- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 23 September 2015 16:19
- Hits: 3067
หมีเซียะรำหน้าพระพรหม 'เยิ่นต๊ะหัว'ร่วมสักการะ ยืนยันเมืองไทยสงบแล้ว
'หมีเซียะ-เยิ่น ต๊ะหัว'2 นักแสดงดังฮ่องกง เข้า สักการะศาลพระพรหม ราชประสงค์ นางเอก อมตะแต่งชุดนางรำโชว์รำถวายหน้าพระพรหม สร้างความชื่นชมแก่นักท่องเที่ยวเนืองแน่น ขณะที่พระเอกมาดเข้มบอกชาวโลก ประเทศไทยไม่มีอะไรแล้ว มั่นใจทั่วโลกจะกลับมาเที่ยวไทยช่วงไฮซีซั่นนี้ ผบ.ตร.ย้ำอีก ไม่ยืนยันมาเลเซียจับชายเสื้อเหลือง มือบึ้ม แต่ถ้าใช่ก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการระหว่างประเทศ ขณะที่โฆษกตร.ไม่รู้"จักรทิพย์ ชัยจินดา"ไปมาเลย์เรื่องอะไร
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9065 ข่าวสดรายวัน
รำถวาย - "หมีเซียะ" ดาราดังฮ่องกงแต่งชุดนางรำ ร่วมพิธีสักการะและรำถวายศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ รวมถึง "เยิ่นต๊ะหัว" ดารารุ่นใหญ่ก็มาร่วมสร้างความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวไทย หลังเหตุระเบิด 20 ศพ
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ความ คืบหน้าคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรว่า กรณีมีการกล่าวอ้างว่าทางการประเทศมาเลเซียควบคุมตัวชายเสื้อเหลืองไว้ได้นั้น จะเป็นการกล่าวอ้างโดยใคร หน่วยงานไหน หรือสำนักข่าวใด ในชั้นนี้ตนไม่สามารถยืนยันข้อมูลเหล่านั้นได้ เพราะยังไม่ได้รับการประสานงานมา ขณะเดียวกันไม่กล้ายืนยันข้อมูลหรือข่าวสารเหล่านั้น แต่สามารถบอกได้ว่าตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ทำหน้าที่ในทุกมิติ ครอบคลุม เพื่อให้ได้ผู้กระทำผิดมาลงโทษ แต่รายละเอียดไม่สามารถชี้แจงหรือยืนยันข้อมูลข่าวสารได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อมีข่าวออกมาขนาดนี้ได้สอบถามไปทางมาเลเซียหรือไม่ อย่างไร พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า กรณีที่เป็นข่าวเราก็ดำเนินการตามหน้าที่ ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทำทุกเรื่องเพื่อที่จะตอบคำถามข้อสงสัย แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันหรือบอกถึงความชัดเจนได้ ส่วนการส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานงานที่มาเลเซียนั้นยังไม่ส่งใครไป และไม่มีตำรวจสันติบาลไทยอยู่ที่มาเลเซีย เพื่อประสานงาน เพราะการจะส่งเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานใดเข้าไปต้องมีการร้องขอ
เมื่อถามว่าได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผบ.ตร.มาเลเซียหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า คุยกันในภาพรวมหลายวันแล้ว เรากับมาเลเซียทำงานร่วมกันในการแก้ปัญหาทุกเรื่องที่มีความเชื่อมโยง เมื่อถามถึงข่าวชายที่ถูกควบคุมตัวสารภาพว่าเป็นชายเสื้อเหลือง หากใช่จริงๆจะดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายอย่างไร พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ หากเป็นเช่นนั้นจริงจะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างไรหรือไม่นั้น ต้องสอบถามไปก่อนว่า ควบคุมตัวและดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยนั้นในข้อหาอะไร และหากคนคนนั้นเป็นผู้ต้องหาจริง เราก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามช่องทางที่ถูกต้อง ส่วนจากแนวทางการสืบสวนชายเสื้อเหลืองยังอยู่ในมาเลเซียหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ ไม่ยืนยัน
ต่อข้อถามว่าการย้ายตำรวจจำนวนมาก เมื่อวานนี้มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า การย้ายในส่วนของสตม.เป็นเรื่องของความเกี่ยวข้องกับชาวโรฮิงยา เพราะว่าผ่านการสืบสวนสอบสวนจากจเรตำรวจแห่งชาติมาแล้ว ส่วนเรื่องชาวอุยกูร์ยังไม่มี
