WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Domestic Play

ตลาดหุ้นวานนี้:
      ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดปรับฐานลงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย หลังจีนรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตออกมาต่ำกว่าคาด และความกังวลจากค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้หุ้น SCC ปรับฐานลงแรงจากความกังวลต่อโอกาสเกิดขาดทุนจากสต็อกปิโตรเคมี กดดันให้ SET INDEX ลบ 4.15 จุด มาอยู่ที่ 1,375.17 จุด มูลค่าการซื้อขาย 33,596 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติกลับมามีประเด็นที่น่าสนใจ กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ มากถึง 4,918 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 20,383 สัญญา แม้ว่าจะซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 อีก 3,033 ล้านบาท ก็ตาม

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดทำการเป็นวันแรกของสัปดาห์ ปรับตัวลงเกือบ 2% เช้านี้
ติดตามการปราศรัยของประธานเฟด Janet Yellen คืนนี้ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลง 4.1% dod กดดันกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี
รมว.คลัง เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ ระยะสั้นภายใน 2 สัปดาห์นี้

มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองต่อการลงทุนเป็น "กลางถึงบวก" วันที่ 18 และยังคงให้น้ำหนักกับการเกิด Technical Rebound สู่ด่าน 1,385 จุด +/- ในวันนี้ ผลักดันด้วยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มอสังหาฯ ที่รมว.คลัง ส่งสัญญาณสรุปมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า กลายเป็นประเด็นการเก็งกำไรที่น่าสนใจ ขณะที่หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร และ ICT อย่าง ADVANC / INTUCH ทรงตัวดีขึ้น ช่วยจำกัด Downside risk ในช่วงสั้นนี้
ทั้งนี้ เราเชื่อว่านักลงทุนทั่วโลกจะ Wait&See เพื่อรอฟังความเห็นของประธานเฟดต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากนี้ไป ซึ่งถือเป็นการปราศรัยครั้งแรกหลักสิ้นสุดการประชุมเฟดในคืนวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา ณ ปัจจุบัน ตลาดคาดการณ์เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2559 แต่ยังมีความกังวลว่าเฟดจะตัดสินใจขึ้นในการประชุมนัดสุดท้ายของปีนี้หรือไม่ โดยประธานเฟดจะขึ้นแสดงความเห็นหลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการแล้ว หรือ ช่วงเช้ามืดวันพรุ่งนี้ ตามเวลาประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติกับตลาดหุ้นไทย ด้วยการขายสุทธิมากถึง 4,918 ล้านบาท และ Short สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 20,383 สัญญา อาจกดดันจิตวิทยาการลงทุนของสถาบันภายในประเทศและพอร์ตโบรกเกอร์อยู่ไม่น้อย ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวของต่างชาติในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแรงกดดันต่อ SET INDEX หลังสิ้นสุดการทำ Window Dressing ในช่วงสิ้นเดือนนี้
ขณะที่กลุ่มอสังหาฯ วันนี้จะมีความโดดเด่น เพื่อเก็งกำไรต่อมาตรการกระตุ้นระยะสั้นที่ รมว.คลัง เตรียมเสนอต่อครม.พิจารณาในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ตลาดคาดว่าจะเป็นการยกเว้น / ลดหย่อนภาษีต่างๆ ในการซื้อที่อยู่อาศัย

กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรหุ้นที่สะสมมาก่อนหน้านี้ บางส่วน หลังแรงส่งของ SET INDEX โดยรวมเริ่มชะลอตัวในช่วงสั้น"
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: SIRI

