- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 September 2015 18:14
- Hits: 2843
บล.กรุงศรี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Daily Strategy
ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา : SET บวก 0.62 จุด ปิดที่ 1,390.32 จุด ดัชนีเกิด Sell on fact หลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด แรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน PTT PTTEP และกลุ่มธนาคาร SCB KTB TISCO ซึ่งได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองหนี้ของ SSI เป็นตัวกดดันดัชนี นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิ 237 ล้านบาทเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ แต่ยังซื้อสุทธิในตลาด TFEX เป็นวันที่ 3 อีก 10,278 สัญญา และซื้อพันธบัตรเป็นวันที่ 3 อีก 254 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: มีโอกาสปรับลงตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค จากเหตุผลที่เฟดยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพราะเป็นกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะการชะลอของเศรษฐกิจจีนที่ประธานเฟดได้กล่าวถึงค่อนข้างมากในแถลงการณ์ของเฟด รวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำของโลกซึ่งแสดงถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก แต่อย่างไรก็ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐจะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทย ดังนั้นจึงเชื่อว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic Plays จะยัง Outperform ตลาด
กลยุทธ์วันนี้: Selectively Buy on weakness เน้นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับท่องเที่ยวและก่อสร้างภายในอย่าง AOT และ STEC
Trading วันนี้: GUNKUL (ลุ้นได้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ของราชการ ส่วนการเพิ่มทุนผ่านฉลุย)
Accumulative BUY: EPG, SCN, GUNKUL, TPCH, BDMS Good Sector Outlook : กลุ่มเกี่ยวกับท่องเที่ยว กลุ่มโรงพยาบาล สื่อสาร และ พลังงานทดแทน
High Div. Stock: ADVANC, TVO, INTUCH, BTS, BJCHI KSS report วันนี้: TPCH (Outperform ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ 23.50 บาท จากเดิม 28 บาท)
หุ้น/ข่าว/ประเด็นสำคัญวันนี้:
(+) รัฐบาลเปิดแผนยุทธศาสตร์กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการ : คลังคาดมาตรการกระตุ้นอัดเม็ดเงินเข้าระบบจริงได้ 1.3 แสนล้านดึงเศรษฐกิจโตเพิ่ม 1% คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ที่มีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เป็นประธาน ได้ประชุมเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และประเมินว่าจะมีเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้น และการลงทุนที่รัฐบาลจะเร่งทยอย ดำเนินการเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจวันที่ 21 ก.ย.ไปถึงปีหน้า 1.3 แสนล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เพิ่มประมาณ 1% ดังนั้นหุ้นในกลุ่ม Domestic Plays จะเป็นกลุ่มนำขับเคลื่อนตลาดในปีหน้า
(-) ศุกร์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบปรับลงหลังเฟดกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว : โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลง US$2.2/บาร์เรล ปิดที่ US$44.68/บาร์เรล และ Brent ปรับลง US$1.61/บาร์เรล ปิดที่ US$47.47/บาร์เรล แม้ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าซึ่งจะเป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบ แต่เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานส่วนเกินและอุปสงค์ที่ยังไม่ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอ ดังนั้นหุ้นกลุ่มน้ำมันจึงน่าจะมีโอกาสปรับลงต่อเนื่องในวันนี้
(-) นักลงทุนต่างชาติยังชาย TIP แม้ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 อีก US$308 ล้าน: โดยเป็นการเข้าซื้อเพียง 2 ตลาดคือเกาหลีใต้และไต้หวัน ส่วนกลุ่ม TIP ต่างชาติยังคงขายเช่นเดิม โดย Flow ไหลเข้าในตลาดหุ้นเกาหลีใต้มากที่สุด US$232 ล้าน ตามด้วยตลาดหุ้นไต้หวัน US$ 126 ล้าน ส่วนกลุ่ม TIP ต่างชาติขายสุทธิในตลาดอินโดนีเซียมากที่สุด US$ 32 ล้าน ตลาดฟิลิปปินส์ US$11 ล้านและกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการด้วยยอดขาย US$7 ล้าน
(-) US VIX Index ศุกร์ที่ผ่านมาปรับขึ้นมาอยู่ที่ 22.28 จาก 21.14 เมื่อวันก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
(-) SSI – ประกาศหยุดผลิตโรงงานเหล็กในอังกฤษกระทบรายได้ของ SSI หายไป 50% – เป็น Overhang ที่จะกดดันธนาคารที่ปล่อยกู้ให้ SSI อย่าง TISCO SCB และ KTB ต่อเนื่อง