เมื่อถามว่า ทำไมถึงตั้งพล.ต.ต.ณัฐธร เพราะสุนทร รองผบช.สตม. เป็นผบช.สตม. พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า พล.ต.ต.ณัฐธรเป็นคนมีความรู้ ความสามารถ และเป็นรองผบช. สตม.อยู่แล้ว ตนเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ที่ทำงานมาคงจะมองเห็นปัญหาอะไรหลายๆ อย่าง มั่นใจว่าพล.ต.ต.ณัฐธรจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ในส่วนของจเรตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้ส่งผลตรวจสอบข้อเท็จจริงการเรียกรับผลประโยชน์ของสตม.เพราะกำหนดส่งวันที่ 23 ก.ย.นี้ แต่หากทำไม่ทันสามารถขอขยายเวลาได้ ทั้งนี้ได้พูดคุยกับพล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผบช.สตม. แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหน่วยสตม. ในฐานะผู้บังคับบัญชาพล.ต.ท. ศักดาต้องรับผิดชอบและแก้ไขปัญหานี้ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตร. กล่าวว่า จากกรณีมีการนำเสนอภาพผู้ต้องหาที่คาดว่าเป็นชายเสื้อเหลือง มือวางระเบิดนั้น ตนเห็นภาพแล้ว โดยส่วนตัวมองว่าไม่เหมือนชายในภาพวงจรปิดและภาพสเกตช์ ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันอะไรได้ รวมถึงกรณีการจับกุมผู้ต้องหาที่ประเทศมาเลเซีย ก็ยังไม่ทราบว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดหรือไม่ ต้องรอการยืนยันชัดเจนจากประเทศมาเลเซียก่อน ขณะเดียวกันยังไม่ได้ประสานขอรูปผู้ต้องหาเพื่อยืนยันตัวบุคคลกับทางมาเลเซียแต่อย่างใด ส่วนกระแสข่าวพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. เดินทางไปติดตามคดีที่มาเลเซียนั้น ยังไม่ทราบว่าเดินทางไปจริงหรือไม่ อาจเป็นการประสานในส่วนของผู้บังคับบัญชาระดับสูง
โฆษกตร. กล่าวอีกว่า สำหรับการขอศาลอนุมัติหมายจับเพิ่มเติม ยังไม่ทราบว่าจะสามารถออกได้เมื่อไหร่ อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนการตรวจสอบหนังสือเดินทางของนายยูซุฟู และนาย อิซาน กับทางสถานทูตจีนนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้จากการสืบสวนสอบสวนมีความชัดเจนแล้วว่าชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิดได้หลบหนีไปทางภาคใต้ของไทย แต่ไม่ทราบว่ายังอยู่ในพื้นที่หรือออกนอกประเทศไปแล้ว
ขณะที่พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยว่า เบื้องต้นสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมและมีความคืบหน้าเป็นระยะ ส่วนการขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติมจาก 15 หมายจับนั้น คงต้องขอออกหมายจับเพิ่มอีกหลายหมายอยู่ระหว่างดำเนินการ
เมื่อถามถึงพยาน 3 รายที่ทหารส่งตัวให้เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ผ่านมา พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ได้สอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อนำไปสู่การขออนุมัติออกหมายจับคดีระเบิด ส่วนกรณีจับกุม ผู้ต้องหา 3 รายที่เกี่ยวข้องที่มาเลเซียนั้น ยังไม่ทราบข้อมูลดังกล่าว เนื่องจากเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาระดับสูง แต่ยืนยันว่าจะต้องขอศาลออกหมายอีกหลายราย
วันเดียวกันเวลา 16.00 น.ที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เยิ่น ต๊ะ หัว ดาราชื่อดังระดับโลกชาวฮ่องกง พร้อมด้วยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินทางมากราบไหว้ และสักการะศาลท้าวมหาพรหม ท่ามกลางคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ที่มากราบไหว้สักการะศาลท้าวมหาพรหมจำนวนมาก ต่างเฝ้าดูเยิ่น ต๊ะ หัว อย่างตื่นเต้น ขณะที่การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด เยิ่น ต๊ะ หัว ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีในการสักการะศาลท้าวมหาพรหม ก่อนเดินทางต่อไปยังโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เพื่อให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
