- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 30 September 2015 17:47
- Hits: 1247
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET ยังลุ้นรีบาวด์ขึ้นได้ ดังนั้นซื้อแล้วเน้นถือเพื่อขายบวก
กลยุทธ์ : SET พักตัวลงในกรอบจำกัดมากขึ้น และมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยหนุนให้ทรงตัวและรีบาวด์เป็นบวกได้ด้วย ประกอบกับเช้านี้ตลาดหุ้นต่างประเทศดูสดใสมากขึ้น ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีแนวโน้มกลับไปแกว่งบวกได้ตามคาดเดิม ดังนั้นหลังจากเราแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมในช่วงตลาดเป็นลบแล้ว ถัดจากนี้ยังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่อง เพื่อรอโอกาสทำกำไรช่วงตลาดกลับไปแกว่งบวกอีกครั้งได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MCS, FER, GFPT(buy back)
แนวโน้ม : หลังจากเช้าวานนี้ SET เปิดปรับตัวลงต่อตามบรรยากาศการลงทุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ไม่สดใสนัก เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และแนวโน้มการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปีนี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากวันก่อนหน้า SET ปรับตัวลงค่อนข้างแรงกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคไปพอควร ขณะที่ตลาดหุ้นกลุ่ม TIPs ก็เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้แกว่งทรงตัวได้ดีกว่าภูมิภาค และมีจังหวะรีบาวด์ขึ้นให้เห็นด้วย นอกจากนี้ในบ้านเรายังมีประเด็นเกี่ยวกับการเร่งใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่ยังทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะค่อยๆ ฟื้นตัวได้บ้างในช่วงท้ายปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า จึงทำให้เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนดัชนีให้ทรงตัวด้านลบได้ ก่อนจะค่อยๆ ไต่ระดับกลับขึ้นเป็นบวกในระหว่างวันได้บ้าง ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะยังปิดสิ้นวันเป็นลบอยู่ แต่ด้วยบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ที่ดูสดใสมากขึ้น น่าจะช่วยหนุนให้แรงซื้อยังมีเข้ามาผลักดันตลาดหุ้นไทยให้แกว่งขึ้นต่อเนื่องได้อีก จึงยังเน้นถือต่อ
แนวรับ 1345-1342 , 1339-1336 จุด
แนวต้าน 1352-1358 , 1360-1365 จุด
Fund Flow กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่นขึ้น US$218 ล้าน ไต้หวันกลับมาเปิดทำการและเงินทุนไหลออกมากสุดวานนี้ US$88.8 ล้าน ตามด้วยไทย US$76.2 ล้าน และอินโดนีเซีย US$35.6 ล้าน กระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคต่อไป การที่ IMF เตือนประเทศที่เศรษฐกิจพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์จะชะลอตัวในปี 2015-17 ตามราคาสินค้าในตลาดโลก ยิ่งเพิ่มความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ยกเว้นอินโดนีเซียมีปัจจัยบวกดึงดูดเงินทุนต่างชาติโดยประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ซึ่งเน้นกระตุ้นการลงทุนจากต่างชาติ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) เงินบาทอ่อนไร้แนวต้าน การตัดสินใจไม่ขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ตั้งแต่ 16-17 ก.ย. ทำให้ความกังวลมีต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางไต้หวันปรับลดดอกเบี้ยในสัปดาห์ก่อน และวานนี้ธนาคารกลางอินเดียปรับลดดอกเบี้ย 0.5% มากกว่าคาด ยิ่งกดดันค่าเงินในเอเชียและทำให้ Flow ไหลออก สำหรับค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว 2.2% ตั้งแต่ 18 ก.ย. หนุนให้ต่างชาติเร่งขายหุ้นอีก 1.5 หมื่นล้านบาท ขายฟิวเจอร์ส 2.1 หมื่นวัญญา และขายพันธบัตร 1.6 พันล้านบาท กลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ outperform กลุ่มอื่นอย่างโดดเด่น แต่ราคาใกล้เต็มมูลค่าแล้ว แนะนำลงทุนอย่างระมัดระวังในกลุ่มนี้ มีเพียง SVI ที่ยังพอมี upside ส่วนหุ้นอื่นที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อนได้แก่ EPG, VNG
(-) ไม่มี Window dressing หุ้น big cap. หลายตัวในกลุ่มพลังงาน แบงก์ สื่อสาร รวมถึง SCC, AOT มีราคาต่ำกว่าราคาปิดสิ้น 2Q15 มากเกินไป มีเพียงหุ้นไม่กี่ตัวที่ราคาใกล้เคียงราคาปิดสิ้นไตรมาสก่อนเช่น TOP, KBANK, KTB แต่ไม่มากพอที่จะดันดัชนีได้
(0) S&P คงอันดับเรตติ้งไทยที่ BBB+ และมีมุมมอง Stable เพราะสถานการณ์การเมืองดีขึ้นกว่าในอดีต และยังติดตามโครงการลงทุนภาครัฐว่าจะสำเร็จหรือไม่
