- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 29 September 2015 17:35
- Hits: 1489
บล.ฟินันเซีย ไซรัส บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ลงลึกกว่าคาดแต่ยังมีจุดต่ำเดิมเป็นฐาน ก่อนขึ้นใหม่!
กลยุทธ์ : ถึงแม้ว่า SET จะยังไหลลงลึกกว่าคาด แต่ FSS ยังมองว่ามีโอกาสสูงที่จุดต่ำรอบที่ผ่านมาแถว 1292 จุดจะเป็นฐานของการแกว่งขึ้นช่วงนี้ได้ตามคาดเดิม ดังนั้นจังหวะอ่อนตัวลงเรายังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมได้ แล้วเน้นถือต่อเนื่อง เพื่อรอโอกาสทำกำไรช่วงตลาดกลับไปแกว่งบวกอีกครั้งก่อนได้เช่นเดิม
หุ้นเด่นทางเทคนิค : NCH, DCC, BJCHI(buy back)
แนวโน้ม : แรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก และแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่มีออกมาต่อเนื่อง ยังส่งผลให้ตลาดหุ้นในกลุ่ม TIPs ปรับตัวลงแรงวานนี้ทั้งตลาดหุ้นอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ทำให้ SET กลับมาปรับตัวลงแรงอีกครั้งในภาคบ่าย หลังจากช่วงเช้าเคลื่อนไหวในด้านลบไม่มาก ซึ่งข่าวที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน(NBS) ระบุว่าผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนร่วงลงหนักในเดือน ส.ค. สร้างความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของจีนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขานิวยอร์คที่ยังยืนยันให้เฟดยุติการใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำก่อนสิ้นปีนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ปิดปรับตัวลงกันกว่า 1-2% อีก นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังกลับมาย้อนลบอีกเกือบ 3% ทำให้ FSS คาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะยังปรับพักตัวลงต่อได้อีก อย่างไรก็ตามเรายังคาดหมายว่ากรอบการปรับตัวลงจะถูกจำกัดไว้ไม่ต่ำกว่าจุดต่ำรอบล่าสุดแถว 1292 จุด และยังมีโอกาสที่จะเป็นการพักตัวช่วงสั้น ก่อนลุ้นแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยผลักดันให้ดัชนีกลับขึ้นไปสูงกว่า 1400 จุดได้อีกครั้งในช่วงถัดไปได้
แนวรับ 1348-1347 , 1342-1336 , 1330-1320 จุด
แนวต้าน 1356-1360 , 1364-1370 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเบาบาง US$94 ล้าน เนื่องจากตลาดเกาหลีใต้และไต้หวันปิดทำการเหลือเพียงตลาด TIP และเวียดนามซึ่งเงินทุนไหลออกตลาด TIP ทุกตลาดนำโดยไทย US$57.7 ล้าน ตามด้วยอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ US$18.2 ล้าน และ US$12.7 ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อการชะลอตัวเศรษฐกิจจีนซึ่งส่งผลต่อผลกำไรของบริษัทขนาดใหญ่ของจีนให้ร่วงลงหนัก และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) เศรษฐกิจเอเชียกดดันค่าเงินบาท และจุดกระแส Flow ไหลออกอีกครั้ง การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน การอ่อนค่าของค่าเงินริงกิตมาเลเซีย และค่าเงินรูเปียห์อินโดนีเซียอย่างรุนแรงและต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา กดดันค่าเงินในเอเชียรวมถึงค่าเงินบาท หนุนให้ flow ไหลออกอีกครั้ง ประกอบกับฟองสบู่ที่แตกในหุ้นกลุ่ม Nasdaq Biotechnology Index ซึ่งปรับลงถึง 20% ในช่วงเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะ PE ที่สูงถึง 70-80 เท่า ขณะที่ดัชนี Nasdaq เองมี PE 25 เท่า ยิ่งทำให้เกิด Risk aversion ในตลาด ขณะที่หุ้นกลุ่มการแพทย์ทั่วโลกถูกดดันจาก Valuations ที่แพง
(-) บาทอ่อนไม่ช่วยส่งออก ยอดส่งออกเดือน ส.ค. -6.7% Y-Y, -3% M-M ต่ำกว่าตลาดคาดมาก แม้ยอดส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์และทองคำจะเพิ่มขึ้นแต่ช่วยไม่ได้ เพราะหากไม่รวมทองคำ ยอดส่งออกจะหดตัวถึง 11% Y-Y และ 6% M-M ทั้งนี้มาจากสินค้าเกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันและปิโตรเคมีปรับลงรุนแรง ส่วนสินค้าเกษตรแม้ปริมาณส่งออกจะเพิ่มขึ้นแต่ราคาลดลงแรง ทำให้มูลค่าสินเค้าเกษตรส่งออกลดลง Y-Y ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ตลาดส่งออกหลักอ่อนแอทุกตลาดทั้งสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น โดยเฉพาะอาเซียนที่ลดลง 5 เดือนติดต่อกัน ส่วน CLMV เพิ่มในอัตราชะลอ หากยอดส่งออกยังอยู่ในระดับนี้ถึงสิ้นปี ปีนี้ส่งออกจะหดตัว 6% เป็นมูลค่าที่ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ค่าเงินบาทอ่อนไม่ช่วยเพราะค่าเงินของประเทศคู่แข่งอ่อนกว่า