เยิ่น ต๊ะ หัว กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจใส่เสื้อลายผีเสื้อ ลายที่มีสีสันสดใส เป็นสัญลักษณ์แทนอะเมซิ่งไทยแลนด์ และแทนความรู้สึกของหัวใจเวลาที่เดินทางมาเมืองไทย ความรู้สึกเมื่อถึงประเทศไทย ทั้งอบอุ่น สวยงาม ความรู้สึกตอนนี้ประเทศไทยกลับคืนสู่ความสงบ และมีโอกาสเดินทางมากับเพื่อน มาเยือนเมืองไทย อยากจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากฮ่องกง จีน เยอรมัน และนานาชาติทั้งหลายเดินทางมาประเทศไทย สำหรับตนมาประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. มีโอกาสไปกับคณะไปกินข้าวมันไก่ และได้เจอนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้รู้สึกว่าสถานการณ์ของประเทศไทยกลับมาเป็นปกติแล้ว
เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับลอบวางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหม โดยมีชาวจีนเป็นเป้าหมาย เยิ่น ต๊ะ หัว กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวก่อนเป็นเรื่องเฉพาะ เชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยมีความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาติใดขอให้มั่นใจว่าเมืองไทยไม่มีปัญหา อย่างไรก็ดีทุกครั้งที่มาเมืองไทย ตนมักจะมาศาลท้าวมหาพรหม เพื่ออธิษฐานขอให้ชาวโลกมีสันติสุข นอกจากนี้อยากให้นักท่องเที่ยวไปวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวังด้วย ตนชื่นชมชื่นชอบงานแกะสลัก และกระจกสีประดับตามโบสถ์ เปรียบเหมือนชีวิตมนุษย์ที่หลากหลายสีสัน
เยิ่น ต๊ะ หัว กล่าวอีกว่า โอกาสหน้าอยากมาแสดงฝีมือทำอาหารไทย ตนทำได้สารพัดต้มยำ ทั้งต้มยำกุ้ง ไก่ หมู และอยากมาเมืองไทยเพราะรักคนไทยที่หัวใจ และรอยยิ้มสยามที่ประทับใจ สามารถดึงดูดทั่วโลกเดินทางมาประเทศไทย ขอให้มอบรอยยิ้มของหัวใจมาประสานรอยยิ้มของคนไทย
"พูดไทยได้นิดหน่อย ไม่ค่อยเก่ง ผมรักคนไทย ขอบคุณมากครับ" เยิ่น ต๊ะ หัว พูดภาษาไทยส่งท้าย สร้างความประทับใจแก่ผู้ที่ได้ยินได้ฟัง
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการททท. กล่าวว่า การเดินทางมาของเยิ่น ต๊ะ หัว ครั้งนี้มาด้วยใจจริงๆ ททท.ไม่ได้จ้างมา แต่ททท.อำนวยความสะดวกเรื่องของที่พักพร้อมมอบของที่ระลึก ในฐานะที่ททท.ดูแลเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย การที่เยิ่น ต๊ะ หัว เดินทางมาครั้งนี้เป็นผลดี อย่างน้อยที่สุดสร้างความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยไม่มีอะไร เหตุการณ์ ทุกอย่างจบแล้ว เป็นการต้อนรับฤดูกาล ท่องเที่ยว หรือไฮซีซั่นอย่างสมบูรณ์แบบ จากนี้ไปจะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของคนจีน โดยเฉพาะวันชาติจีนในเดือนต.ค.นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยช่วงนี้มากกว่า 1.6 แสนคน ตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไป ทั้งนี้การที่เยิ่น ต๊ะ หัว และหมีเซียะ มาประเทศไทยช่วงนี้ มองว่าเป็นจุดสมดุลระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ที่คนรู้จัก ทำให้ททท.ตัดสินใจเลือกนักแสดงทั้งสอง และถือเป็นความเสียสละของทั้งสองด้วย
ผู้ว่าการททท. กล่าวต่อว่า เยิ่น ต๊ะ หัว มาท่องเที่ยวประเทศไทยบ่อยอยู่แล้ว เมื่อวันแรกที่มาถึง ททท.ต้องการเลี้ยงรับรอง แต่เยิ่น ต๊ะ หัว เสนอว่าต้องการทานข้าวมันไก่ อยากดูมวยไทย แสดงให้เห็นว่ารักเมืองไทยจริงๆ สำหรับยอดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ คาดว่าจะเกินกว่าเป้าเล็กน้อย 29.92 ล้านคน ส่วนยอดรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน 2.2 ล้านล้านบาท
ต่อมาเวลา 18.00 น. หมีเซียะ นักแสดงหญิงชื่อดังของฮ่องกง เดินทางมายังบริเวณศาลท้าวมหาพรหมด้วยชุดนางรำ พร้อมกับนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ท่ามกลางชาวไทยและต่างชาติเนืองแน่น จากนั้นหมีเซียะร่วมกับนางรำชาวไทย รำหน้าศาลประมาณ 10 นาที ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของนักท่องเที่ยว ก่อนจะกลับไปยังห้องพักโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เพื่อเปลี่ยนชุด สำหรับให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนพร้อมกับรมว.การท่องเที่ยวฯ และผู้ว่าการททท.
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทุกท่าน วันนี้เป็นโอกาสดีที่เพื่อนของประเทศ ไทยมาแสดงถึงความมั่นใจ ความไว้วางใจประเทศไทย วันนี้หมีเซียะไม่ได้เพียงแค่มาประเทศไทยเท่านั้น แต่แสดงความต้องการอยากจะรำถวายศาลท้าวมหาพรหม โดยใช้เวลาเรียนการรำเมื่อคืนนี้ ต้องถือว่าเป็นข่าวดีล่าสุดรัฐบาลฮ่องกงได้ปรับลดระดับการเตือนประชากรที่จะเดินทางมาประเทศไทยจากสีแดงมาเป็นสีเหลืองแล้ว ต้องขอบคุณและถือว่าฮ่องกงเป็นเพื่อนของประเทศไทยอย่างแท้จริง
ด้านหมีเซียะ กล่าวว่า การมาประเทศไทยครั้งนี้ ตั้งใจมารำหน้าพระพรหม 4 หน้าโดยเฉพาะ และภาคภูมิใจมาก ตนมีความประทับใจในความโอบอ้อมอารีในไมตรีจิตของคนไทย ดีใจมากที่มีโอกาสเดินทางมาครั้งนี้ ทั้งนี้โดยส่วนตัวมองว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ และองค์พระพรหม 4 หน้า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองไม่เฉพาะคนไทย แต่คุ้มครองคนทั้งโลก เชื่อว่านักท่องเที่ยวที่มาสักการะจะได้รับความคุ้มครองด้วยเช่นกัน
หมีเซียะกล่าว อีกว่า มีกำหนดกลับฮ่องกงวันที่ 23 ก.ย. แต่หากประเทศไทยต้องการตัวเมื่อใด ก็พร้อมและยินดีกลับมาทุกเมื่อ สิ่งที่ดีใจมากสำหรับการมาไทยครั้งนี้คือมีเพื่อนจากฮ่องกงร่วมเดินทางมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นนายแบบ เชฟ พิธีกร โดยเฉพาะนายโรเจอร์ วู เจ้าของเว็บไซต์ที่เชิญชวนชาวฮ่องกงมาเที่ยวเมืองไทย และมีการกดไลก์มากถึง 5 แสนวิวขึ้นไปแล้ว
หมีเซียะ ยังได้กล่าวเป็นภาษาไทยว่า "เมืองไทย สู้ สู้" และกล่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า "Stronger Together Thailand" ด้วย ขณะที่นายโรเจอร์ วู กล่าวพร้อมกับมีน้ำตาคลอเล็กน้อยว่า ปัจจุบันคนไทยนิยมเพลงเกาหลี แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ราชประสงค์ ไม่เคยเห็นศิลปินเกาหลีทำอะไรให้ประเทศไทยเลย ขณะที่คนฮ่องกง นักร้อง ดาราศิลปินฮ่องกง ต่างมาช่วยกันโดยไม่มีค่าตอบแทน ทุกคนมาจากใจ คนฮ่องกงชอบประเทศไทย ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ก็ยังเชื่อมั่นประเทศไทย เพราะเราเป็นเพื่อนกัน