสนล้านหยวน จากรายได้ที่เติบโต 7.7%YoY และอัตรากำไรสุทธิในระดับ 4.4% (เพิ่มขึ้น 0.4% จาก 7M57)
/+ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นแต่ยังจำกัด ปิดตลาด +47.24 จุด (+0.3%) โดยนักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นที่ปรับลดลงแรงหลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐออกมาดีกว่าคาด แต่ตลาดก็ไม่สามารถปรับขึ้นได้มากเพราะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ทั้งนี้ IMF ออกรายงานแสดงถึงความกังวลกับเศรษฐกิจของประเทศที่พึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์ว่าอาจจะชะลอหรือหดตัวมาก
+ หุ้นกลุ่มสุขภาพในตลาดสหรัฐรีบาวด์ขึ้นหลังร่วงไป 11% ใน 7 วันทำการที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากความเห็นของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครทที่ระบุว่าบริษัทเวชภัณฑ์มีการกำหนดราคาที่สูงเกินไป และพร้อมกับให้คำมั่นว่าจะปรับลดต้นทุนราคายา หากเธอได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง
+ ตลาดหุ้นอินเดียพุ่งขึ้นแรง หลังธนาคารกลางมีมติลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลง 0.5% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลด 0.25% โดยธนาคารกลางอินเดียเห็นว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงทั่วโลกทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มจะทรงตัวต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง จึงจำเป็นต้องกระตุ้นให้อุปสงค์ภายในประเทศแข็งแกร่งขึ้น เพื่อชดเชยกับการขยายตัวที่อ่อนแอของเศรษฐกิจโลก
+ ราคาน้ำมันดิบบวกขึ้น โดยสัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบพ.ย.58 เพิ่มขึ้น 80 และ 89 เซนต์ ปิดที่ 45.23 และ 48.23 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ ปัจจัยหนุน คือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด
- ราคาทองคำยังอ่อนตัวต่อ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบธ.ค.58 ลดลง 4.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 1126.8 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปัจจัยในประเทศ & Theme เด่น
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : อยู่ในช่วง Preview ผลประกอบการ 3Q58 เราคาดว่าผลประกอบการในธุรกิจหลัก (Core Profit) ในไตรมาสนี้จะไม่ได้น่าตื่นเต้นนัก รายการที่จับตา คือ NPL และการตั้งสำรองค่าเผื่อฯ ซึ่งเราคาดว่าจะเพิ่มขึ้น (ซึ่งของ KTB, SCB และ TISCO ก็มีกรณีของ SSI เข้ามาอยู่แล้ว) อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นธนาคารพาณิชย์ได้ลดลงสะท้อนความเสี่ยงในส่วนนี้ไปพอสมควรแล้ว ถ้าระดับ NPL และการตั้งสำรองค่าเผื่อฯ ไม่ได้รุนแรงมาก คาดว่าราคาหุ้นก็น่าจะยืนได้และมีสิทธิรีบาวด์เมื่อตัวเลขจริงออกมา
สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ใหญ่ เราชอบ KBANK (เป็นหุ้น Top Pick ของกลุ่ม ราคาพื้นฐาน DBS 230 บาท) ที่มีการบริหารจัดการเรื่องความเสี่ยงของการด้อยค่าในคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีจากพอร์ตสินเชื่อที่ค่อนข้างกระจายตัวอย่างสมดุล และในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีก็ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ส่วน BBL (ราคาพื้นฐาน 192 บาท) มี Valuation ที่น่าสนใจเพราะซื้อขายที่ P/BV ต่ำเพียง 0.8 เท่า ขณะที่ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ไม่สูงมาก ด้าน SCB (ราคาพื้นฐาน 165 บาท) ราคาหุ้นก็ร่วงลงมารับข่าวลบกรณี SSI ไปมากแล้ว ขณะที่ผลประกอบการปี 58 ไม่ได้ลดลงจากกรณีนี้มากเพราะมีกำไรจากการขายเงินลงทุน 7-8 พันล้านบาทเข้ามาช่วยชดเชย
ส่วนธนาคารขนาดเล็ก เรามองว่า TCAP (ราคาพื้นฐาน 33 บาท) น่าสนใจที่ยังมีผลขาดทุนใน SCIB มาช่วย Smooth ผลประกอบการได้ ด้าน Valuation จูงใจ โดยมี P/BV ต่ำเพียง 0.7 เท่า และให้ Dividend Yield สูงที่ 5% ในปีนี้ และเกือบ 6% ในปี 59
+ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ : ออกโปรลดหย่อนเอง...ไม่รอมาตรการรัฐ ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าผู้ประกอบการบางรายออกโปรโมชั่น "ฟรีค่าใช้จ่าย" ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ที่ยังต้องจ่าย ส่วนค่าโอนและจดจำนองลดหย่อนให้เหลือเพียง 0.01% เพื่อกระตุ้นยอดโอนกรรมสิทธิ์ (ส่วนต่างจากโปร บริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง) ซึ่งตามข่าวบริษัทที่ทำโปรประเภทนี้ ได้แก่ QH, SIRI, ANAN เป็นต้น (ที่มา : สรุปจากประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 1-3 ต.ค.58)
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี โดยปกติผู้ประกอบการจะเร่งกระตุ้นการขายและการโอนรับรู้รายได้ แต่ในปีนี้การเปิดขายโครงการใหม่ชะลอเพราะกำลังซื้อในระบบค่อนข้างอ่อนแอจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซายาวนาน ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคหดตัว แต่บริษัทก็อยากกระตุ้นให้มีการโอนรับรู้รายได้จาก Backlog ที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ Cash Flow ของบริษัทสะดุดตัว โดยเฉพาะบริษัทที่มีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนสูง ซึ่งเรามองกว่าก็เป็นทางเลือกที่ดีของผู้ประกอบการ เพราะปัญหาสภาพคล่องทางการเงินเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของธุรกิจที่พักอาศัย ถ้าไม่มีปัญหานี้ก็ยังประคองตัวไปได้แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังไม่ดีขึ้นเร็วก็ตาม
กลุ่มสื่อสาร : เร่งเจรจาคืนคลื่นความถี่เพื่อนำมาเปิดประมูล 4G & กสทช.ยืนยันซิมไม่ดับ โดยให้ ADVANC ให้บริการต่อหลังสิ้นสุดอายุสัมปทานในวันนี้ (30 ก.ย.58) ไปจนกว่าจะมีการประมูลคลื่นใหม่มารองรับผู้ใช้บริการส่วนนี้ ด้านรัฐบาลก็เร่งหารือเพื่อหาข้อสรุปการคืนคลื่นความถี่ที่จะนำมาเปิดประมูล 4G ในเดือนธ.ค.58 นี้
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค[email protected]