- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 29 September 2015 17:44
- Hits: 1285
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
กังวลเศรษฐกิจจีนกดตลาด
คาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้ด้วยข่าวลบจากต่างประเทศ กลบข่าวบวกภายในประเทศ มาตรการสนับสนุน SME ท่าทีผ่อนคลายทางการเงินของ ธปท. และมุมมองบวกของ รมว.คลังน่าจะช่วยพยุงตลาดไว้ได้พอสมควร จากความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน หลังจากกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนทุรดต่ำลงแรงที่สุดในรอบสี่ปี
หุ้นเด่นวันนี้ : KTC (Bt95.00; ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 113.00 บาท)
บมจ.บัตรกรุงไทย เป็นหุ้นแนะนำวันนี้ เนื่องจากมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นผันผวน ทางผู้บริหารของ KTC ยังคงมั่นใจต่อการเติบโตในปีนี้และปีหน้า และคาดว่าในปี 2558 กำไรสุทธิจะสูงกว่า 2 พันล้านบาท ประมาณปลายปีนี้ทาง KTC จะเปิดตัวโครงการใหม่คือ Digital Payment โดยจะเน้นความสะดวกสบายให้กับลูกค่า ซึ่งจะเน้นใช้ความสะดวกสบายนี้ในการดึงดูดลูกค่าใหม่ นอกจากนี้ KTC จะยังเน้นการเพิ่มพันธมิตรบัตรเครดิต เพื่อให้เข้าถึงลูกค่าในหลาย Lifestyle เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ถือบัตร รวมไปถึงเพิ่มยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร และรายได้ค่าธรรมเนียมด้วย แม้ KTC ได้เปลี่ยนไปใช้บริการ Win Performance เพื่อที่จะตามเก็บหนี้ ซึ่งจะทำให้ KTC มีรายได้จากการติดตามหนี้ลดต่ำลง แต่อย่างไรก็ตามจะทำให้ค่าใช้จ่ายของ KTC ลดต่ำลงด้วย จากงค่าใช้จ่ายพนักงานที่ลดลง เราคาดการณ์ EPS เติบโต 22.2% ในปี 58 และ 12.3% ในปี 59 Price Pattern ของ KTC ที่ได้ปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายสำคัญที่ 96 บาทได้ตามคาด จากนั้นจึงเกิดการแกว่งตัวจนเกิดการทำ Lower Low ครั้งใหม่ ทำให้ปัจจุบัน Price Pattern ของ KTC ได้กลับมาเกิด Daily Sell Signal ครั้งใหม่แล้ว แต่ Price Pattern ของ KTC ก็ยังคงได้รับความแข็งแกร่งจากการที่ยังคงเกิด Weekly Buy Signal อยู่ ทั้งนี้ Price Pattern ของ KTC จะกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ก็ต่อเมื่อสามารถกลับขึ้นมาปิดตลาดเหนือ 96.50 บาทอีกครั้ง ซึ่งในกรณีที่ Price Pattern ของ KTC ทำได้สำเร็จ คาดว่าจะทำให้ KTC มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายหลักต่อไปที่ 101.00 บาท (Resistance: 95.25, 95.75, 96.50; Support: 94.50, 94.00, 93.25)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ช่วยเหลือ 7 หมื่นเอสเอ็มอี รองนายกฯ สมคิดตั้งเป้าอุ้มกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จำนวน 7 หมื่นกิจการ เช่น ช่วยเหลือการตั้งกิจการใหม่ 1 หมื่นราย และจะช่วยเหลือ 1 หมื่นกิจการที่ประสบปัญหาทางการเงินและต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน (Bangkok Post)
ธปท.ยังเปิดโอกาสลดดอกเบี้ยได้อีก ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวว่าธนาคารกลางจะยังคงนโยบายการเงินผ่อนคลายเอาไว้เพื่อให้สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและยังมีพื้นที่เหลือให้ผ่อนคลายนโยบายได้อีก (Bangkok Post)
รมว. คลังมองบวกอย่างระมัดระวัง รมว.กระทรวงการคลัง นายอภิศักดิ์ คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในปีหน้า แต่รัฐยังคงจำเป็นต้องอัดฉีดเงินเพิ่มขึ้น มาตรการกระตุ้นและการค่อยๆ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกรวมถึงการเมืองที่มีเสถียรภาพจะเอื้อต่อการฟื้นตัวในปี 59 (Bangkok Post)
เพิ่มขบวนรถไฟสำหรับแอร์พอร์ตลิงค์ รมว. กระทรวงการคมนายคมได้รับอนุญาตจากการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ซื้อรถไฟเพิ่มขึ้น 7 ขบวนสำหรับแอร์พอร์ตลิงค์ซึ่งเป็นวาระที่เร่งด่วน (Bangkok Post)