(+) ชาวจีนเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นในเดือน ส.ค. ทั้งที่มีเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์เมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค. แต่ปรากฎว่าชาวจีนยังเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น +3.2% M-M, +78% Y-Y ยังครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 28% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด และทำให้ยอดรวมของชาวจีนใน 8M15 เพิ่มขึ้นถึง 107% Y-Y และจำนวนนักท่องเที่ยวรวมทั้งหมดเป็น 20.1 ล้านคน +30% Y-Y ปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ High season เชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีนี้น่าจะเป็น 29.5 ล้านคน +19% ได้ไม่ยาก หุ้นกลุ่มนี้เราชอบ CENTEL (ราคาเป้าหมายปีนี้ 45 บาท) และ AAV (เป้าหมายปีนี้ 6 บาท)
(-) SCB ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะ write-off หนี้ SSI ได้หรือไม่แม้จะมีแผนตั้งสำรองฯเต็มจำนวนเพราะยังเหลือข้อสรุปด้านภาษีและกฏหมาย แต่เราเชื่อว่าตลาดจะตอบรับเป็นบวกต่อกรณี write-off มากกว่าเพราะคุณภาพหนี้จะดีขึ้นมาก ส่วนกำไรสุทธิ 3Q15 เราคาด 1 หมื่นล้านบาท -23% ทั้ง Q-Q และ Y-Y และปรับลดกำไรปี 2015-16 ลง 2.4% และ 4% ตามลำดับ ทำให้กำไรปีนี้ -10% Y-Y ปีหน้า +5% Y-Y เพราะ NIM และสินเชื่อที่ต่ำคาด ปรับลดเป้าหมายปี 2016 เหลือ 166 บาทจาก 180 บาท แม้หุ้นจะเทรดที่ 2016PBV 1.34 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 2 เท่า แต่เสี่ยงที่จะจ่ายปันผลน้อยลง แนะนำเลี่ยงไปลงทุนใน KBANK แทนก่อน
(0) BECL-BMCL เลื่อนควบรวม เพราะครม.อนุมัติไม่ทันภายใน 1 ต.ค. นี้ การขยายเวลาออกไปคาดว่าไม่เกิน 1 เม.ย. 2016 แต่หากเลยกว่านั้น ต้องกลับไปเริ่มนับ 1 ใหม่ตั้งแต่ประชุมกรรมการบริษัท ประชุมผู้ถือหุ้น และขออนุมัติหน่วยงานรัฐและครม. ความล่าช้าของขั้นตอนการควบรวมไม่กระทบพื้นฐานและราคาเป้าหมายของทั้ง 2 บริษัท เรายังแนะนำซื้อ BECL (ราคาเป้าหมายปีนี้ 47 บาท) BMCL (เป้าหมายปีนี้ 2.40 บาท)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อที่ผ่านมาปิดผสมหลังจากร่วงแรงในวันก่อนหน้า โดยหุ้นในกลุ่ม Commodity สามารถฟื้นตัวขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามดัชนียังปรับตัวขึ้นได้จำกัดจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกอยู่
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมายังปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันจาก Sentiment ที่ยังเป็นลบ
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เริ่มมีการฟื้นตัวได้บ้างหลังร่วงแรงในช่วง 2 วันก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯที่เริ่มทรงตัวได้
(0) ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งทรงตัวได้หลังจากอ่อนค่าแรงในวันก่อนหน้า ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 36.33-36.43 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดที่ 45.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.80 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความคาดหวังที่ว่าสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลงสัปดาห์ที่แล้วจะช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้หลังจากร่วงแรงวานนี้
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,126.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลงอีก 4.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยยังคงถูกกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในอนาคตอันใกล้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30-ก.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ส.ค.
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ก.ย.)
1-7 ต.ค. - จีน:ตลาดการเงินปิดทำการ เนื่องในวันชาติ
1-ต.ค. - ไทย:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.), อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
- ฮ่องกง:ตลาดการเงินปิดทำการ
- จีน:Manufacturing and Non-manufacturing PMI (ก.ย.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan ของ 3Q15
- สหรัฐ:ISM Manufacturing (ก.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ก.ย.)
2-ต.ค. - สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.ย.) (ตลาดคาดเพิ่ม 2 แสนคน มากกว่าเดือนก่อนหน้าที่เพิ่ม 1.73 แสนคน),อัตราว่างงาน (ก.ย.)
5 ต.ค. - สิงคโปร์: 3Q15 GDP
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.ย.),ยอดค้าปลีก (ส.ค.)
6-ต.ค. - ออสเตรเลีย:ธนาคารกลาง (RBA) ประชุม
7-ต.ค. - ญี่ปุ่น: ธนาคารกลาง (BOJ)ประชุม
8 ต.ค. - ไทย: TFGเริ่มเทรด (ราคา IPO 1.95 บาท)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch