WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ASIAwealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

ความกลัวต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกเกิดขึ้นอีกครั้ง
      คาด SET จะปรับตัวลงวันนี้จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกรอบใหม่และขาดปัจจัยบวกภายในประเทศสนับสนุน ภายในประเทศการเพิ่มขึ้นของ NPLs ทาให้เกิดความกังวลโดยเฉพาะประเด็นที่กล่าวกันถึงภาวะความถดถอยทางเศรษฐกิจ ด้านปัจจัยภายนอกประเทศตลาดยังคงกังวลว่าท้ายที่สุดเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่ ธนาคารกลางอังกฤษได้ให้ความเห็นว่ากลุ่มที่เน้นด้านการเติบโตจะต้องทำงานมากขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก จับตาข้อมูลของจีนที่จะประกาศในวันพุธและวันนี้น่าจะได้เห็นการปรับตัวลงของตลาด

     หุ้นเด่นวันนี้ : BCP (ราคาปิด 35.75 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS ปี 58 40.90 บาท; ราคาเป้าหมาย Bloomberg ปี 58 39.09 บาท)
เราเลือก BCP เป็นหุ้นเด่นในวันนี้หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบ Dubai ล่าสุดได้ฟื้นตัวสูงขึ้นอย่างเป็นลำดับจากจุดต่ำสุดที่ราว 40 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับการฟื้นตัวของค่าการกลั่น (GRM) ในภูมิภาคนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ส.ค. โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักจากโรงกลั่นของ BCP เราเชื่อว่าค่าการกลั่นดังกล่าวจะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้นไปจนถึงช่วง High season ในไตรมาสสี่ปลายปี โดยรวมแล้วกำไรที่โดดเด่นในช่วง 1H58 ประกอบกับความคาดหวังต่อผลประกอบการที่น่าพอใจในช่วงครึ่งหลังของปีจะส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปีในปีนี้ดีดตัวขึ้นถึง 646% จากปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะในปีนี้จะไม่มีการบันทึกขาดทุนด้อยค่าสินทรัพย์และขาดทึนสต็อกน้ำมันมหาศาลเช่นที่เคยเกิดขึ้นในปี 2557 ก่อนที่กำไรจะสูงขึ้นต่อเนื่องอีก 10% YoY ในปี 2559 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันถือว่ายังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยคิดเป็น PBV ปี 2558 ที่ต่ำเพียง 1.3 เท่า และสามารถคาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผลได้อีกราว 4.3%-4.7% ต่อปี ในมุมมองต่อ Price Pattern ของ BCP มีความแข็งแกร่งในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างชัดเจน จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal ซึ่งบ่งบอกว่า Price Pattern ของ BCP น่าจะสามารถปรับตัวขึ้นจากปัจจุบันได้อีกมาก ทั้งนี้หาก Price Pattern ของ BCP สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 36.50 บาทได้อย่างมั่นคง นี่จะเป็นการบ่งบอกว่าจะได้เห็นการทำ New High ครั้งใหม่ของ BCP โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 39.75 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 43.50 บาท (แนวต้าน: 36.00, 36.25, 36.75; แนวรับ: 35.50, 35.25, 34.75)

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :

      คาดว่าราคาข้าวจะขึ้นช่วงสิ้นปี สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกล่าวว่าราคาข้าวน่าจะเพิ่มขึ้นราว 8-10% ในช่วง ธ.ค. หรือ ม.ค. เนื่องจากอุปสงค์สูงในช่วงฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ และบางประเทศ เช่น ไนจีเรีย จะเริ่มซื้อข้าวมากขึ้นในเดือน พ.ย. (Bangkok Post)ความเห็น: การส่งออกโดยรวมที่หดตัวส่วนหนึ่งก็มาจากราคาสินค้าเกษตรลดลงและข่าวนี้น่าจะมีผลไม่มากในการผลักดันมูลค่าการส่งออกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้
     AOT จะใช้ประโยชน์จากที่ดินมากขึ้น บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) จะขอให้รัฐบาลยินยอมยกเว้นกฏระเบียบที่ห้ามไม่ให้บริษัทใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์จากที่ดินโดยรอบสนามบิน โดยที่ดิน 1200 เอเคอร์ทั้งหกแห่งซึ่งเป็นของกรมธนารักษ์ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท โดยมีแผนจะเข้าหารือกับรองนายกรัฐมนตรีในวันที่ 1 ต.ค. และมีความเป็นไปได้ที่การพัฒนาบนที่ดินเหล่านี้จะใช้กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อจัดหาเงินทุนในโครงการก่อสร้างบนที่ดินดังกล่าว (Bangkok Post)
      NPLs เพิ่มขึ้นเพิ่มความกังวล ธนาคารออมสินกำลังเผชิญการเพิ่มขึ้นของหนี้เสีย โดยส่วนใหญ่มาจากผู้กู้รายย่อยที่ชำระหนี้คืนล่าช้างจากภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้หนี้เสียของธนาคารเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 1% ตอนต้นปีเป็น 2.05% ชองเงินปล่อยกู้ทั้งหมดซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 1.76 ล้านล้านบาท (Bangkok Post)
     ADVANC (ปิด 233 บาท ราคาเป้าหมาย 290 บาท) กล่าวว่าประเด็นเรื่องการแก้สัญญาสัมปทานไม่น่ากระทบอะไรกับการเจรจาเป็นพันธมิตรกับทีโอทีและการเตรียมประมูล 4G เนื่องจากเป็นคนละเรื่องกัน ขณะเดียวกันบอร์ดทีโอทีก็โยนให้ กระทรวงไอซีทีเสนอ ครม.ขอความชัดเจนเรื่องการดำเนินการกับเอไอเอสว่าเห็นชอบการแก้ไขสัมปทานหรือไม่ (The Nation, โพสต์ทูเดย์)


ต่างประเทศ :

       ยังคงคาดการณ์กันต่อไป: ตลาดทั่วโลกได้กลับมาสู่สถานการณ์เดิม ๆ ที่คาดเดาว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษหรือไม่หลังจากที่ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม เฟดเปิดช่องที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ตอนนี้นักลงทุนกำลังให้ความสนใจไปที่การประชุมเฟดครั้งหน้าระหว่างวันที่ 27-28 ต.ค. ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนนักเศรษฐศาสตร์เพิ่มขึ้นที่ไม่แน่ใจว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้หรือไม่ ดังนั้น ตลาดการเงินทั่วโลกจะยังคงผันผวนมากจนกว่าจะถึงวันดังกล่าว (AWS)
       อัตราผลตอบแทนพันธบัตรร่วงสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐยังคงได้รับแรงกดดันดูจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีลดลงมาอยู่ที่ 0.678% หนึ่งวันหลังจากแตะระดับสูงสุดในช่วง 4 ปีครึ่งที่ 0.819% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในยุโรปร่วงลงตามรอยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมันอายุ 10 ปี ลดลง 0.12% มาอยู่ที่ 0.66% ซึ่งลดลงมากที่สุดในรอบวันนับตั้งแต่เดือนก.ค. (Reuters)
       ประเด็นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้เกี่ยวกับจีนและรายงานดัชนีผู้ผลิต (PMI) ที่จะประกาศในวันพุธนี้ มูลค่าการซื้อขายในเอเชียคาดว่าจะเบาบางเนื่องจากญี่ปุ่นมีวันหยุดติดต่อกัน 3 วัน ตลาดการเงินของญี่ปุ่นจะกลับมาเปิดทำการในวันพฤหัส (Reuters)
นายอเล็กซิส ซิปราสได้กลับมาบริหารประเทศใหม่ จากชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นการเรียกร้องให้เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจกรีซที่ย่ำแย่ให้กลับมาฟื้นตัว นายซิปราสไม่ได้พูดถึงแผนรับความช่วยเหลือมูลค่า 8.5 หมื่นล้านยูโร แต่พรรคซีริซาได้รณรงค์หาเสียงโดยให้คำมั่นว่าจะดำเนินการตามแผนดังกล่าวให้บรรลุผล ในขณะเดียวกัน พรรคฯ ได้เสนอมาตรการที่จะปกป้องกลุ่มที่อ่อนไหวจากบางแง่มุมของข้อตกลงดังกล่าว (Reuters)
สหรัฐ :