(+) EPG แนวโน้มกำไร 2Q16 (ก.ค.-ก.ย. 2015) จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องแม้สินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกจะเข้าสู่ Low season แต่ชดเชยได้จากชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น บันไดข้างและหลังคารถกระบะ ที่เริ่มมีออเดอร์เข้ามาหลังพ้นการเปลี่ยนรุ่นรถกระบะไปแล้ว และยังได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนและต้นทุนเม็ดพลาสติกที่อยู่ในระดับต่ำ เราคาดกำไร 2Q16 +10% Q-Q, +124% Y-Y และปรับกำไรปี 2016-17 (สิ้นสุด มี.ค.) ขึ้นปีละ 10-13% เป็นเติบโต 95% Y-Y ในปี 2016 และโต 11% Y-Y ปี 2017 ข่าว Volkswagen ไม่กระทบบริษัทเพราะตลาดส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐ ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น EV/EBITDA เพียง 12.8 เท่าปีหน้า ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 12 บาท
(+) GLOBAL การซื้อหุ้น 40% ใน Souvanny ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านในประเทศลาว นับเป็นการรุกต่างประเทศเป็นครั้งแรกของ GLOBAL และน่าจะเป็นพม่าเป็นลำดับถัดไป (รู้ผลสิ้นปีนี้ถึงต้นปีหน้า) แม้ Souvanny จะยังไม่มีนัยสำคัญต่อผลประกอบการในระยะแรก เพราะเราคาดว่า GLOBAL จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปีละ 15-20 ล้านบาท คิดเป็นเพียง 1.7% ของกำไรต่อปี แต่ในระยะยาวจะเกิด Synergy จากการ sourcing สินค้าร่วมกัน เพราะส่วนใหญ่ Souvanny จะนำเข้าสินค้าจากไทยและจีนเข้าไปขายเป็นหลัก เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้า 14.10 บาท แนะนำซื้อ
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อที่ผ่านมาปรับตัวร่วงแรงกว่า 300 จุดโดยยังกังวลต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว รวมถึงคำพูดของประธาน FED สาขานิวยอร์คที่ระบุว่าจะยุติการใช้ดอกเบี้ยระดับต่ำภายในสิ้นปีนี้
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาร่วงแรงเฉลี่ยกว่า 2% เช่นกันโดยถูกกดดันจากหุ้น Volkswagen และ Glencore รวมถึงความกังวลด้านเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ดิ่งลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าแรงต่อเนื่อง ล่าสุดปรับตัวขึ้นมาแตะระดับบริเวณ 36.50 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดที่ 44.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.27 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,131.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 13.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังประธาน FED สาขานิวยอร์คระบุว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยปลายปีนี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
29-ก.ย. - ไทย:JWDเริ่มซื้อขาย (ราคา IPO 11 บาท)
- ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการ เนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า
- ตลาดไต้หวัน ปิดทำการเพราะไต้ฝุ่นตู้เวียน
- อินเดีย: ธนาคารกลาง (RBI) ประชุม
30-ก.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ส.ค.
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ก.ย.)
1-ต.ค. - ไทย:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.), อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
- จีน:Manufacturing and Non-manufacturing PMI (ก.ย.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan ของ 3Q15
- สหรัฐ:ISM Manufacturing (ก.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ก.ย.)
2-ต.ค. - สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.ย.) (ตลาดคาดเพิ่ม 2 แสนคน มากกว่าเดือนก่อนหน้าที่เพิ่ม 1.73 แสนคน),อัตราว่างงาน (ก.ย.)
5 ต.ค. - สิงคโปร์: 3Q15 GDP
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.ย.)
6-ต.ค. - ออสเตรเลีย:ธนาคารกลาง (RBA) ประชุม
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch