- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 September 2015 17:40
- Hits: 1181
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET มีสิทธิปรับพักอีก แต่กรอบลบจำกัดและลุ้นขึ้นต่อได้
กลยุทธ์ : หลัง SET ขยับขึ้นมาพอควรแล้วเพื่อตอบรับข่าวการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมรอบนี้ แต่คาดว่าความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกจะยังกดดันต่อ ทำให้ SET มีสิทธิพักตัวลงระยะสั้นก่อนได้ แต่ FSS คาดว่ากรอบลบมีจำกัดและยังมีสิทธิที่ SET จะแกว่งบวกต่อเนื่องได้อีก ดังนั้นหลังจากแบ่งส่วนขายทำกำไรช่วงบวกไปบ้างแล้ว ก็สามารถดูจังหวะเลือกหุ้นกลับเข้าซื้อช่วง SET เป็นลบได้อีกตามคาด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : FER, SIRI, HMPRO(buy back)
แนวโน้ม : SET เริ่มมีจังหวะแกว่งพักตัวลงอีกครั้ง หลังช่วงที่ผ่านมาดัชนีขยับบวกขึ้นมาแล้ว 3 วันติดต่อกัน เพื่อรับข่าวการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อนของเฟด แต่ก็ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยหนุนอยู่บ้าง ทำให้ SET ยังปิดเป็นบวกได้เล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแต่เช้านี้อาจจะถูกกดดันต่อ เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศไม่ค่อยสดใสนัก หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเริ่มกลับมาปิดเป็นลบรุนแรงอีกครั้ง เพราะการที่เฟดคงอัตราดอกเบี้ยและแสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้นักลงทุนวิตกว่าจะสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นได้ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็กลับมาปรับตัวลงรุนแรงอีกครั้งด้วย ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดเป็นลบประมาณ 1%(+/-) ทำให้ FSS คาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะแกว่งพักตัวลงได้อีก อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากรอบการปรับตัวลงของ SET น่าจะยังมีกรอบลบจำกัด และมีลุ้นโอกาสกลับไปแกว่งขึ้นต่อได้อีกตามคาด เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนยังมีความคาดหวังเชิงบวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐอยู่
แนวรับ 1388-1386 , 1384-1374 จุด
แนวต้าน 1394-1398 , 1400-1403 จุด
Fund Flow วันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 จำนวน US$305ล้าน โดยส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$231ล้าน และไต้หวัน US$126ล้าน ขณะที่ไหลออกกลุ่ม TIP ทุกประเทศรวม US$50ล้าน นำโดยอินโดนีเซีย US$32.4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออก เพราะนักลงทุนเริ่มกลับมากังวลต่อตลาดเกิดใหม่ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ลืม Fed แล้วหันมาเลือกหุ้นที่สามารถลงทุนได้ในระยะยาว เมื่อ Fed นำสถานการณ์เศรษฐกิแทนที่จะสนใจเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐเอง ทำให้การคาดเดาการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของ Fed ยากขึ้น แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้สูงที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ (เหลือการประชุมอีก 2 ครั้งคือ ต.ค. และ ธ.ค.) ตลาดหุ้นโลกจึงยังคงผันผวนต่อไป แต่เราเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะ outperform ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านแม้ว่าต่างชาติจะยังขายหุ้นก็ตาม เรายังคงเป้าดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,450 จุด ระยะสั้น ซื้อขายตามแนวรับ-ต้าน ระยะยาว ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีราคาถูกเข้าพอร์ต ตาม Themes ดังนี้
- Theme การบริโภคที่ได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐ: ROBINS, GLOBAL,
CPALL, LIT, MTLS, PLANB, EPG
- Theme การลงทุน: CK, PYLON, SCC, QH, PS, SAMTEL, SAMART
- Theme 4G: ADVANC, CSS
- Theme โรงไฟฟ้าโซลาร์ 600MW ที่จะยื่นประมูล: GUNKUL, DEMCO