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. SIRI: ราคาปิด 1.68 บาท ราคาเหมาะสม 1.64 บาท
a) MBKET คาดว่ามาตรการระยะสั้นที่จะออกมาสนับสนุนภาคอสังหาฯ จะเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอน และภาษีอสังหาฯ ต่างๆ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้ออสังหาฯ ในระยะสั้น นอกเหนือไปจากการแก้ไขปัญหาในกลุ่มที่ขอสินเชื่อภาคอสังหาฯ ไม่ผ่าน ด้วยการให้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์เข้ามาช่วยในส่วนนี้ ย่อมเป็นบวกต่อกลุ่มอสังหาฯ ในช่วงสั้น
b) หากประเมินย้อนหลังนับตั้งแต่ปรับครม.อย่างเป็นทางการวันที่ 24 ส.ค. จนถึงวานนี้ กลุ่มอสังหาฯ ฟื้นตัว 4.56% แต่หุ้น SIRI ฟื้นตัวเพียง 3.07%
c) แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q58 จะทำระดับสูงสุดของปี 2558 ด้วยปริมาณ Backlog ที่มีอยู่ในมือ ณ สิ้นเดือนมิ.ย. สูงถึง 3.07 หมื่นล้านบาท แบ่งการบันทึกใน 2H58 ราว 15,542 ล้านบาท รวมถึงอัตราส่วนกำไรขั้นต้น (Gross Profit margin) มีแนวโน้มดีขึ้น จากการระบายสต็อคที่น้อยลง
d) ภาพรวมปี 2558 เราคาดกำไรจากการดำเนินธุรกิจอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท เติบโต 36.2% เทียบกับภาพรวมกลุ่มอสังหาฯ ที่กำไรจากการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตเพียง 11.2% เท่านั้น
e) การเปิดแคมเปญ "คอนโดแซ่ป พร้อมเสิร์ฟ / Now or Never" เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ผนวกกับมาตรการระยะสั้นที่ทางการเตรียมออกมากระตุ้นตลาดอสังหาฯ จะเป็นตัวต่อยอด Backlog ปี 2559
f) ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PER15 ต่ำเพียง 8.00x เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาฯ ซื้อขายที่ 12.68x อีกทั้ง ผลตอบแทนจากเงินปันผลงวดปี 2558 - 2559 สูงถึง 5.95% ต่อปี

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิมากถึง US$729 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง US$0.1 ล้าน
เป็นการขายสุทธิทุกตลาด

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาเร่งขายหุ้นไทยอีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติ กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ มากถึง 4,918 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 158 ล้านบาท และผลักดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงอยู่ในระดับสูงเกิน 9 หมื่นล้านบาทเป็นวันที่ 13 มากถึง 96,205 ล้านบาท
และด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติกลับมา Short สุทธิมากถึง 20,383 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาเร่งเปิดสถานะ Short อีกครั้ง เมื่อ SET50 Index หลุดแนว 890 จุด และกดดันให้ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เท่ากับ 11.60 จุดแคบลงจากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 13.23 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิมากถึง 64,276 สัญญา
แต่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 เร่งขึ้นเป็น 3,033 ล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิ 6,514 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยขยับขึ้นเด่นอีกครั้ง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันที่ 2 มากถึง 4.41bps จากวันก่อนหน้าลดลงเพียง 0.91bps ปิดที่ 2.737%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็น 480 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 737 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 8 วันทำการ เน้นกลุ่ม ICT เป็นสำคัญ
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิหนาแน่นถึง 1,754 ล้านบาท จาก 7 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 7,262 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการลดการลงทุนใน ICT อย่างโดดเด่น สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 มากถึง 942 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 204 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ขายสุทธิ 315 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 315 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิ 186 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 213 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 148 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 80 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มพลังงาน ถูกซื้อสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 59 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 32 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
ดัชนี PMI ภาคการผลิตใกล้เคียงคาด: ดัชนีเบื้องต้น เดือนก.ย. เท่ากับ 53.0 จุด ใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus คาดที่ 53.1 จุด และดีกว่าเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 52.9 จุด โดยคำสั่งซื้อใหม่อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. รวมถึงภาคการส่งออก