INET เตรียมลงทุน 1.5 พัน ลบ.สร้างดาต้าเซนเตอร์แห่งที่ 3 เพื่อเกาะกระแสธุรกิจคลาวด์ที่กำลังเติบโต แต่ยังไม่รีบมากเนื่องจากศูนย์ที่มีอยู่ปัจจุบันยังรองรับได้ดีอยู่ อาจเปิดให้ใช้งานราวปี 2560 เป็นต้นไป (Post Today)
INTUCH (73.25 บาท ราคาเป้าหมาย 105 บาท) พร้อมใช้เงินสด 2 พัน ลบ.ในมือลงทุนในธุรกิจอื่นเพื่อให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 25% Post Today)
บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันนี้เป็นวันแรก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว JWD สามารถระดุมทุนผ่านการออกหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น ที่ราคา 11.0 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 1.32 พันลบ. โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายคลังสินค้า Warehouse ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ JWD กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง Warehouse ในประเทศกัมพูชา ลาว และพม่า ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็วจในช่วง 2Q59 (The Nation)
MALEE (28.75 บ.) เซ็นสัญญากับบริษัท Monde Nissin ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มในประเทศฟิลิปปินส์เพื่อร่วมดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มในตลาดฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปีหน้า โดย MALEE จะดูแลการผลิต ขณะที่ Monde Nissin จะดูแลการจัดจำหน่ายตลอดการทำการตลาด บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายของ JV ปีแรกอยู่ที่ 1 พันลบ. และเพิ่มขึ้นเป็น 5 พันลบ.ภายในห้าปี (Bangkok Post) ความเห็น: เป็นครั้งแรกของบริษัทในการเข้าสู่ตลาดอาเซียน บริษัทร่วมทุนที่จะได้ประโยชน์จากการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มของฟิลิปปินส์ที่เติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 8% ต่อปีและเผชิญการแข่งขันน้อยกว่าในไทย
ต่างประเทศ :
สัญญาณที่ขัดแย้งกันของเฟด ผู้กำหนดนโยบายของเฟด 17 รายรวมทั้งนางเจเน็ท เยลเล็น ประธานเฟด จะแยกกันกล่าวสุนทรพจน์ต่อสาธารณชนทั่วประเทศในสัปดาห์นี้ นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กให้ความเห็นเมื่อวันจันทร์นี้ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต.ค.นี้ และเขากล่าวอีกว่าตราบใดที่ภาวะเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นและเศรษฐกิจยังเติบโตอยู่ มีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ (Reuters)
สภาคองเกรสรีบผ่านร่างงบประมาณให้กับประธานาธิบดีโอบามาเพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดงานของเจ้าหน้าที่รัฐในวันพฤหัสนี้ เพื่อหยุดข้อขัดแย้งของพรรครีพับลิกันเกี่ยวกับสำหรับงบประมาณสำหรับองค์กร Planned Parenthood วุฒิสภาสหรัฐจะให้งบสนับสนุนองค์กรดังกล่าวไปจนถึงวันที่ 11 ธ.ค. ด้วยเสียงสนับสนุน 77 ต่อ 19 ซึ่งเปิดทางให้กับวุฒิสภาในการผ่านร่างงบประมาณใช้จ่ายในช่วงเช้าวันพุธนี้ และส่งต่อให้กับสภาผู้แทนราษฎรได้ทันเวลากำหนดเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนของวันพุธ(Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีหุ้นในตลาดวอลล์สตรีทดิ่งลงเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวหลังจากกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนร่วงลงอย่างหนักในเดือนส.ค.และผลกระทบต่อการขึ้นต่ออัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ หุ้นกลุ่มยาและเทคโนโลยีชีวภาพถูกเทขายหลังจากพรรคเดโมแครทได้โจมตีการขึ้นราคาของยาที่รักษาโรคหัวใจ 2 ตัวของบริษัท Valeant Pharmaceuticals International Inc จากแคนาดา โดยร่วงลง 16.5% (Reuters)
