- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 23 September 2015 18:01
- Hits: 1163
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Technical Rebound
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งตัวในลักษณะซึมตัวลง โดย SSI เป็นหุ้นที่กดดันภาพรวมของ SET INDEX หลังจากปลด "SP" อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนในกลุ่ม TIP ยังไม่สดใส กลุ่มธนาคาร / ICT เผชิญกับแรงขายตลอดการซื้อขาย ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบ 13.41 จุด มาอยู่ที่ 1,379.32 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36,548 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติน่าสนใจ แม้ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เพียง 99 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 5,088 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 อีก 320 ล้านบาท เมื่อเงินบาทอ่อนค่าสู่ 35.90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ +/- เงินทุนต่างชาติกลับเป็นกลางเท่านั้น
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นวันนี้ปิดทำการเป็นวันสุดท้าย
ติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีน เช้านี้ Bloomberg consensus คาด 47.5 จุด ฟื้นตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 47.3 จุด
Window Dressing จากกองทุนภายในประเทศ ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัวต่อเนื่อง
ยังคงต้องระมัดระวังแรงขายจากพอร์ตโบรกเกอร์ หลังวานนี้เริ่มขายสุทธิ 929 ล้านบาท จาก 4 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 3.88 พันล้านบาท
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองต่อการลงทุนเป็น "กลางถึงบวก" วันที่ 17 และให้โอกาสที่จะเกิด Technical Rebound หลังปรับฐานลงสวนทางกับที่เราประเมินไว้วานนี้ แรงขายกดดัน SET INDEX มาจากพอร์ตโบรกเกอร์ ตามที่เตือนไว้ก่อนหน้านี้เช่นกัน อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป และ DJIA Futures ที่ปรับตัวลงแรงระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวานนี้ แต่เราเชื่อว่าการเข้าสู่ช่วง Window Dressing บวกกับการลงทุนของต่างชาติเป็นไปอย่างเบาบาง น่าจะทำให้ SET INDEX ฟื้นตัวกลับมาทดสอบด่าน 1,390 จุด +/- อีกครั้ง
ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาการประชุมผู้นำทั่วโลกของสหประชาชาติ ที่นิวยอร์ค สหรัฐฯ วันนี้ เพื่อประเมินท่าทีของผู้นำในซีกโลกตะวันตก นำโดยสหรัฐฯ และซีกโลกตะวันออก นำโดยจีนและรัสเซีย ต่อท่าทีภาวะเศรษฐกิจโลกที่เสี่ยงต่อการเติบโตต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดเงินทั่วโลก หากการประชุมครั้งนี้ ออกมาเป็นกลางถึงบวก ต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในซีเรีย อันนำไปสู่วิกฤติผู้อพยพเข้าสู่ยุโรปที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ย่อมทำให้ความผันผวนในตลาดเงิน และตลาดทุนทั่วโลกคลายตัวลง
สำหรับการเข้าร่วมประชุมของนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราคาดว่าจะมีการหารือกับสหรัฐฯ ถึงกรณีสิทธิมนุษยชน และ ICAO ซึ่งทางการไทยได้เร่งแก้ไขอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้สหรัฐฯ มีความเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน และแนวทางที่รัฐบาลไทยจะดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต่อไป อันนำไปสู่บรรยากาศการพิจารณากรณีใบเหลืองของสิทธิมนุษยชน และใบแดง ICAO คลายตัวลงได้เช่นกัน เป็นประเด็นเชิงบวกต่อภาคการส่งออกอาหารสำเร็จรูป และ ภาคการท่องเที่ยว / สายการบินไทย เช่นกัน
ด้วยประเด็นต่างๆ ข้างต้น เราคาดว่า SET INDEX จะฟื้นตัวสู่ด่าน 1,390 จุด แต่แรงส่งยังไม่น่าจะมากจนผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นทดสอบด่าน 1,400 จุดในวันนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เรายังคงตั้งธงด่านการขายทำกำไรในรอบนี้ 1,420 จุด จากแรงผลักดันของ Window Dressing และจับตาเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่อาจกลับมา Covered short หุ้นไทยในช่วงสั้นนี้ได้เช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนควรกลับมาสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นมีการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ระลอกนี้เราเชื่อว่า SET INDEX จะกลับไปทดสอบด่าน 1,420 จุด ซึ่งเป็นบริเวณที่ขายทำกำไร"
Top Pick in 3Q15: BCP / BMCL/ IFEC / WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ BCP/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียซื้อสุทธิเพียง US$0.1 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิมากถึง US$561 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติปิด Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 แต่ยังคงเบาบาง 99 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 158 ล้านบาท แต่ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงอยู่ในระดับสูงเกิน 9 หมื่นล้านบาทเป็นวันที่ 12 เท่ากับ 91,286 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติกลับมา Long สุทธิ 5,088 สัญญา เทียบกับวันก่อนหน้า Short สุทธิ 5,909 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ หลัง SET50 Index หลุดแนว 900 จุด สู่แนวรับ 890 จุด ทั้งนี้ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เท่ากับ 13.23 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิลดลงเป็น 43,893 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 320 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 3,481 ล้านบาท โดยราคาพันธบัตรไทยทรงตัวมากขึ้น ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเพียง 0.91bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.32bps ปิดที่ 2.781%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เร่งขึ้นเป็น 737 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 416 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 ยังคงเน้นกลุ่ม Domestic Play
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิชะลอตัวเหลือ 568 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,041 ล้านบาท รวม 7 วันทำการซื้อสุทธิ 7,262 ล้านบาท เป็นการกระจายการลงทุนในกลุ่ม Domestic ต่อเนื่อง สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 399 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 296 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 213 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 146 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 80 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 53 ล้านบาท
2. กลุ่ม ICT กลับถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 204 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 164 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 32 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขบ้านดีกว่าคาด
ดัชนีราคาบ้าน เดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% mom ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 0.4% mom และเดือนก่อนหน้าที่ 0.2% mom เป็นการเพิ่มขึ้น mom ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยราคาบ้านในเขตตะวันตกเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น
ยุโรป
ไม่มี
จีน
ธนาคารกลางจีนอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดเงิน: รวม 5.0 หมื่นล้านหยวน ผ่านการขาย Reverse Repurchase เป็นการอัดฉีดสภาพคล่องครั้งแรกของสัปดห์ ด้วยอัตราดอกเบี้ย 2.35% ระยะเวลา 7 วัน
ผู้นำจีนยืนยันเศรษฐกิจเติบโตระดับปานกลางถึงสูง: ประธานาธิบดีจีน XI Jinping กล่าวถึงการปฎิรูปของประเทศจะไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจให้อ่อนแอลง รัฐบาลจะพยายามอย่างเต็มที่ในการปรับโครงสร้างรูปแบบการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งจีนมีกำลังการผลิตและอยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถรักษาระดับการเติบโตปานกลางถึงสูงใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยจีนจะก้าวไปสู่เศรษฐกิจที่เน้นนวัตกรรมและการบริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญ
เอเชียแปซิฟิก
ADB ปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียลง: ธนาคารพัฒนาเอเชีย ลดการคาดการณ์การเติบโตของประเทศเศรษฐกิจใหญ่ลง โดยอ้างการกอบกู้เศรษฐกิจล่าช้าของจีนและอินเดีย คาดการณ์ปัจจุบัน เศรษฐกิจของภูมิภาคจะขยายขึ้น 5.8% ในปีนี้ และ 6% ในปีถัดไป ซึ่งจาก 6.3% ตามการคาดการณ์เดิมเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาทั้ง 2 ปี อย่างไรก็ตาม ADB คาดว่าภูมิภาคเอเชียจะยังคงเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมที่จะเอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกต่อไป
ไทย
ร.ฟ.ท. คาดเริ่มก่อสร้างรถไฟทางคู่ภาคใต้ปี 2560: ว่า ร.ฟ.ท.ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่สอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนในโครงข่ายที่สำคัญของประเทศ ร.ฟ.ท.จึงได้ริเริ่มโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง ซึ่งการโครงก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี - ชุมทางหาดใหญ่ - สงขลา เป็น 1 ใน 6 โครงการ โดยระหว่างช่วงสุราษฎร์ธานี - ชุมทางหาดใหญ่ มีระยะทาง 294 กิโลเมตร และชุมทางหาดใหญ่ - สงขลา มีระยะทาง 29 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้น 323 กิโลเมตร หากการดำเนินงานเป็นไปตามแผนงานที่ตั้งไว้ จะสามารถเริ่มดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ประมาณปี 2560 และจะไปเสร็จสิ้นประมาณปี 2564
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530