ยุโรป
สมาชิกคณะกรรมการ ECB กังวลต่อการขยายวงเงินเข้าซื้อสินทรัพย์: นาย Ewald Nowothy แสดงความกังวลต่อการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้ แม้ว่า ECB จะยังไม่สามารถกระตุ้นเงินเฟ้อในอียูให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้านเศรษฐกิจโดยรวมในอียูอยู่ในทิศทางขยับขึ้น แต่ยังไม่แข็งแกร่งเท่ากับที่คาดหวัง
ประธาน ECB ส่งสัญญาณยังไม่ถึงเวลาเพิ่มมาตรการกระตุ้น: แม้ว่าจะเป็นการเร็วเกินไปที่จะพูดถึงความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ECB ยังพอมีเวลาในการพิจารณาถึงผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศเกิดใหม่ที่ชะลอตัว จะเป็นเพียงชั่วคราวหรือถาวร อีกทั้งหากความเสี่ยงของอัตราเงินเฟ้อในระยะกลางมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ECB ก็พร้อมที่จะเพิ่มมาตรการ ขณะที่ความท้าทายในปัจจุบันคือ ECB ได้ใช้เครื่องมือต่างๆ ไปหมดแล้วเช่นกัน
ดัชนี PMI Composite อียูชะลอตัว: เดือนก.ย. อยู่ที่ 53.9 จุด จาก 54.3 จุด ในเดือนส.ค. โดยคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน ซึ่งจะเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อภาคการผลิตในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
ดัชนี PMI ภาคการผลิตในอียู เดือนก.ย.อยู่ที่ 52.0 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 52.3 จุด
ดัชนี PMI ภาคบริการ ในอียู เดือนก.ย. อยู่ที่ 54.0 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 54.4 จุด

จีน
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย.ออกมาต่ำกว่าคาด: เท่ากับ 47.0 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 47.5 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 47.3 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง
ตลาดคาดว่าจีนจะปรับลดเป้าหมายเศรษฐกิจในปีหน้าลง: การสำรวจ Bloomberg consensus ล่าสุด พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ คาดว่ารัฐบาลจีนจะปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2559 เป็น 6.5-7.0% หรือต่ำกว่าเป้าหมายในปีนี้ที่ 7.0% เนื่องจากภาคการส่งออกและการลงทุนที่ยังคงอ่อนแอ

เอเชียแปซิฟิก
อัตราเงินเฟ้อมาเลเซียใกล้เคียงคาด: เพิ่มขึ้น 3.1% yoy ในเดือน ส.ค.เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 3.3% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาด 3.0% yoy นำโดยราคาอาหารและที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวขสูงขึ้น ขณะที่ราคาขนส่งลดลง
อัตราเงินเฟ้อสิงคโปร์หดตัวต่อเนื่อง: ลดลง 0.8% yoy ในเดือน ส.ค.จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 0.4% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาด -0.6% yoy ทั้งนี้ปัจจัยหลักเกิดจากราคารถยนต์ส่วนบุคคลที่ลดลง นอกจากนี้ทางการคาดทิศทางอัตราเงินเฟ้อถูกกดดันจากราคารถยนต์ต่อเนื่อง ก่อนที่จะฟื้นตัวในช่วงปลายปีและเพิ่มขึ้นในปีหน้า

ไทย
รมว.คลัง เตรียมออกมาตรการอุ้มอสังหาฯ คาด 2 สัปดาห์สรุปเสนอครม: รมว.คลัง เปิดเผยว่า ภายใน 2 สัปดาห์หลังจากนี้ กระทรวงการคลังจะสรุปมาตรการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเสนอให้ ครม.พิจารณาและเห็นชอบ ปัญหาที่แท้จริงของอสังหาริมทรัพย์ คือ ผู้ซื้อบ้านไปกู้เงินธนาคารพาณิชย์ไม่ผ่าน แต่เศรษฐกิจไม่ดี ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งกระทรวงการคลังจะแก้ไขโดยให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ไปหามาตรการเพื่อดูแลลูกค้ากลุ่มนี้ จะเป็นการเติมเต็มส่วนที่ตลาดขาดอยู่ ทั้งนี้ มาตรการอสังหาริมทรัพย์จะออกมาในระยะสั้นเท่านั้น เพราะว่าเท่าที่หารือกับผู้ประกอบการยังขายบ้านได้ดี แต่อนาคตอาจมีปัญหา เพื่อป้องกันปัญหาอนาคต ส่วนเรื่องภาษีที่ดินอยู่ระหว่างการศึกษา ไม่ทิ้ง แต่การออกกฎหมายต้องให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก็ได้ดูแนวทางการเก็บภาษีของเก่า จะทำให้เสร็จภายในปีนี้
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!