(+) ADVANC แนวโน้มกำไร 3Q15 ชะลอชั่วคราว เราคาด 8,587 ล้านบาท -10% Q-Q, -3% Y-Y จาก Gross margin ของโทรศัพท์มือถือที่ติดลบถึง 15% จากการอุดหนุนราคาเครื่องเพื่อเร่งกระตุ้นให้ลูกค้าเปลี่ยนจากเครื่อง 2G เป็น 3G เพื่อให้ 3G Penetration Rate บรรลุเป้าหมาย 70% ในปีนี้ (ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 65%) ประเด็นนี้ไม่เซอร์ไพร้ส์เราเพราะเป็นไปตาม guidance ที่บริษัทให้ ซึ่งจะทำให้กำไรในไตรมาสถัดๆไปโตเร็วขึ้นจากค่า Regulatory cost ที่ลดลงเพราะ Roaming สัญญาณไปคลื่นบนสัมปทานน้อยลง ประเด็นการแก้สัมปทานกับ TOT เราเชื่อว่า ADVANC ทำถูกขั้นตอน ขณะที่การประมูล 4G ปลายปีนี้จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของ ADVANC ยิ่งสูงขึ้น ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปรับไปใช้ปีหน้า 310 บาท และเป็น Top Pick ของกลุ่ม Mobile Operator
(0) KSL รายงานกำไรสุทธิ 3Q15 (พ.ค.-ก.ค.) 228 ล้านบาท -51% Q-Q, -36% Y-Y กำไรปกติ -46% Q-Q, -53% Y-Y อ่อนแอทั้งธุรกิจไฟฟ้าและเอธานอล และธุรกิจน้ำตาลเพราะราคาน้ำตาลที่ตกต่ำ แนวโน้มกำไร 4Q15 (ส.ค.-ต.ค.) จะชะลอต่อตามราคาน้ำตาล เราปรับกำไรสุทธิปีนี้ลง 15% เหลือ 1,279 ล้านบาท -21% Y-Y ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ปีหน้าคาดกำไร +7% Y-Y ธุรกิจน้ำตาลน่าจะทำได้เพียงทรงตัว แม้ราคาน้ำตาลจะเริ่มฟื้น แต่ค่าเงินเรียลบราซิลที่อ่อนค่ายังกดดันราคาน้ำตาล เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้า 4.10 บาท ราคาหุ้นสะท้อนราคาน้ำตาลที่ตกต่ำแล้ว ปรับคำแนะนำขึ้นจากขาย เป็นถือ
(-) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะธนาคารเจ้าหนี้ได้แก่ SCB, KTB และ TISCO จะได้รับแรงกดดันอีกครั้งหลัง SSI ประกาศหยุดผลิตเหล็กแบน โดยราคาหุ้น TISCO ที่ลงมาแล้วราว 6% จากวันที่เราออกรายงานน่าจะรับข่าวนี้แล้ว ส่วน SCB และ KTB ประเมินในกรณีหากต้องตั้งสำรองฯเพิ่มเติมเป็น 100% คาดว่าจะมีผลกระทบต่อหุ้นราว 1.80 บาท และ 0.45 บาทตามลำดับ
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาร่วงแรงเกือบ 300 จุดโดยนักลงทุนเริ่มให้น้ำหนักทางด้านลบกับการที่ FED คงอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ร่วงแรงเช่นกันหลัง FED คงดอกเบี้ยซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบเช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใส
(-) ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าลงเล็กน้อยหลังจากแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายวันก่อนหน้า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.70-35.80 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 44.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.22 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังบริษัทน้ำมันในสหรัฐฯปรับลดจำนวนแท่นขุดเจาะเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน รวมถึงความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัว
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,137.80 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 20.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัว รวมถึงแรงหนุนจากการคงดอกเบี้ยของ FED
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
20-ก.ย. - ไทย:ยอดขายรถ (ส.ค.)
- กรีซ:เลือกตั้งทั่วไป
21-23 ก.ย. - ญี่ปุ่น:ตลาดหุ้นปิดทำการ
21-ก.ย. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ส.ค.)
22-ก.ย. - ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
23-ก.ย. - ไทย:KOOL เริ่มเทรดวันนี้ (ราคา IPO 1.80 บาท)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (ก.ย.)
24-ก.ย. - ไทย:ดุลการค้า (ส.ค.)
- ตลาดหุ้นมาเลเซีย และ อินโดนีเซียปิดทำการ
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP)ประชุม
- สหรัฐ:คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ส.ค.),ยอดขายบ้านใหม่ (ส.ค.)
25-ก.ย. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ส.ค.)
- สหรัฐ: 2Q15 GDP –ตัวเลขสุดท้าย (ตลาดคาด +3.7%)
28ก.ย. - ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน ปิดทำการ
- สหรัฐ:Pending Home Sales, Personal spending and income (ส.ค.)
29-ก.ย. - ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการ
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research