หุ้นสหรัฐร่วงแรงเมื่อวันศุกร์ จากการที่ Fed คงดอกเบี้ยใกล้ศูนย์ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อกำไรบริษัทของสหรัฐ (Reuters)
ดอลลาร์เริ่มกลับมายืนแข็งค่าขึ้นเช้าวันนี้ ฟื้นตัวขึ้นมาจากที่อ่อนค่าลงไปแรงในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ Fed ระดับสูงกล่าวว่าการตัดสินใจคงดอกเบี้ยนั้นเป็นไปอย่างสูสี และยังมีโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้อยู่ ดัชนีเงินดอลลาร์ขยับสูงขึ้นมาที่ 95.305 จากที่ร่วงลงทำจุดต่ำสุดใน 3 สัปดาห์ที่ 94.063 เมื่อวันศุกร์ ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบเยน มาอยู่ที่ 120.08 เยน จากที่ร่วงลงไปอยู่ที่ 119.04 เยน เงินยูโรอ่อนตัวลงมาที่ 1.1285 ดอลลาร์ จากที่ขึ้นไป 1.1460 ดอลลาร์ เมื่อวันศุกร์ (Reuters)
ยุโรป :

     ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ปรับตัวลงแรง หลังจากที่ Fed คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เช่นเดิม ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอ และทำให้นักลงทุนต้องจับตาดูต่อไปว่าจะเริ่มมีการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดเมื่อไหร่ (Reuters)
พรรคไซริซาเตรียมปฏิรูปรัฐบาล หลังจากผลการลงคะแนนเลือกตั้งบื้องต้นมื่อวันอาทิตย์บ่งชี้ว่า พรรคไซรีซาของนาย Alexis Tsipras อดีตนายกรัฐมนตรีกรีซ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปด้วยคะแนนเสียง 35.48% สัดส่วนคะแนนเสียงดังกล่าวทำให้คาดว่าพรรคไซริซาจะได้เก้าอี้ในสภาไปครอง 145 ที่นั่ง และทำให้นาย Tsipras กลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯ กรีซอีกครั้ง ซึ่งทำให้ความกังวลว่ากรีซจะออกจากยูโรโซนหวนกลับมาอีกครั้ง (Reuters)
นักเศรษฐศาสตร์อังกฤษชี้ BOE อาจควรต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากที่ Alexis Haldane นักเศรษฐศาสตร์แห่งธนาคารกลางอังกฤษระบุถึงการชะลอตัวในประเทศและความเสี่ยงการชะงักงันของเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ Haldane เป็น 1 ใน 9 นักเศรษฐศาสตร์ที่มีอำนาจในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ BOE (Reuters)
เอเชีย :

       อัตราการทำกำไรของบริษัทจีนฟื้นตัวดีขึ้นในงวด 3Q58 ขณะที่ความต้องการสินเชื่อยังคงอ่อนแอ อ้างอิงจากผลสำรวจของ China Beige Book lnternational (CBB) ต่อบริษัทกว่า 2,100 ธุรกิจในช่วงเวลาดังกล่าว โดยรวมแล้ว CBB ประเมินว่าผลกระทบจากการปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจจีนโดยรวม ทั้งนี้ CBB ระบุว่าภาคการบริการจีนยังคงเห็นการขยายตัว ขณะที่ภาคการผลิตยังคงอ่อนแอ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :

      ทองขึ้นเพราะเลิกกังวลนโยบาย Fed ทองตลาดจรปรับขึ้น 7.80 ดอลลาร์สู่ 1,139.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เป็นเพราะ Fed ตัดสินใจคงดอกเบี้ยไม่ปรับขึ้น และมีผลต่อเงินดอลลาร์ (Reuters)
      ราคาน้ำมันลงจากความกังวลอุปทานล้นเกิน แม้ว่าตัวเลขแท่นขุดเจาะในสหรัฐจะลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 และมีความกังวลว่าโอเปคจะไม่ลดกำลังการผลิต รวมถึงการผ่อนคลายประเด็นตึงเครียดในตะวันออกกลางจากการเจรจาล่าสุดระหว่างสหรัฐ-รัสเซียเรื่องซีเรีย กดดันให้น้ำมันราคาลดลง Fed NYMEX ปรับลง 2.2 ดอลลาร์หรือ 4.8%ปิดที่ 44.68 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล Brent ร่วง 1.61 ดอลลาร์หรือ 3.3% ปิดที่ 47.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpan (No.49234) Tel: 02 680 5094
บล.เอเชีย เวลท์ : TECHNICAL EXPRESS
.....ความขัดแย้งกันระหว่าง SET lndex กับ S50U15.....