การใช้จ่ายผู้บริโภคในสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. ดูเหมือนจะเพิ่มน้ำหนักของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. (ตัวเลขปรับปรุงแล้ว) นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการก่อนหน้านี้ว่ายอดการใช้จ่ายฯ จะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. รายงานตัวเลขดังกล่าวเป็นฉบับล่าสุดที่บ่งบอกถึงความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจสหรัฐ (Reuters)
ภาวะเงินเฟ้อโดยรวมยังคงต่ำ สะท้อนถึงราคาน้ำมันที่ต่ำลง ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงต่ำกว่าเป้าของเฟดที่ 2% ต่อปี เพิ่มขึ้น 0.3% YoY ในเดือนส.ค. อย่างไรก็ตามดัชนีเงินเฟ้อหลักเพิ่มขึ้น 1.3% ยกเว้นสินค้ากลุ่มอาหารและพลังงานซึ่งเป็นตัววัดหลักของเฟดในการดูแนวโน้มเงินเฟ้อ ในเดือนก.ค. ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1.2% YoY (Reuters)
ยอดขายบ้านมือสองลดลงในเดือนส.ค. บ่งบอกว่าตลาดอสังหาฯ ที่แข็งแกร่งอาจลดความร้อนแรง สมาคม NAR รายงานดัชนียอดขายบ้านมือสองในเดือนที่แล้วว่าลดลง 1.4% MoM อยู่ที่ 109.4 จุด นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ว่าดัชนีดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 0.4% MoM ในเดือนส.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ เพิ่มขึ้น 6.1% YoY เป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกันสำหรับการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดคาด ECB น่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใน 6 เดือน ข้างหน้า รอยเตอร์ทำการสำรวจความเห็นในวันจันทร์ จากโบรคเกอร์ 21 ราย 11 รายลงความเห็นว่า ECB จะขยายมาตรการ QE ที่ปัจจุบันอยู่ที่เดือนละ 6 หมื่นล้านยูโร ใน 6 เดือนข้างหน้า ในขณะที่หนึ่งรายมองว่าจะเกิดขึ้นใน 1 ปีข้างหน้า โดยอ้างเหตุเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนที่ชะลอ (Reuters)
หุ้นยุโรปถอยหลัง หลังหุ้นใหญ่ร่วง Glencore ซึ่งเป็นบริษัทโภคภัณฑ์ใหญ่ของยุโรปร่วง 29.4% เมื่อวานถือเป็นการร่วงลงในวันเดียวที่มากที่สุด จากที่ Investec ออกรายงานเตือน ภาระหนี้ในระดับสูงของบริษัท และราคาแร่โลหะที่ตกต่ำ หุ้น Glencore ที่ร่วงลง และหุ้น Volkswagen ที่ดิ่งลงต่อกดดันตลาดหุ้นยุโรป (Reuters)
เอเชีย :
ผลประกอบการบริษัทอุตสาหกรรมในจีนเดือน ส.ค. ลดลงในอัตรามากที่สุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2554 โดยกำไรสุทธิหดตัวลง 8.8% YoY เนื่องจากราคาขายสินค้าและผลิตภัณฑ์หดตัวลงขณะที่ต้นทุนขายกลับทรงตัว ขณะที่ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้พบว่ากำไรสุทธิลดลง 1.8% YoY ทั้งนี้ใน 41 กลุ่มอุตสาหกรรมทั้งหมดสำหรับในช่วง 8M58 พบว่ามี 31 อุตสาหกรรมที่เห็นกำไรสุทธิเติบโต YoY ขณะที่อีก 10 อุตสาหกรรมที่เหลือมีผลประกอบการที่หดตัวลง YoY โดยอุตสาหกรรมเหมืองแร่เป็นอุตสาหกรรมที่มีการหดตัวลงของกำไรสุทธืมากที่สุดที่ -57.3% YoY (Reuters)
ผู้ว่าการ BOJ ไม่กังวลถึงประเด็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed นาย Haruhiko Kuroda ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นกล่าวว่าไม่ได้มีความกังวลว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดหุ้นโลก รวมถึงการไหลออกของเงินทุนออกจากประเทศกำลังพัฒนา (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ทองลงจากความกังวลตัวเลข วันจันทร์ ทองตลาดจรปรับลงมากสุดในรอบสองสัปดาห์ครึ่ง ร่วงต่อจากวันศุกร์ โดยน่าจะมาจากความกังวลว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเมื่อวันศุกร์จะทำให้โอกาสขึ้นดอกเบี้ยยิ่งสูงขึ้น (Reuters)
น้ำมันถูกกดดันโดยตลาดหุ้น NYMEX ร่วง 1.27 ดอลลาร์หรือ 2.8% ปิดที่ 44.43 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล กดดันโดยวอลสตรีทและตัวเลขจีนที่อ่อนแอ ขณะที่ Brent ปิดลบ 1.26 ดอลลาร์หรือ 2.6% แตะ 47.34 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094