SET Index ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ในระยะสั้น ที่คาดว่าจะไปปิด Falling Gap ที่ 1,408.74 จุด
วันนี้ SET Index มีแนวรับแรกที่ 1,386 จุด และแนวต้านแรกที่ 1,396 จุด
หุ้นแนะนำ: TTA, PSL, CPF, S, BANPU
      Price Pattern ของ SET Index (จากกราฟ) ยังคงมีความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal โดยการ Rebound ระยะสั้นของ SET Index ในรอบนี้คาดว่าจะมีเป้าหมายสำคัญเพื่อไปปิดหรือลดขนาดความกว้างของ Faling Gap ที่เปิดไว้ที่ 1,408.74 จุดนั่นเอง ทั้งนี้ด้วยการเร่งรีบปรับตัวขึ้นของ SET Index ในกรอบการแกว่งตัวที่ 1,375-1,420 จุด ทำให้มีการเปิดทั้ง Rising Gap และ Faling Gap ซึ่งบ่งบอกว่าจะได้เห็นการแกว่งตัวของ SET Index ที่ผันผวนมากขึ้นเป็นลำดับ โดยในกรอบการแกว่งตัวที่ 1,375-1,420 จุด Price Patern ของ SET Index มีการเปิด Rising Gap ที่ 1,382.42 จุด มีขนาดความกว้างของ Gap ดังกล่าวอยู่ที่ 2.20 จุด และมีการเปิด Falling Gap ที่ 1,408.74 จุด มีขนาดความกว้างของ Gap ดังกล่าวอยู่ที่ 5.4 จุด แต่ด้วย Price Patern ของ SET Index ที่ยังเกิด Daily Buy Signal จึงทำให้ Faling Gap ที่ 1,408.74 จุด มีโอกาสได้รับการปิดหรือลดขนาดความกว้างของ Gap ดังกล่าวลงเป็นอย่างน้อยต่อไป
      ในขณะที่ Price Pattern ของ SET Index ยังคงเกิด Daily Buy Signal อยู่และยังมีลุ้นที่จะเห็นการปิด Falling Gap ที่ 1,408.74 จุด แต่ Price Pattern ของ S50U15 ซึ่งถือเป็น Leading Indicator ของ SET Index นั้นได้กลับมาเกิด Daily Sell Signal แล้ว ซึ่งหากการกลับมาเกิด Daily Sell Signal ของ S50U15 ไม่ได้เป็น False Signal นี่อาจกลายเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้ Price Pattern ของ SET Index กลับมาเกิด Daily Sell Signal ครั้งใหม่ตามมาได้ ดังนั้นจุดสำคัญในการ Rebound รอบนี้ของ SET Index ต้องไม่เห็นการกลับมาเกิด Daily Sell Signal ครั้งใหม่ด้วยการปิดตลาดต่ำกว่า 1,370.65 จุด
      วันนี้ SET Index มีแนวรับอยู่ที่ 1,386 จุด 1,381 จุด และ 1,375 จุด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1,396 จุด 1,402 จุด และ 1,407 จุด
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ คือ TTA มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 12.40 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 14.60 บาท pSL มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 8.40 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 9.35 บาท CpF มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 23.40 บาท S (จากกราฟ) มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 6.55 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 7.35 บาท BANpU มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 23.10 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 25.25 บาท

หุ้นสำหรับ Trading ในรายวัน โดยเน้นที่การแกว่งตัวพอสมควรของเมื่อวาน มีแนวรับ-แนวต้านดังนี้ :
หุ้น ปิด แนวรับ 1 แนวรับ 2 แนวรับ 3 แนวต้าน 1 แนวต้าน 2 แนวต้าน 3
AMATA 12.7 12.4 12.1 11.8 12.9 13.2 13.5
CKP 2.52 2.48 2.44 2.36 2.56 2.6 2.68
TTA 10.8 10.6 10.3 10.1 11 11.2 11.5
PSL 7.75 7.65 7.55 7.3 7.85 7.95 8.2
SAPPE 27.5 27 26.5 25.75 28 28.75
Analyst : Krit Suwanpibul   Registration No. 17968 
               E-mail - [email protected]   Tel.02-680-5090

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!